ตอนที่ 136 อย่าได้คิดจะเห็นแก่ตัว
หากสามารถอ่านความรู้สึกของผู้คนได้อย่างเฉียบขาด เพียงแค่แตงกวาและพุทราเปรี้ยวที่ไม่มีค่าอันใดก็ยังสามารถใช้ซื้อใจผู้คนได้
การทําการค้านั้นไม่ควรสนใจแค่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการความเชื่อใจเพื่อให้การค้าอยู่รอดต่อไปได้
หลังจากรับผลบ๊วยมาแล้ว ทั้งสี่ก็กล่าวขอบคุณเหล่าพ่อค้าไปอย่างสุภาพ เหลียวชีจินเติมตะกร้าจนเต็มตามที่สัญญาเอาไว้
เหอยาโถวชำเลืองมองแวบหนึ่งพลางเลียริมฝีปาก จากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นท่อนแขนเรียวยาวที่มีผิวขาวนวล
ถึงอย่างนั้นเหอยาโถวก็ยังเป็นผู้ชาย คงจะน่าอับอายหากปล่อยให้หญิงสาวต้องออกแรง!
“เจ้าแบกทั้งหมดนั่นไหวหรือ?” หยุนเชวี่ยเห็นเหอยาโถวเติมตะกร้าจนเต็มจึงรีบเข้าไปห้ามปราม
“แล้วเจ้าล่ะ?” เหอยาโถวเกยคางของเขาลงบนศีรษะของนาง
“กว่าจะกลับไปถึงหมู่บ้านของเราก็ตั้งสิบห้าลี้ เจ้ายังไม่คุ้นเคยกับงานนี้ อย่าได้ฝืนตัวไป” หยุนเชวี่ยพูดพลางคว้ามือเหอยาโถวเพื่อให้แบ่งผลบ๊วยมา
“ข้าไม่เป็นไร” เหอยาโถวยังคงดื้อรั้น พยายามยืนให้มั่นคง จากนั้นก็แบกตะกร้าขึ้นหลังและก้าวเดินออกไป
ชายหนุ่มทั้งสองเดินนำหน้าปล่อยให้หยุนเชวี่ยและเผยเสี่ยวส้วยพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ก่อนที่จะออกจากเมืองไป เหอยาโถวยังคงเดินนําหน้าอย่างฮึกเหิม
เมื่อออกจากเมืองอันผิง ดวงอาทิตย์พลันส่งแสงแดดแผดเผา ไม่นานนักเหอยาโถวก็เหงื่อแตกพลั่ก ใบหน้าขาวซีดแดงระเรื่อและร้อนผ่าวขึ้นมา ฝีเท้าหนักอึ้งขึ้นทุกที
“เหออวี้ เจ้ายังไหวไหม?” เหลียวชีจินไม่เหนื่อยหอบเลยสักนิด เขายิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ
“พี่เหออวี้ ข้ายังไม่เหนื่อยเลย ท่านแบ่งมาให้ข้าสักหน่อยเถอะ” เผยเสี่ยวส้วยพูดพลางคว้าแขนเสื้อของเหอยาโถวเอาไว้
“ใช่แล้ว อย่าทําอย่างนี้เลย หากป้าเหอเห็นเจ้ากลับเข้าบ้านในสภาพนี้ คงอดเป็นห่วงมิได้แน่” หยุนเชวี่ยชี้ไปที่ตะกร้าไม้ไผ่บนหลังของเหอยาโถว “แบ่งมาเดี๋ยวนี้!”
เหอยาโถวมองไปยังเหลียวชีจินที่ยังดูแข็งแรงดี จากนั้นจึงปาดเหงื่อออกไปและขบกรามแน่น “ไม่เป็นไร ข้ายังไหว! เดินต่อไปเถอะ ข้าอยากกลับบ้านไปทานซาลาเปาลูกใหญ่ของท่านแม่ใจจะขาดแล้ว!”
เมื่อคิดถึงซาลาเปาหมูที่หอมกรุ่น เหอยาโถวจึงฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้งและกําสายสะพายของตะกร้าไม้ไผ่ไว้แน่น
“พี่เหออวี้…”
“นี่… เจ้าแน่ใจหรือว่ายังไหว?”
“ข้าไม่เป็นไรหรอก พวกเจ้าตีโพยตีพายไปเพื่อเหตุใดกัน?”
เหอยาโถวยังคงหัวแข็งไปตลอดทาง หลังจากที่แบกตะกร้าบ๊วยหนักอึ้งจากตัวเมืองมาจนถึงหมู่บ้านไป๋ซี เมื่อก้าวเท้าเข้าบ้านไปจึงรีบทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างไม่รังเกียจความสกปรกและหอบหายใจอยู่นาน
หยุนเชวี่ยกุมขมับ เขาอดทนได้ไม่ถึงสามวินาทีจริง ๆ
ป้าเหอที่เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับกระถางต้นไม้ เมื่อเห็นเขาที่หน้าแดงเหงื่อท่วมตัวก็ตื่นตกใจ “อ๊า! เกิดสิ่งใดขึ้นกับเจ้า?”
“ท่านป้า…” หยุนเชวี่ยพูดพลางเกาศีรษะ “เขาแค่เหนื่อยเท่านั้น”
“เหตุใดแค่เดินทางเข้าเมืองถึงทำให้เจ้าเหนื่อยหอบเช่นนี้?” ป้าเหอรีบไปหาน้ำชามาให้ดื่ม
หยุนเชวี่ยพูดถูก เหอยาโถวเปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของนาง ท่าทางที่อ่อนแรงของเขาทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
“ท่านป้า…” เหลียวชีจินวางตะกร้าลงข้างกำแพง “ข้าคงต้องขอตัวกลับไปช่วยท่านแม่ทำงานก่อน”
“ข้าเองก็ต้องไปแล้ว พี่เหออวี้ พักผ่อนให้สบายเถอะ” เผยเสี่ยวส้วยมองไปที่เขาและวิ่งหนีไป
ป้าเหอที่กำลังถือกาน้ำชาและถ้วยชาไว้หลายใบ ตะโกนใส่ทั้งสองคนว่า “จะรีบไปไหนกัน? เข้ามาดื่มน้ำชาก่อนสิ ซาลาเปาของข้ายังไม่ทันสุกดีเลย…”
หยุนเชวี่ยยื่นมือออกไปดึงเหอยาโถวที่เหนื่อยล้าขึ้นมาจากพื้นและช่วยเขาปัดเศษดินออกไป “เจ้าบอกว่ายังไหวมิใช่หรือ?”
เหอยาโถวยิ้มกว้างและหัวเราะเสียงดัง
“พอได้แล้ว อากาศด้านนอกร้อนมาก เจ้ากลับเข้าบ้านไปพักเถอะ ข้าจะมาพบเจ้าอีกทีตอนบ่ายแล้วกัน”
“จะรีบไปไหนกันหยุนเชวี่ย? ท่านแม่กำลังนึ่งซาลาเปาเนื้ออยู่เลย รอให้สุกก่อนค่อยเอากลับไปสักสองสามลูกดีไหมล่ะ” เหอยาโถวตะโกนขึ้น
“ไม่ล่ะ ท่านป้าเหอ… ท่านให้เหออวี้ทานเผื่อข้าสักนิดแล้วกัน!”
เหอยาโถวยืนโบกมือให้นางอยู่ใต้ชายคาบ้าน “ท่านแม่ หยุนเชวี่ยไม่ชอบซาลาเปาเนื้อ ครั้งหน้าท่านห่อไส้ไข่กับกระเทียมหอมดูดีไหม”
“ไม่ทานเนื้อสัตว์อย่างนั้นหรือ? เจ้าเด็กคนนี้ คนบ้านนอกอย่างพวกเราไม่ควรเลือกกิน…”
หยุนเชวี่ยแลบลิ้นออกมาและกระโดดข้ามธรณีประตูไป ปล่อยให้ผมแกละสะบัดพลิ้วไหวอย่างงดงาม
“ในหมู่หญิงสาวมากมายในหมู่บ้าน เจ้าเหมาะสมกับหยุนเชวี่ยที่สุดแล้ว” เหอเฉี่ยนจือมองไปที่บุตรชายสุดที่รักยิ้มแย้ม
“เชวี่ยเอ๋อมีจิตใจที่ดี ควบคุมอารมณ์ได้ดี หาเงินได้เก่ง ข้าก็ชอบอยู่กับเชวี่ยเอ๋อนะ นางน่าสนใจดี”
เหอยาโถวชื่นชอบการแต่งตัว จึงได้รับฉายาว่าดอกไม้แห่งหมู่บ้านไป๋ซีอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในตอนนั้นเหอยาโถวเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความงามจนไม่รู้ว่าความลำบากคือสิ่งใด กระทั่งได้ทำการค้ากับหยุนเชวี่ยเป็นครั้งแรก ทำให้เหอยาโถวรู้สึกราวกับได้เปิดประตูสู่โลกใหม่
สิ่งที่ทำให้เหอยาโถวมีความสุขมากกว่าการแต่งตัวเป็นร้อยเท่า คือการทำธุรกิจร่วมกันกับผู้อื่นนั่นเอง!
เหอยาโถวชอบที่ได้อยู่กับหยุนเชวี่ยและคอยแก้ปัญหาไปด้วยกัน ต่อให้เหนื่อยมากเพียงใดก็มีความสุขอยู่เต็มหัวใจ!
“หยุนเชวี่ยเป็นหญิงสาวที่ดีจริง ๆ ทั้งฉลาดเฉลียวและมีชีวิตชีวา ข้าแทบจะกระโดดโลดเต้นทุกครั้งที่เห็นนาง ดียิ่งนักที่ได้เห็นพวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกัน…” เหอเฉี่ยนจือยิ่งพูดยิ่งมีความสุข หางตาของนางชี้ขึ้นอย่างอารมณ์ดี
เหอยาโถวกําลังดื่มชาจนไม่ได้ฟังคำพูดของผู้เป็นแม่ เขาพยักหน้าอย่างฮึกเหิมและย้ำเตือนว่า “ท่านแม่ หยุนเชวี่ยไม่ชอบกินซาลาเปาเนื้อ ครั้งหน้าเราลองห่อไข่ดีไหม!”
“โอ๊ย ข้ารู้แล้ว ยังพูดจาซ้ำซากอยู่ได้… แย่แล้ว ข้าต้องรีบไปหาพ่อของเจ้าก่อน…”
เหอยาโถวถามขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านว่าอย่างไรนะ?”
“เจ้าพักผ่อนเถอะ แม่จะไปเตรียมอาหารก่อน…”
เหอเฉี่ยนจือดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น เหอยาโถวเกาศีรษะอย่างมึนงงพลางนวดไหล่ที่ปวดเมื่อย เหยียดเท้าทั้งสองสะบัดรองเท้าออก จากนั้นจึงล้มตัวนอนลงบนเตียงและครุ่นคิดว่าจะนำเงินไปซื้อสิ่งใดดี?
หรือจะซื้อพู่กันสักด้ามเหมือนเสี่ยวอู่ เริ่มหัดอ่านเขียนหนังสือ?
ไม่รู้ว่าเฟิงซิ่วไฉ่จะยินดีรับเขาเป็นศิษย์หรือไม่
จะว่าไป อีกหนึ่งเดือนก็จะถึงวันสอบประจำฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อย่าทำให้เฟิงซิ่วไฉ่เสียเวลาจะดีกว่า
ขอพระโพธิสัตว์จงอวยพรให้เฟิงซิ่วไฉ่สอบผ่านด้วยเถิด
เฟิงซิ่วไฉ่จะต้องถูกเลือกอย่างแน่นอน หวังหลี่เจิ้งบอกว่าเฟิงซิ่วไฉ่คือเทพบุ่นเข็กจุติลงมาเชียวนะ…
เหอยาโถวท่องบดสวดและผล็อยหลับไป…
ณ บ้านตระกูลหยุน
หยุนลี่เต๋อและแม่นางเหลียนยังไม่กลับจากการทำไร่ หยุนเยี่ยนลงมือเตรียมอาหารระหว่างที่หยุนเชวี่ยจัดเตรียมเตาถ่านอยู่ด้านข้าง
“ปัง ปัง ปัง!” หยุนลี่เซียวร้องตะโกนพร้อมกับเคาะประตู “ท่านพี่ ตอนนั้นข้าบอกท่านไว้ว่าอย่างไร?”
“ร้องตะโกนเสียงดังอันใดกัน? พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ายังปวดหัวอยู่!” หยุนลี่จงตอบกลับไปและไม่ยอมเปิดประตู
“ทุกคนรู้กันหมดแล้วจะมีสิ่งใดอีก ท่านพี่ โปรดบอกข้ามาตามตรง ท่านคิดจะครอบครองทุกอย่างเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรือ?” หยุนลี่เซียวเคาะประตูเสียงดัง “ท่านพี่ อย่าหาว่าข้าพูดจาใส่ร้ายท่านเลย หากท่านคิดหักหลังข้า… ข้าจะป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านอย่างไม่เกรงกลัว ดูสิว่าผู้เฉลียวฉลาดเช่นท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”