บทที่ 547 นางออกไปแล้ว แต่เจ้ายังคงมองอยู่
หนิงเมิ่งเหยามองอู๋โยวอย่างสมเพช “ไม่แปลกใจเลยว่าเจ้าถูกคนทำร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเป็นคนโง่เขลา เจ้ายังไม่ยอมรับอีก”
หากหญิงสาวคนนั้นชอบอู๋โยวจริง นางจะไม่มีวันจะทำร้ายเขาเช่นนั้นอย่างแน่นอน
หญิงสาวคนนั้นมีความเข้าใจเรื่องของกู่พิษอย่างลึกซึ้ง และรู้ว่าเมื่อกู่พิษออกฤทธิ์แล้ว จะทำให้เจ็บปวดเพียงใด แต่นางก็ยังใส่กู่พิษในร่างกายของชายหนุ่มถึงสองตัว เพียงเพื่อให้เขายอมจำนนต่อนางเท่านั้น
“ข้ารู้” แม้ว่าอู๋โยวจะคอยดูแลเอาใจใส่หญิงสาวคนนั้นมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกต่อนางเช่นเดิมอีกแล้ว เขาเพียงแค่รู้สึกผิดหวังเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขามิได้เกลียดชังนางเลย
“เฮ้อ หลังจากคลายปมในใจของเจ้าแล้ว ข้าจะช่วยหาหญิงสาวสักคนมาเป็นภรรยาให้เจ้าเอง” หนิงเมิ่งเหยาโบกมือและเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
อู๋โยวหันหน้ามองหญิงสาวเงียบๆ “ข้าควรจะเป็นฝ่ายขอหญิงสาวคนนั้นแต่งงานมิใช่หรือ”
“มันก็ไม่ต่างกันหรอก”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ชิงจู๋ก็เข้ามาด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าอันงดงามและน่ารักนั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นอกจากนี้หน้าผากของนางยังมีเหงื่อผุดขึ้นอีกด้วย
“คุณหนูเจ้าคะ อีกฝ่ายเริ่มตอบโต้แล้วเจ้าค่ะ”
“มาดูกันว่าพวกนั้นจะตอบโต้กลับได้แค่ไหนกันเชียว แต่อย่าทำให้ข้าผิดหวังอีกเป็นดีที่สุด อ้อ เจ้าเขียนจดหมายไปบอกเทียนช่างด้วยว่าให้ส่งหนานอวี่กลับมาที่นี่สักระยะหนึ่ง ก่อนจะกลับไปสบทบเขาอีกครั้ง” มันผ่านมาหลายวันแล้ว ฉะนั้น เรื่องฝั่งนู้นจึงน่าจะเสร็จสิ้นในอีกไม่ช้า
“เจ้าค่ะ”
อู๋โยวมองดูชิงจู๋วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
หนิงเมิ่งเหยามองชิงจู๋ ก่อนจะเลิกคิ้วมองชายหนุ่มเล็กน้อย “นางออกไปแล้ว แต่เจ้ายังคงมองอยู่”
สีหน้าของอู๋โยวกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะและพูดขึ้น “คนของเจ้าช่างน่าสนใจเสียจริง”
หนิงเมิ่งเหยามองชายหนุ่มอย่างหมดคำพูด “เจ้าช่วยโกหกให้เนียนกว่านี้ได้หรือไม่”
“ข้าพูดอะไรผิดหรือ”
“ช่างเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้เลย แต่ว่าเจ้าสนใจในตัวชิงจู๋ใช่หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างคลางแคลงใจ
เคยมีคำกล่าวว่าชายที่อายุมากขึ้นจะยิ่งมีเสน่ห์ และอู๋โยวก็ถือเป็นคนดีใช้ได้ แม้เขาจะเคยถูกทรยศหักหลังมาก่อน แต่ก็ยังเชื่อมั่นกับเรื่องความสัมพันธ์ยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันหนิงเมิ่งเหยาก็ไม่อาจเมินเฉยต่อความรู้สึกของชิงจู๋ได้ นางจึงคิดจะจับคู่ให้กับพวกเขา
อู๋โยวส่ายศีรษะเบาๆ “ข้าแค่รู้สึกว่านางน่ารักก็เท่านั้น”
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างเป็นธรรมชาติ “แน่นอน ชิงจู๋ของข้านั้นน่ารักอย่างมากทีเดียว”
ชิงจู๋มีนิสัยเหมือนกับเด็กน้อย และกิริยาท่าทางที่น่ารักน่าเอ็นดูนั้น มักทำให้ผู้คนต่างชื่นชอบนางตั้งแต่แรกเห็นเสมอ
อู๋โยวก้มหน้าลง เมื่อคิดถึงท่าทีก่อนหน้านี้ของอีกฝ่าย รอยยิ้มของเขาก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น มันคือรอยยิ้มแห่งความหลงใหลที่เขาเองก็ไม่ทันสังเกต
“อู๋โยว ข้ามิได้อยากจะกีดกันเพราะเรื่องอายุของเจ้าหรอกนะ แต่ถ้าหากเจ้าคิดจะตามจีบชิงจู๋ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” หนิงเมิ่งเหยาไม่พลาดที่จะเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มสำลักน้ำชา ก่อนจะกระเอมไออยู่หลายครั้ง เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถึงข้าจะบอกว่านางน่ารัก ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าคิดอะไรลึกซึ้งกับนางเสียหน่อย”
“หืม เจ้าคิดจะโกหกใครกันหรือ ความจริงมันแผ่หลาอยู่บนใบหน้าของเจ้าหมดแล้ว” หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อ ทั้งๆ ที่แสดงอาการออกมาชัดเจนขนาดนั้น แต่เขายังกล้าพูดว่าไม่รู้สึกอะไรกับชิงจู๋อีก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยด้วยซ้ำ
อู๋โยวส่ายหน้าอย่างจนมุม ‘แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตนเองมีความรู้สึกให้กับชิงจู๋เล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้รู้ได้
“เจ้าอยากจะพูดอะไรอีกหรือ”
“บางที เจ้าอาจจะต้องเสียน้ำตา” หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อเล่นกับลูกชายของตน
ชิงซวงมองอู๋โยว ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชิงจู๋นั้นมีอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม นางชอบทำงาน และทุกคนต่างคอยประคบประหงมนางมาตลอด หากชายผู้นี้ชอบชิงจู๋จริงๆ ชิงซวงก็อยากจะจับตาดูพฤติกรรมของเขาเอาไว้
ตอนนั้น อู๋โยวยังไม่รู้ตัว แต่เขาจะต้องพบเจออุปสรรคอีกมากมายในอนาคต เพราะคำพูดของหนิงเมิ่งเหยา
สองวันต่อมา เฉียวเทียนช่างได้รับข้อความจากชิงจู๋ หลังจากอ่านจบ ชายหนุ่มก็เรียกหนานอวี่ให้มาพบ “รีบกลับไปเดี๋ยวนี้ ในไม่ช้า เรื่องที่นี่ก็จะจบแล้ว แต่ทางฝั่งนั้นกำลังจะเผชิญกับคนที่ต่อกรได้ยาก”
หนานอวี่มองชายหนุ่มอย่างเป็นกังวล “นายท่านขอรับ ที่นี่จะเรียบร้อยดีแน่ใช่หรือไม่ขอรับ”
“ประชาชนได้รับการช่วยเหลือแล้ว และเจ้าก็เป็นคนเอาสิ่งแปลกปลอมในร่างกายของพวกเขาออกมาจนหมด งานที่เหลือมีเพียงแค่ต้องส่งตัวพวกเขากลับเมืองเซียว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ข้าเองก็จะระมัดระวังตัวเช่นกัน”
บทที่ 548 พระสนมของเหมียวเจียว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คนจากเหมียวเจียงยังจดจ่ออยู่กับทางด้านของหนิงเมิ่งเหยา พวกเขาจึงมิได้ใส่ใจฝั่งของเฉียวเทียนช่างมากนัก
“ขอรับ ข้าจะรีบกลับไปที่นั่น”
“ดี”
คืนนั้น หนานอวี่รีบกลับมายังเมืองหลวงของเมืองหลิง และขณะนั้นเอง เฉียวเทียนช่างก็นำเหล่าทหารของตนส่งตัวประชาชนเมืองเซียวกลับถิ่นฐานไป แต่ชายหนุ่มได้ขอให้ประชาชนบางส่วนอยู่กับเขาต่อ
“ท่านแม่ทัพ…พวกเรา…เมื่อไหร่พวกเราจะกลับเมืองเซียวได้หรือขอรับ” ผู้คนที่หลงเหลืออยู่มองเฉียวเทียนช่างอย่างเป็นกังวลและดูหวาดกลัวเล็กน้อย
ชายหนุ่มมองพวกเขา ก่อนจะยิ้มอย่างหยียดหยาม “ที่นี่คือบ้านของเจ้าอยู่แล้วมิใช่หรือ แล้วจะอยากไปเมืองเซียวเพื่ออะไรกัน”
“ท่านแม่ทัพ หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ” หนึ่งในนั้นมองชายหนุ่ม พลางระงับความร้อนรนเอาไว้ในใจ
“ข้าหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนเป็นชาวเมืองหลิง แล้วทำไมจึงต้องการจะไปที่เมืองเซียวด้วยเล่า” ในตอนแรก เฉียวเทียนช่างกังวลว่าจะมีผู้คนจากเมืองหลิงฉวยโอกาสลักลอบเข้ามาด้วย ดังนั้น ก่อนที่พวกเขาจะช่วยเหลือ จึงได้ตรวจสอบข้อมูลของทุกคน ทำให้พบว่ามีชาวเมืองหลิงสองสามคนปลอมตัวเป็นชาวเมืองเซียวที่ถูกจับตัว เพื่อจะได้ลักลอบเข้าเมืองเซียวไปด้วย
คนกลุ่มนั้นต่างตัวแข็งเกร็ง และเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว “ท่านแม่ทัพ ท่านใส่ร้ายพวกเราหรือขอรับ พวกเราเป็นชาวเมืองเซียวจริงๆ ขอรับ”
“นั่นสิขอรับ”
พวกเขาสองสามคนยังคงบ่นพึมพำ และดูเป็นกังวล ราวกับว่ามันคือเรื่องจริง
อย่างไรก็ตาม เฉียวเทียนช่างเริ่มหัวเราะ “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธเลย ดูนี่ก่อนเถอะ” เฉียวเทียนช่างตบมือเรียกผู้ใต้บังคับบัญชามาพร้อมกับส่งมอบกองเอกสารให้ จากนั้นชายหนุ่มจึงยื่นกระดาษสองสามแผ่นให้กับพวกเขา
ในตอนแรกนั้น คนพวกนั้นมิได้ใส่ใจมากนัก แต่พออ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาก็เริ่มมีอาการตื่นตระหนก และสีหน้าก็ซีดเซียวขึ้น
เฉียวเทียนช่างมองดูท่าทีของอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ พร้อมกับยิ้มมุมปาก “เป็นอย่างไรเล่า เจ้ายังต้องการให้ข้าพูดอะไรอีกหรือไม่”
“นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ท่านแค่ไม่ต้องการให้พวกเรากลับไป” หนึ่งในนั้นตะโกนร้องอย่างโกรธแค้น และมองชายหนุ่มราวกับว่าต้องการจะฆ่าล้างตระกูล
“ถ้าเช่นนั้น ทำไมท่านจึงหาคนอื่นๆ ไม่เจอ ทำไมถึงมีแต่พวเราเพียงสองสามคนตรงนี้เล่า” คนอื่นๆ ที่ไม่มีปัญหาอะไรต่างถูกส่งตัวกลับเมืองเซียว ยกเว้นพวกเขาไม่กี่คนตรงนี้เท่านั้น ต่อให้เขาคิดที่จะสร้างปัญหา แต่ก็น่าจะต้องการคนมากกว่านี้มิใช่หรือ
“ใครจะรู้ว่าเจ้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่” คนข้างๆ พูดพึมพำเสียงเบา น้ำเสียงเช่นนั้นทำให้พวกเขารู้สึกเศร้าใจ
“ก็ได้ เมื่อตอนที่พวกเจ้าถูกเมืองหลิงจับกุม พวกเจ้าเป็นคนพูดใส่ไฟให้ชาวเมืองเซียวคลุ้มคลั่ง เพื่อหวังให้พวกเขาก่อการจลาจลใช่หรือไม่”
“พวกเรามิได้ทำ” ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไป และดวงตาของพวกเขาดูลุกลี้ลุกลน ราวกับรู้สึกประหลาดใจที่เฉียวเทียนช่างพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
ชายหนุ่มมองปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างผิดหวัง “จับตัวพวกเขาไป”
พวกเขาต่างสาปแช่งชายหนุ่มขณะที่ถูกลากตัวไป ท่าทีเหล่านั้นดูเหมือนว่าพวกเขาถูกใส่ความจริงๆ
เฉียวเทียนช่างมองดูเหล่าประชาชนที่อยู่ไกลออกไป สีหน้าอันเคร่งเครียดนั้นดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากส่งประชาชนเหล่านั้นกลับไป เขาก็สามารถลงมือได้อย่างสบายใจขึ้น
“ออกคำสั่งให้ลงมือตามแผนการได้เลย”
“ขอรับ”
เมื่อหนานอวี่กลับมาถึงจวนของผู้สำเร็จราชการ ก็พบว่าชิงซวงนั้นมิได้นอนหลับสนิทมาหลายวันแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” หนานอวี่มองคนรักมีอาการอิดโรยอย่างปวดใจ นางอยู่ในสภาพเช่นนี้มานานเพียงใดแล้ว ทำไมจึงดูซูบผอมลงเพียงนี้
ชิงซวงส่ายหน้า “มีคนจากเหมียวเจียงมาที่นี่ และดูเหมือนว่าจะเป็นพระสนมของเหมียวเจียงด้วย”
เมื่อสามวันก่อน หลิงฮ่องเต้ได้โจมตีจวนของผู้สำเร็จราชการด้วยวิธีอันน่ารังเกียจ หากนางไม่เตรียมความพร้อมให้ดี ผู้คนในจวนแห่งนี้ก็อาจจะถูกลอบทำร้ายได้
“ไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องที่เหลือให้เอง” หนานอวี่ไม่เคยคิดว่าคนที่มาที่นี่จะเป็นพระสนมของเหมียวเจียง แต่ก็เป็นเรื่องดี เพราะหญิงสาวที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคนทั้งตระกูลของหนานอวี่ เขาจึงสามารถใช้โอกาสนี้แก้แค้นให้กับตระกูลของตนได้พอดี
ชิงซวงรอคอยให้หนานอวี่กลับมา และตอนนี้เขาก็มาถึงแล้ว ดังนั้นนางจึงสามารถไปพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
หลังจากหนิงเมิ่งเหยารับรู้ว่าหนานอวี่อยู่ที่นี่แล้ว หญิงสาวจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย “หนานอวี่ เจ้าช่วยดูแลจวนแห่งนี้ด้วย”
“พี่สะใภ้ อย่าห่วงเลยขอรับ ข้าจะตรวจสอบดูว่าตอนนี้มีสิ่งแปลกปลอมอะไรอยู่ที่นี่หรือไม่”