บทที่ 268 พ้นข้อกล่าวหา
บทที่ 268 พ้นข้อกล่าวหา

“ใคร! ใครวะ? แกอยากตายหรือไง!”

ทันทีที่ประตูถูกถีบจนเปิดออก กัวหย่งซินตะโกนเสียงดังลั่นข่มขู่ทันที

ผับแห่งนี้ แก๊งวาฬยักษ์เป็นเจ้าของ ดังนั้นเขาจึงรู้จักกับทุกคนในร้านหมด หากมีใครหาเรื่องเขาในร้านนี้มันหมายถึงว่าไอ้คน ๆ นั้นมันรนหาที่ตาย!

อย่างไรก็ตาม เมื่อกัวหย่งซินเห็นหน้าคนที่ถีบประตูเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นตระหนก

“ก…แก! แกรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่!”

กัวหย่งซินเด้งตัวลุกขึ้นยืนจากโซฟาทันทีด้วยสีหน้าหวาดกลัว

เขารู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถฆ่าเขาได้ภายในพริบตา!

“หึหึ มันจะเป็นใครไปได้ที่บอกฉัน? ไอ้หลิ่วอวี้จิงยังไงล่ะที่เป็นคนบอกฉันมา!”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะอย่างดูถูก ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้กัวหย่งซินมากขึ้นอีก

“เป็นไปไม่ได้! แก…ไอ้สารเลว! แกโกหก! ฉันไม่เชื่อแก หลิ่วอวี้จิงไม่มีทางทรยศฉันแน่นอน!”

กัวหย่งซินตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาทั้งโมโหที่อวี้ฮ่าวหรานยังไม่ตาย และตื่นตระหนกกับคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าหลิ่วอวี้จิงจะทรยศเขา!

“คิดไม่ถึงล่ะสิว่าแกจะถูกขายแบบนี้?”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่กัวหย่งซินและเผิงอิงอิงด้วยแววตาเยาะเย้ย

การที่เผิงอิงอิงอยู่ที่นี่ด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจเลยสำหรับอวี้ฮ่าวหราน แต่ในทางกลับกัน เผิงอิงอิงกลับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เธอไม่คิดเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานจะมายืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้!

“อย่าได้ใจไปนะ! ฉันขอบอกให้รู้ไว้ว่าประธานกัวมีคนหนุนหลังคือแก๊งวาฬยักษ์! หากแกกล้าทำอะไรพวกเราแกตายแน่!”

เมื่อได้สติเธอรีบตะโกนขึ้นขู่ด้วยสีหน้าโมโห หลังจากมาขอที่พึ่งพิงจาก กัวหย่งซิน เธอก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว บริษัทจื่อจินมีแก๊งวาฬยักษ์ซึ่งเป็นแก๊งเบอร์ต้น ๆ ของเมืองหนุนหลัง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าแก๊งวาฬยักษ์เป็นคนหนุนหลังกัวหย่งซิน แต่เธอไม่รู้เลยว่าหัวหน้าของแก๊งวาฬยักษ์นั้นชื่อหลิ่วอวี้จิง ดังนั้นเธอจึงเข้าใจไปว่าตอนนี้กัวหย่งซินยังคงมีแก๊งวาฬยักษ์หนุนหลังอยู่ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงพวกเขาถูกลอยแพไปเรียบร้อยแล้ว

“อืม ๆ ฉันก็รู้จักแก๊งวาฬยักษ์เหมือนกัน ได้ข่าวว่าเป็นแก๊งที่ใหญ่น่าดูเลยนิ?”

อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นกลับด้วยสีหน้าขบขัน

“ในเมื่อแกรู้จักก็ดีแล้ว! ตอนนี้รีบไสหัวไปได้แล้ว!”

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานยังคงเดินเข้ามาหาเรื่อย ๆ เผิงอิงอิงจึงตะคอกไล่อีกรอบ

ในทางกลับกัน กัวหย่งซินรู้ตัวแล้วว่าเขาโดนหลิ่วอวี้จิงขายไปเรียบร้อย เพราะคนที่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่มันก็มีแค่พวกแก๊งวาฬยักษ์พวกเดียว แถมตอนนี้ไม่มีพวกลูกสมุนของแก๊งวาฬยักษ์โผล่มาช่วยเขาเลยสักคน

“พลั่ก!!”

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ได้ระยะ อวี้ฮ่าวหรานเตะเข้าไปที่ลำตัวของกัวหย่งซินจนกระเด็นไปในทันที

“มันจบแล้ว ตอนนี้แก๊งวาฬยักษ์ไม่สนใจแกอีกแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นก่อนที่จะเดินไปเหยียบหน้าอกของกัวหย่งซินอย่างดูถูก

“ก…แก! แกทำได้ยังไง! ฉันอุตส่าห์ตกลงกับหัวหน้าแก๊งหลิ่วเป็นอย่างดีแล้ว แกทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ยังไง!”

กัวหย่งซินที่โดนเตะจนกระอักเลือดลืมความเจ็บปวดไปชั่วคราวจากอาการช็อค เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะถูกปล่อยลอยแพเรียบร้อยแล้ว

“หยุดพูดไร้สาระแล้วไปกันดีกว่า ตอนนี้ฉันมีหลักฐานเอาผิดแกพร้อมหมดแล้ว ถึงเวลาที่แกจะต้องไปนอนในคุกแล้ว!”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจกับความคิดของอีกฝ่าย หลังจากพูดจบ เขาย่อตัวลงไปแล้วอุ้มร่างของกัวหย่งซินขึ้นบ่าก่อนที่จะเดินออกไปที่ประตู

ในขณะเดียวกันนี้ เผิงอิงอิงก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้วจากบทสนทนาที่ กัวหย่งซินพูดกับอวี้ฮ่าวหราน

เมื่อคิดได้ว่าแท้จริงแล้ว คนที่ชื่อหลิ่วอวี้จิง คือหัวหน้าแก๊งของวาฬยักษ์ ก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก และยิ่งเมื่อครู่เธอได้ยินว่าอวี้ฮ่าวหรานมีหลักฐานหมดแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกอยากจะคลุ้มคลั่ง

เรื่องนี้เธอมีส่วนเอี่ยวเต็ม ๆ ถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นเมื่อไหร่เธอติดคุกหัวโตแน่นอน!

และเมื่อคนธรรมดาอย่างเธอเข้าไปอยุ่ในคุก ชะตากรรมที่เธอต้องเผชิญในนั้นมันจะต้องเลวร้ายสุด ๆ

“ท…ท่านประธานกัว! ได้โปรดช่วยฉันด้วยฉันไม่อยากเข้าคุก!”

เธอรีบคุกเข่าขอร้องกัวหย่งซิน ผู้ซึ่งกำลังโดนอุ้มเหมือนหมูที่กำลังจะถูกพาไปโรงเชือด

อย่างไรก็ตาม กัวหย่งซินในเวลานี้ยังช่วยตัวเองไม่ได้แล้วเขาจะไปมีความคิดช่วยผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง เขาไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยและพยายามครุ่นคิดสุดฤทธิ์ว่าจะทำยังไงต่อดีนับจากนี้

เมื่อเห็นว่ากัวหย่งซินไม่สนใจตัวเธอเลย เผิงอิงอิงจึงรีบคลานไปเกาะขาอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว

“ไม่! ฉันไม่อยากเข้าคุก! ท…ท่านประธานอวี้! ฉันผิดไปแล้ว! ได้โปรดเถอะ โปรดอภัยให้ฉันด้วย…”

“โครม!!”

ด้วยความรำคาญ อวี้ฮ่าวหรานสะบัดขาข้างที่เผิงอิงอิงเกาะอยู่ ส่งให้อีกฝ่ายตัวลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรงจนสลบไป

เขาไม่ปราณีกับคนที่สร้างความรำคาญให้เขาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย

หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็พาตัวกัวหย่งซินไปที่บริษัทชิวเฮิง และด้วยความช่วยเหลือของเฉิงกัวอัน พวกเขาพาตัวต้นเหตุทั้งสามซึ่งได้แก่ กัวหย่งซิน หลี่จิงเทียน อดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีไปยังตึกสำนักงานของกรมสรรพากร

เนื่องจากมีทั้งหลักฐานและพยานพร้อมทั้งคำสารภาพครบถ้วน มันจึงใช้เวลาไม่นานเลยที่เรื่องทุกอย่างกระจ่าง

หลังจากการสอบสวนเรียบร้อย กรมสรรพากรประจำเมืองฮ่วยอันก็ออกประกาศว่าเครือฮ่าวหรานพ้นผิดในข้อกล่าวหาหลีกเลี่ยงภาษี

“ครั้งนี้พวกเราต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริง ๆ ที่กล่าวหาผู้จ่ายภาษีรายใหญ่อย่างคุณอวี้ผิดไป และทางเราขอขอบคุณคุณเฉิงเช่นกันที่ช่วยเราสอบสวนเรื่องนี้”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรประจำเมืองเอ่ยขึ้นขอโทษด้วยตัวเองอย่างจริงจัง

“ขณะนี้ทางเราได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ของเราทุกคนถอนตัวออกจากเครือฮ่าวหรานหมดแล้ว คุณอวี้สามารถให้พนักงานเข้าไปทำงานตามปกติได้เลย”

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร ๆ ผมแค่ช่วยเหลือนิดหน่อยเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะน้องอวี้เป็นคนดีต่างหาก ไม่งั้นผมเองก็จนปัญญา”

เฉิงกัวอันที่อยู่ด้านข้างตอบกลับอย่างเบิกบาน

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากพยักหน้าเล็กน้อย เรื่องที่กรมสรรพการยกเลิกข้อหาของเขาไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องรู้สึกซาบซึ้งและเอ่ยคำขอบคุณออกไป เขาไม่ได้ผิด เขาไม่ได้ติดค้างอะไรผู้หญิงคนนี้ที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร

หลังจากจบเรื่องเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้กลับไปที่บริษัทเพราะตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนพิเศษของถวนถวนแล้ว

เขาขับรถมุ่งหน้าไปที่โรงเรียนสอนเปียโนโดยตรง

เมื่อไปถึง มันเป็นจังหวะเดียวกับที่หลิวว่านฉิงเดินออกมาจากห้องสอนเปียโนพร้อมกับพวกเด็ก ๆ พอดี

“ถวนถวน เรียนวันแรกเป็นยังไงบ้างลูก?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามลูกสาวตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที

“สนุก! ถวนถวนชอบเรียนเปียโนมากเลยพ่อจ๋า! เสียงของเปียโนเพราะมาก ๆ แถมคุณครูหลิวก็เก่งเหมือนพวกคนในทีวีเลย!”

“ขอบคุณจ้ะถวนถวนสำหรับคำชม ถวนถวนเองก็ด้วย ถ้าหนูเรียนไปเรื่อย ๆ หนูจะต้องเก่งกว่าครูแน่นอน!”

หลิวว่านฉิงอดไม่ได้ที่จะลูบหัวถวนถวนด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะหันไปพูดกับอวี้ฮ่าวหรานต่อ

“ถวนถวนฉลาดมากเลยค่ะ ตอนนี้อยู่ในชั้นเรียนเธอตั้งใจมากแถมยังเรียนรู้ได้เร็วมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ อีกต่างหาก”

ประโยคนี้ไม่ใช่คำชมลอย ๆ เพื่อให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกพอใจ หลิวว่านฉิง เอ่ยคำนี้ด้วยความสัตย์จริง ถวนถวนเป็นนักเรียนที่โดดเด่นกว่าคนอื่นมาก

“อืม เป็นเพราะลูกผมได้ครูดีด้วยนั่นแหละ”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชมลูกสาวของตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานจึงตอบกลับอย่างสุภาพ

หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนกลับคอนโด