ตอนที่ 135 หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมือง
อย่างที่รู้กันว่าแม่นางเฉินนั้นหน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก แม่นางเฉินจ้องมองแม่นางเหลียนอย่างเบิกบานใจอยู่ด้านข้าง
“พี่สะใภ้สามรอสักครู่ ข้าขอเตรียมบะหมี่ชามนี้ให้เสร็จก่อน จากนั้นค่อยทำส่วนของท่านแล้วกัน” แม่นางเหลียนตอบอย่างไม่สามารถหลบเลี่ยงได้
“ได้สิ! น้องสะใภ้สองไม่จำเป็นต้องรีบร้อน!” แม่นางเฉินพูด สายตาจับจ้องไปที่ถาดอาหารอย่างไม่ไหวติงพลางถูมือไปมาและถามว่า “เยี่ยนเอ๋อ พวกเจ้าทานสิ่งใดเป็นมื้อเช้า?”
หยุนเยี่ยนนิ่งเงียบ
“เช่นเดียวกับห้องชั้นบน” หยุนเชวี่ยตอบ
“เหตุใดข้าถึงได้กลิ่นที่หอมกว่าห้องชั้นบนกันล่ะ?” แม่นางเฉินยืดคอขึ้นพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมนั้น
แน่นอนว่านางเห็นเป็นบะหมี่น้ำและผักดองเหมือนกันไม่มีผิด มิใช่เพราะว่านางยังทานมื้อเช้าไม่อิ่มจึงอยากทานอีกอย่างนั้นหรือ?
หยุนเชวี่ยเงยหน้ามองแม่นางเฉิน จากนั้นจึงรีบเก็บถุงถั่วใส่ในตะกร้าทันที
แม่นางเฉินยืดคอมองและพูดขึ้นว่า “มันไม่น้อยเกินไปสำหรับสองคนหรอกหรือ?”
หยุนเชวี่ยแลบลิ้นออกมา “ข้าไม่แบ่งให้ท่านหรอก”
“เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดต้องระแวงอาสะใภ้สามของเจ้าราวกับโจรเช่นนี้กัน?” แม่นางเฉินกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจ “ถึงข้าจะอดอยากเพียงใดก็ไม่คิดจะขโมยรังนกของพวกเจ้า”
จากนั้นนางจึงแสยะยิ้มให้กับแม่นางเหลียน “น้องสะใภ้รอง เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?”
“พี่สะใภ้สาม ส่วนของท่านได้แล้ว ข้าเพิ่งนึ่งใหม่จากหม้อเลยล่ะ ระวังร้อนด้วย” แม่นางเหลียนหันหน้ามาและส่งสายตาให้หยุนเชวี่ย จากนั้นแม่นางเหลียนเปิดตะกร้านึ่งออกและหยิบเอารังนกออกมาให้แม่นางเฉิน
แม่นางเฉินรับรังนกมาและกลืนลงไปทั้งหมดอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง “น้องสะใภ้รอง เจ้าเป็นคนใจดีเสียจริง“
“ค่อย ๆ ทานสิ เดี๋ยวข้าจะรินน้ำให้” แม่นางเหลียนกล่าว
“ไม่เป็นไร ข้าจะทานข้าวต้มด้วย!” แม่นางเฉินไม่สนใจและย้ายร่างอวบอ้วนของนางนั่งลงที่โต๊ะอาหารเล็ก ๆ เพียงร่างกายของแม่นางเฉินคนเดียวก็กินที่สำหรับสองคนแล้ว
หยุนลี่เต๋อขมวดคิ้วพลางยัดรังนกที่เหลือเข้าไปในปากอย่างเงียบเชียบ หลังจากทานข้าวต้มเสร็จ หยุนลี่เต๋อแบกเครื่องมือทำสวนที่ตั้งอยู่ข้างกำแพงและเดินออกไปทันที
“ข้าจะออกไปทำสวนสักหน่อย”
“พี่รอง ท่านอิ่มแล้วหรือ?” แม่นางเฉินยืดตัวไปหยิบจานผักดองตรงหน้า
หยุนลี่เต๋อไม่ตอบคำถามก่อนกระทืบเท้าเสียงดังออกจากประตูไป
แม่นางเหลียนยังคงสงบนิ่งและตักข้าวต้มให้แม่นางเฉินพร้อมกับตะเกียบคู่หนึ่ง
“น้องสะใภ้รอง ข้าวต้มของเจ้าช่างหอมอร่อยเสียเหลือเกิน!” แม่นางเฉินยกข้าวต้มขึ้นทานพร้อมกับชำเลืองมองห้องชั้นบนและบ่นเสียงเบาว่า “ข้าวต้มถ้วยนั้นไม่มีแม้แต่ข้าวสักเม็ด อย่างกับน้ำล้างหม้อ!”
พูดจบ แม่นางเฉินจึงคีบผักดองชิ้นใหญ่ขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย
หยุนเชวี่ยและหยุนเยี่ยนมองหน้ากัน ทั้งโกรธทั้งขำแต่นิ่งเงียบไว้
แม่นางเฉินทานรังนกไปถึงสามชิ้นและเอื้อมมือไปหยิบอีกสองชิ้นที่เหลือพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้านึ่งได้ดีจริง ๆ แต่มันนุ่มเกินไปทำให้ทานไม่อิ่ม! เช่นนี้แล้ว เพียงแค่ห้าชิ้นคงไม่ทำให้ข้าอิ่มท้องได้หรอก!”
หยุนเชวี่ยตั้งใจจะพูดบางอย่างขึ้นมาแต่ถูกแม่นางเหลียนหยุดเอาไว้ นางส่ายศีรษะเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าให้เงียบไว้
“หยุนเชวี่ย เราจะไปกันได้หรือยัง?” เหอยาโถวเดินเข้าประตูมาพอดี เมื่อเห็นท่าทางมูมมามของแม่นางเฉินจึงเลิกคิ้วขึ้น
“ไปกันเถอะ ข้าขอหยิบตะกร้าไม้ไผ่ก่อน” หยุนเชวี่ยลุกขึ้น ฉวยโอกาสที่แม่นางเฉินไม่ทันระวัง คว้าตะกร้าผักและวิ่งเข้าไปในห้องฝั่งตะวันตกอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเด็กคนนี้จะหวงอาหารไปทำไมหนักหนา! ข้าแค่ทานรังนกไปไม่กี่ชิ้น เหตุใดเจ้าตัวน้อยนี่ถึงได้ขี้โมโหนัก!” แม่นางเฉินโวยวายแต่ยังคงถือถ้วยข้าวต้มไว้แน่น
“อาสะใภ้สาม ท่านไปตักน้ำเถิด อย่าให้ข้าต้องดุด่าท่านเลย” หยุนเชวี่ยกล่าวระหว่างแบกตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นบนหลัง
“มิใช่ว่าข้ารอแม่ของเจ้าอยู่หรอกหรือ?” แม่นางเฉินไม่ยอมแพ้ แต่ไม่กล้าเข้าไปที่ห้องตะวันตก จึงได้บอกหยุนเยี่ยนไปว่า “เยี่ยนเอ๋อไปเอาตะกร้าออกมาให้ข้าทีสิ”
“ท่านแม่ ข้าอิ่มแล้ว ขอตัวไปซักผ้าก่อน” หยุนเยี่ยนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและกลับเข้าบ้านไป
“ท่านแม่ ข้าจะเข้าเมืองแล้ว ท่านยุ่งมาทั้งเช้าแต่ยังมิได้ทานสิ่งใดเลย ข้าเก็บรังนกสองชิ้นในตะกร้าไว้ให้” หยุนเชวี่ยจงใจตะโกนใส่แม่นางเฉิน
แม่นางเฉินเบ้ปากและคีบผักดองที่เหลืออีกครึ่งใส่ถ้วยของนาง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “น้องสะใภ้สอง ตักข้าวต้มให้ข้าอีกถ้วยสิ!”
เหลียวซีจินและเผยเสี่ยงส้วยได้รออยู่ที่ด้านนอกบ้านตระกูลหยุนนานแล้ว
เพราะขบวนสินค้าของตระกูลกั๋วไม่ได้เดินทางลงทางใต้บ่อยนัก เพื่อไม่ให้ทำให้ธุรกิจของพวกเขาล่าช้า เหอเยี่ยเอ๋อจึงให้ขบวนสินค้าอีกกลุ่มที่คุ้นเคยเส้นทางมากกว่ามาช่วยนำทาง
พวกเขาจะเดินทางผ่านเมืองอันผิงโดยไม่หยุดพักและมุ่งตรงไปยังเมืองต้าชิงสือทางทิศเหนือ
ในเมื่อหยุนเชวี่ยรับคำไว้แล้วย่อมไม่อาจเกียจคร้านได้ จึงต้องรีบเข้าเมืองไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนจะออกไป หยุนเชวี่ยนําแตงกวาและพุทราเปรี้ยวที่ล้างสะอาดแล้วใส่เข้าไปในตะกร้า
“ในที่สุดบ๊วยของเราก็มาถึงเสียที!” เหลียวซีจินกล่าวขึ้นอย่างไม่รีรอ “ข้ารอมาตั้งสองวันแล้ว!”
“ใช่!” เผยเสี่ยงส้วยพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าอยากทำงานจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!”
“ทั้งสองอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป” หยุนเชวี่ยชี้ไปที่ตะกร้าไม้ไผ่ด้านหลังของทุกคน “เราต้องแบกผลบ๊วยตั้งห้าสิบจินไปตลอดทางเชียวนะ”
“จะกลัวไปไย! ข้าแรงเยอะถึงเพียงนี้!” เหลียวซีจินโบกมือ “เดี๋ยวข้าจะแบกให้อีกยี่สิบจินแล้วกัน พวกเจ้าจะได้เบาแรงลง!”
เผยเสี่ยงส้วยไม่ยอมอ่อนข้อให้ “ข้าสามารถแบกน้ำหนักได้ยี่สิบชั่ง! แม้แต่ฟืนมัดใหญ่ข้าก็ลากขึ้นภูเขามาแล้ว”
“ข้าเองก็มิใช่เด็กน้อยเช่นกัน” เหอยาโถวหยอกล้อด้วยท่าทางน่าขัน
เมื่อเห็นทุกคนกระตือรือร้นเช่นนี้ หยุนเชวี่ยก็อารมณ์ดีขึ้นมา “หากว่าคราวนี้ขายบ๊วยได้หมด ข้าจะเลี้ยงกระต่ายย่าง!”
ระหว่างที่เดินทางเข้าเมือง
“หยุนเชวี่ย ป้าใหญ่ของเจ้าได้สติขึ้นมาหรือยัง?” เหอยาโถวถามเสียงเบา
เมื่อเผยเสี่ยงสุ้ยและเหลี่ยวซีจินได้ยินดังนั้นก็เข้ามาล้อมวงเพื่อฟังข่าวสาร
“ได้สติแล้ว” หยุนเชวี่ยกล่าว
“เป็นเรื่องจริงหรือ?” เหอยาโถวกระพริบตาปริบ ๆ “ทุกคนบอกข้าว่าหยุนซิ่วเอ๋อตั้งใจจะฆ่านางมิใช่หรือ? เหตุใดนางถึงฟื้นขึ้นมาได้กันล่ะ?”
“นางลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่และวิ่งเข้ากระท่อมไปอย่างรวดเร็ว” หยุนเชวี่ยรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“ปวดถ่ายจนได้สติ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าหยุนซิ่วเอ๋อเป็นคนทำร้ายนาง แล้วหลานซานก็บอกอีกว่าเขาจะไปที่ศาลเพื่อฟ้องหยุนชิ่วเอ๋อเช่นกัน”
“เหตุใดหลานซางถึงพูดจาเหลวไหล? ทําลายชื่อเสียงผู้คนเสียไปทั่ว”
“เหลวไหลอันใด? เจ้าสองคนไม่เห็นสิ่งที่หยุนซิ่วเอ๋อทำหรือ นางมักจะคอยกลั่นแกล้งหยุนเชวี่ยกับข้าอยู่ตลอด!” เหอยาโถวพ่นลมออกจากจมูก
เหลียวซีจินและเผยเสี่ยงส้วยได้ยินดังนั้นก็เบ้ปากใส่กัน
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย เดี๋ยวป้าหยุนชิ่วของข้าได้ยินและมาหาเรื่องพวกเจ้าอีก” หยุนเชวี่ยกล่าว
หยุนเชวี่ยไม่ต้องการที่จะมีปัญหา ผู้ใดจะใช้กลอุบายลับหลังก็ไม่เป็นไร นางขอเพียงหาเงินได้และใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว
บนถนนทางตอนใต้ของเมืองอันผิง
ทั้งสี่คนรออยู่ไม่ถึงสิบห้านาที ก็เห็นกลุ่มพ่อค้ากําลังเร่งรถม้ามาแต่ไกล
“มาแล้ว! มาแล้ว!”
“บ๊วยของเรามาถึงแล้ว!”
เหลียวซีจินกับเผยเสี่ยงส้วยลุกขึ้นกวักมือเรียก หยุนเชวี่ยรีบนำตะกร้าไม้ไผ่แขวนไว้บนอกและเรียกเหอยาโถวเข้ามา “รับไป ข้านำพุทราเปรี้ยวและแตงกวามาด้วย นี่จะช่วยให้พวกเราดับกระหายได้ดีเลยล่ะ!”