— ตุบ! —
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของจิวเยี่ย ร่างมู่เฉียนซีล้มลงไปกับพื้นทันที
เวลานี้นางแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง นางเงยหน้ามองจิ่วเยี่ย กล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นวันเกิดของข้า แต่หากเจ้าไม่รู้ว่าจะให้ของขวัญอะไรแก่ข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องให้ก็ได้”
จิ่วเยี่ย “จำเป็นต้องให้”
สีหน้ามู่เฉียนซีเวลานี้อึดอัดอย่างมาก “ไม่จำเป็นจริง ๆ”
ทันทีที่นางกล่าวจบ จิ่วเยี่ยยื่นมือออกมาถอดเสื้อผ้าของนางออก เขากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้าต้องรับไว้ และจะส่งคืนไม่ได้เด็ดขาด”
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว มู่เฉียนซีถูกจิ่วเยี่ยอุ้มขึ้นไปบนเตียงอย่างกะทันหัน
มู่เฉียนซีเวลานี้จนปัญญายิ่งนัก นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่น่ากลัวที่สุดที่นางเคยได้รับมา สองมือของจิ่วเยี่ยกอดนางมาจากด้านหลัง เขากล่าวขึ้นด้วยความพึงพอใจ “ความรู้สึกเวลาที่อยู่กับซี… ไม่เลวเลย”
มู่เฉียนซีมองใบหน้างดงามอย่างไร้ที่ตินั้น นางกล่าวถามเขาว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าต้องการเช่นนี้ ?”
“ในค่ำคืนที่ซีเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ข้าจะอยู่กับเจ้าเอง” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางโอบกอดนางไว้แน่น
“แต่ข้าไม่ชินกับการนอนร่วมกับคนอื่น”
“ต่อไปเจ้าจะชินเอง” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงอันเบา
ถึงอย่างไร เยี่ยอ๋องผู้นี้ยึดเตียงนอนของนางไปแล้ว เขาผู้ดื้อรั้นผู้นี้ ถึงไล่ก็ไม่ยอมไปแน่นอน! แต่ใครจะกล้าไล่เขา ?
มู่เฉียนซีลอบต่อว่าอยู่ในใจ ‘เจ้าบ้าจื่อโยวสมควรตายนัก ไปสอนอะไรไม่ดีให้จิ่วเยี่ยอีก เขาถึงได้ดื้อดึงไม่ยอมไปเช่นนี้!’
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย หากเจ้าจะค้างที่นี่ก็ย่อมได้ เพียงแต่เจ้าอย่าไปฟังคำพูดบ้า ๆ ของจื่อโยวมากนัก ยาพิษของข้าไม่ใช่เรื่องตลก”
“อืม”
จิ่วเยี่ยยื่นมือไปโอบกอดนางให้นอนลงพลางกล่าว “พักผ่อนเถอะ”
เมื่อจิ่วเยี่ยหลับตาลง นางก็ปล่อยลมหายใจด้วยความโล่งอกโล่งใจ “อืม พักผ่อนกัน”
แต่ไหนแต่ไรมา มู่เฉียนซีไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านางจะนอนร่วมเตียงเคียงหมอนกับบุรุษได้ อีกทั้งนางยังนอนหลับได้สนิทอย่างมาก
……
รุ่งอรุณของวันต่อมา เมฆงามบนท้องนภาส่องประกายสีทองอ่อน ๆ แสงแดดอุ่น ๆ ยามเช้าส่องกระทบร่างบาง ในขณะที่นางตื่นขึ้นมานั้น แทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่าจิ่วเยี่ยเป็นบรุษที่ละเอียดอ่อนยิ่งนัก เขามิได้ล่วงเกินนาง ทำให้นางเชื่อใจเขาได้มากเป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าร่างของจิ่วเยี่ยกำลังนอนอยู่บนเบาะนุ่ม ๆ ทันใดนั้นจิ่วเยี่ยก็ลืมตาสีฟ้าขึ้นมา มองมาที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่านอนเบียดบนเตียงเดียวกับข้า! ท่าทางการนอนของข้าก็ใช่ว่าจะเรียบร้อยนัก นี่ข้านอนเบียดเจ้าจนเจ้านอนไม่สบายเลยใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งและจิ่วเยี่ยก็กล่าวว่า “ไม่เป็นไร อีกหน่อยก็ชินไปเอง” เขายื่นมือออกมาลูบผมสีดำขลับของนางอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากของเขานั้นก็ใกล้เข้ามาก่อนจะประกบจูบแผ่วเบา
“อืม…”
เมื่อริมฝีปากของทั้งสองแยกออกจากกัน มู่เฉียนซีเห็นเปลวไฟภายในดวงตาของจิ่วเยี่ย “จิ่วเยี่ย นี่เจ้ายับยั้งคำสาปนั่นไม่ได้อีกแล้วใช่หรือไม่ ?”
จิ่วเยี่ยกอดนางไว้แน่น กล่าวว่า “ต่อไปมีซีอยู่ด้วยในตอนกลางคืนก็จะกดระงับคำสาปนั้นเอาไว้ได้”
ดวงตามู่เฉียนซีเบิกกว้าง “เจ้าว่าอย่างไรนะ ? ต่อไปรึ ? จิ่วเยี่ย เจ้าคงจะไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้ไปเจ้าจะมานอนที่นี่หรอกใช่ไหม ?”
จิ่วเยี่ยตอบ “ต่อไปข้าจะนอนที่นี่”
มู่เฉียนซี “การนอนกับสตรีจะช่วยยับยั้งคำสาปเอาไว้ได้อย่างนั้นรึ นี่มันคำสาปบ้าบออันใด ? อีกอย่าง ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้พยายามยับยั้งเลย ตอนนี้อาการของเจ้าช่างประหลาดยิ่งนัก”
จิ่วเยี่ยกล่าว “ร่างของข้า ข้าย่อมรู้ดีที่สุด”
ในแผ่นดินนี้ อาการป่วยเช่นนี้ของจิ่วเยี่ยเป็นอาการที่ซับซ้อนมากที่สุดที่นางเคยพบเจอมา และบุรุษอย่างจิ่วเยี่ยก็เป็นคนที่ซับซ้อนยากเกินจะคาดเดาได้อยู่แล้ว
มู่เฉียนซีพยักหน้า กล่าวว่า “แต่ข้าไม่ชอบให้มีคนนอนข้าง ๆ ข้าทุกคืน”
“แต่เมื่อคืนเจ้าก็นอนหลับสบาย เอาเป็นว่าข้าจะมาหาเจ้าทุกคืน” จิ่วเยี่ยตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อน เขาไม่ให้โอกาสมู่เฉียนซีปฏิเสธเลย กล่าวจบร่างของเขาพลันอันตรธานหายไปทันที
มู่เฉียนซีใบหน้าเครียดคล้ำ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้นางจะหลับไปอย่างสบาย ทว่าก็ไม่สมควรนอนกับจิ่วเยี่ยเช่นนี้ทุกคืน แต่ถึงอย่างไรเรื่องที่จิ่วเยี่ยตัดสินใจแล้ว มู่เฉียนซีมิอาจขัดได้
นางเบ้ปาก บ่นพึมพำกับตัวเอง “เฮ้อ… คิดเสียว่าเจ้าก้อนน้ำแข็งเป็นหมอนข้างที่มีภาพมนุษย์รูปงามก็แล้วกัน”
…
มู่เฉียนซีมุ่งหน้าไปที่เรือนอวู่โยวเพื่อไปเยี่ยมมู่อวู่ซวง
มู่อวู่ซวงเห็นว่านางได้เปลี่ยนปิ่นปักผมแล้วจึงกล่าวถาม “ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่ชอบปิ่นวิญญาณจื่อเฟิ้งที่ข้าให้รึ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “ข้าชอบมากท่านอา แต่ข้ามอบมันให้คนผู้หนึ่งไปแล้ว ท่านอา…”
— ซู่! —
ทันใดนั้นพลังที่น่ากลัวพลันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งป่าไผ่ มู่เฉียนซีรู้สึกตื่นตกใจไปชั่วขณะ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอาเสียการควบคุมเพียงเพราะปิ่นปักผมอันเดียว
“ซีเอ๋อร์ เจ้าให้ปิ่นปักผมใครไปรึ ?” มู่อวู่ซวงกล่าวถาม
“จิ่วเยี่ยเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นท่าทางท่านอาโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ มู่เฉียนซีจำต้องยอมสารภาพอย่างตรงไปตรงมา
“บุรุษผู้นั้น!” ดวงตาของมู่อวู่ซวงอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซีเอ๋อร์ไม่รู้ แต่บุรุษผู้นั้นจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าปิ่นปักผมนั้นมีความหมายและเป็นสัญลักษณ์ของความรัก เมื่อบุรุษขอปิ่นปักผมนั่นแสดงว่าเขากำลังขอแต่งงาน และหากสตรีมอบให้ไป นั่นก็หมายความว่าได้ตอบตกลงแล้ว
กฎของตระกูลพวกเขา คนที่นี่ไม่มีทางรู้แน่นอน ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับขอปิ่นวิญญาณจื่อเฟิ้งจากซีเอ๋อร์ไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าบุรุษผู้นั้นรู้ตัวตนที่แท้จริงของซีเอ๋อร์แล้ว
มู่อวู่ซวง “ปิ่นปักผมนั่น จะต้องเอาคืนมาให้ได้”
หากพี่ใหญ่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้กับซีเอ๋อร์ มีหวังเขาต้องโดนฆ่าตายเป็นแน่!
มู่อวู่ซวงหวังว่าสองขาของเขาจะกลับมาเป็นปกติในเร็ววัน เพื่อเขาจะได้ไปที่จวนเยี่ยอ๋อง ชิงเอาปิ่นวิญญาณจื่อเฟิ้งกลับคืนมา
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความร้อนใจ “ท่านอา ท่านอาใจเย็นลงก่อนนะเจ้าคะ”
ท่านอาผู้ที่อ่อนโยนใจดีมาโดยตลอด กลับโกรธเกรี้ยวได้ถึงเพียงนี้ ตกลงแล้วมีความลับอะไรซ่อนอยู่ในปิ่นปักผมนั้นกันแน่
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ท่านอา พลังของจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งยิ่งนัก ต่อให้ข้ากับท่านอาร่วมมือกันก็มิอาจสู้พลังของเขาได้ หากบุกไปชิงถึงจวนเยี่ยอ๋อง ข้าเกรงว่าจะไม่เป็นการดี” มู่เฉียนซีรีบเข้าไปขวางหน้ามู่อวู่ซวงเอาไว้ ดูท่าทางของมู่อวู่ซวงแล้ว เขาเป็นกังวลอย่างมาก
มู่เฉียนซีผู้ที่ไม่รู้เรื่องในตอนนี้ นางไม่ทราบเลยว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่นางมอบปิ่นปักผมให้กับเขานั่นหมายความว่านางได้มอบตนเองให้กับบุรุษผู้นั้นแล้ว
แน่นอนว่ามู่อวู่ซวงรู้อยู่แก่ใจว่าพลังของจิ่วเยี่ยนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ตอนนี้เขายังไม่สามารถไปต่อกรกับคนอย่างจิ่วเยี่ยได้ อีกอย่าง เขาจะหุนหันพลันแล่นไปไม่ได้เด็ดขาด
มู่อวู่ซวง “ซีเอ๋อร์ เรื่องปิ่นนั่นข้าจะหาทางช่วยเจ้าเอาคืนมาให้ได้”
มู่เฉียนซี “ท่านอา ท่านอาวางใจเถอะ ของที่ข้าให้ไป ข้าจะหาวิธีเอาคืนมาให้ได้ แต่ท่านอาเล็ก ปิ่นปักผมนั่นมันมีประโยชน์อย่างไรหรือเจ้าคะ ?”
จิ่วเยี่ยบอกว่าปิ่นปักผมอันนั้นมีประโยชน์ต่อเขามาก และเมื่อท่านอาได้ยินว่านางมอบให้จิ่วเยี่ย ท่านอาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเช่นนี้
มู่อวู่ซวง “นั่นเป็นปิ่นที่ข้ามอบให้กับซีเอ๋อร์ในพิธีฉลองการเป็นผู้ใหญ่ของซีเอ๋อร์ มันจึงมีความสำคัญมาก เมื่อข้ารู้ว่าซีเอ๋อร์มอบมันให้กับบุรุษอื่น ข้าจึงโกรธเป็นธรรมดา”
แน่นอนว่ามู่อวู่ซวงไม่บอกนางอย่างแน่นอนว่าจิ่วเยี่ยกำลังขอนางแต่งงาน คิดจะพรากซีเอ๋อร์ไปรึ ? ไม่มีทาง!
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นข้าจะไปหาเขาที่จวนเพื่อขอเอาปิ่นกลับมา”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะออกไป ทันใดนั้นมู่อวู่ซวงกล่าวขึ้น “ซีเอ๋อร์ ช้าก่อน…”
.