ตอนที่ 1366 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (1) / ตอนที่ 1367 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (2)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1366 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (1)  

 

 

“อาการบาดเจ็บของข้าไม่ร้ายแรง ไม่ส่งผลต่อการเดินทาง” อวิ๋นลั่วเฟิงชำเลืองมองดวงตาเป็นประกาย “อวิ๋นเซียวต้องกำลังรอข้าอยูที่เมืองหลวง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็ต้องไปอยู่ข้างเขา” 

 

 

เมื่อเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของนาง หงหลวนก็ไม่พูดอะไรอีก นางเดินตามอวิ๋นลั่วเฟิงไปเงียบขณะเผยรออยิ้มบนใบหน้างดงามของนาง 

 

 

… 

 

 

ภายในจวนเจ้าเมือง เมื่อหงหลิงรู้ว่าบุตรสาวตัวเองพ่ายแพ้ให้แก่หลิงลี่ เขาก็โกรธจัดแล้วรีบยกคนไปทวงหนี้คืนจากหลิงลี่กับบุตรชาย 

 

 

ถึงแม้เสี่ยวโม่จะลงมือสังหารผู้คุ้มกันสามคนของเมืองอุดร แต่เพราะพวกเขาเป็นคนผิด เมื่อต้องเผชิญกับความเดือดจัดของหงหลิง หลิงลี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้สักคำเดียวแล้วยอมให้หงหลิงได้รับค่าชดใช้ไป 

 

 

ที่สำคัญนี่เป็นเขตเมืองบูรพาและคนของเขาก็ไม่อยู่ ถ้าเขาไม่ยอมก้มหัวให้หงหลิงก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งใหญ่ หากเป็นแบบนั้นแล้วทั้งสองฝ่ายต้องพบความสูญเสียอย่างมาก 

 

 

ในทางตรงกันข้ามกับหลิงลี่ที่พยายามยับยั้งอารมณ์ ความเดือดดาลของหลิงเฉินนั้นกลับลุกโชนขณะที่เขาจ้องหงหลิงตาไม่กะพริบ 

 

 

เขากำหมัดแน่นแล้วแสดงสีหนามาดร้าย วันหนึ่งเขาจะต้องเอาชนะเมืองบูรพาแล้วทำให้หงหลิงกับบุตรสาวขอร้องให้เขายกโทษให้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางปลดปล่อยความโกรธในใจนี้ได้ 

 

 

หงหลิงลงมืออย่างรุนแรงอยู่นานก่อนจะปล่อยหลิงลี่และบุตรชายไป เขาสะบัดแขนเสื้อเดินนำคนกลับจวนเจ้าเมืองบูรพา 

 

 

หลิงเฉินกัดฟันจนเกิดเสียงดังขณะที่จ้องเขม็งไปที่ทิศทางที่หงหลิงจากไป 

 

 

“ท่านพ่อ พวกเราจะปล่อยให้เขาดูถูกโดยที่ไม่ต่อต้านอะไรหรือขอรับ อีกอย่างพวกเรายังต้องชดเชยให้กับความสะเทือนใจที่หงหลวนได้รับอีกงั้นหรือ” 

 

 

หลิงเฉินรู้สึกรับไม่ได้สุดๆ บิดาเขาก็เป็นเจ้าเมืองอุรเหมือนกันแต่หงหลิงกลับไม่เห็นหัวพวกเขาเลยสักนิด 

 

 

“ครั้งนี้เป็นเราที่ทำผิดก่อนและที่นี่ก็คือเมืองบูรพา คงไม่ดีถ้าพวกเรามีปัญหากับหงหลิง!” หลิงลี่หรี่ตา ประกายอันตรายพาดผ่านดวงตา “ลูกเอ๋ย จำไว้ว่าตั้งแต่วันนี้เมืองอุดรและเมืองบูรพาอยู่ด้วยกันไม่ได้! ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ข้าไม่ปล่อยหงหลวนไปแน่!” 

 

 

ต้องมีคนชดใช้อย่างเจ็บปวดกับการทำให้เขาอับอาย! 

 

 

“ท่านพ่อ ข้าต้องหารให้หงหลวนคลานอยู่ใต้เท้าข้าแล้วร้องขอให้ข้าให้อภัยนาง รวมถึงสตรีผู้นั้น อวิ๋นลั่วเฟิงด้วย พวกนางต้องตายอย่างอนาถ!” 

 

 

ตอนนั้นเองความรู้สึกผิดและเสียใจที่หลิงเฉินมีต่อหงหลวนก็หายไปทันที มันถูกแทนที่ด้วยความโกรธอย่างไร้ที่สิ้นสุด 

 

 

หลิงลี่ตบบ่าหลิงเฉินแล้วพูดว่า “พวกเราจะออกจากที่นี่ทันทีแล้วกลับเมืองอุดรกัน หลังจากกลับจวนแล้วพ่อจะส่งเจ้าไปฝึกในเขตต้องห้ามเมื่อกลับมาความแข็งแกร่งของเจ้าจะเพิ่มขึ้น!” 

 

 

“ท่านพ่อพวกเราต้องปล่อยหงหลวนกับอวิ๋นลั่วเฟิงไปหรือขอรับ” หลิงเฉินมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าชั่วครู่ “ไม่ใช่ว่าท่านพูดว่าเมื่อพวกเราออกจากเมืองบูรพา ท่านจะสังหารพวกนางไม่ใช่เหรอขอรับ” 

 

 

หลิงลี่ส่ายหน้า “เทียบกับพวกนางแล้ว การเพิ่มความแข็งแกร่งให้เจ้าสำคัญกว่า หลังจากนั้นก็จะไม่มีใครสามารถหยุดการแก้แค้นของเจ้าได้! อีกอย่าง ข้าจะทิ้งคนไว้ที่เมืองบูรพา ถ้าหงหลวนกับอวิ๋นลั่วเฟิงออกจากเมืองเมื่อไหร่ พวกเขาจะลงมือทันที ส่วนเจ้า…ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่” 

 

 

“ลูกเข้าใจแล้วขอรับ!” หลิงเฉินพยักหน้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “เจ้าดูถูกข้าเพราะข้าอ่อนแอกว่านางใช่หรือไม่ เมื่อไหร่ที่ข้าออกมาจากเขตต้องห้าม ข้าจะลากหงหลวนลงมาอยู่แทบเท้าแล้วทำให้นางเข้าใจว่านางสูญเสียไปขนาดไหนที่ปฏิเสธข้า!” 

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะมีเซี่ยชู หงหลวนก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขา จะมีบุรุษคนไหนที่มั่นใจว่าจะมีสตรีคนเดียวไปทั้งชีวิต นางมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกเขา 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1367 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (2)  

 

 

กลางดึกที่ดวงจันทร์กระจ่างใสดังพื้นน้ำ 

 

 

เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากนอกห้อง ทำให้หลิงเฉินที่กำลังงีบหลับลืมตาขึ้นมาทันที สายตาคมของเขามองออกไปด้านนอกแล้วตะโกนเสียงเข้มออกไป “นั่นใคร” 

 

 

ภายใต้บรรยากาศพร่ามัวในตอนกลางคืน ร่างเล็กๆ ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลเหมือนว่าเขาเพิ่งจะอยู่ในวัยหัดเดิน แต่เสียงหัวเราะชั่วร้ายเหมือนกับผีหิวโหยที่ปีนขึ้นมาจากนรกของเขาทำให้หลิงเฉินตัวสั่น 

 

 

ตอนที่หลิงเฉินกำลังจะไปดูว่าเป็นใคร เถาวัลย์จำนวนมหาศาลก็ล้อมรอบห้องเอาไว้แล้วจับหลิงเฉินขึงไว้บนกำแพง 

 

 

“หยุด…” 

 

 

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร เถาวัลย์หนามเส้นหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากด้านข้างแล้วแทงเข้าไปในปากเขาทันที 

 

 

เลือดสีแดงสดไหลออกจากปากทำให้หลิงเฉินเจ็บปวดแสนสาหัส ปากของเขาเกือบถูกฉีกขาด เขาต้องการร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ทำได้แค่ส่งเสียงคร่ำครวญอยู่ในลำคอ 

 

 

เพียะ!  

 

 

เพียะ เพียะ เพียะ!  

 

 

เถาวัลย์ทั้งหมดฟาดหลิงเฉินอย่างโหดร้าย เพราะหลิงเฉินถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ผิวหนังของเขาทั้งนุ่มทั้งบาง ไม่นานผิวของเขาแตกจนเลือดเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว 

 

 

ก่อนหน้าเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ เด็กน้อยตัวอวบอ้วนคนหนึ่งตบมือแล้วหัวเราะคิกคักเหมือนกับว่าภาพที่เกิดขึ้นในห้องนั้นสนุกสนานมาก รอยยิ้มใสซื่อปรากฏบนใบหน้าน่าเอ็นดูของเขา 

 

 

“เสี่ยวซู่” 

 

 

ร่างเงาสีแดงร่อนจากต้นไม้ลงมายืนข้างเด็กน้อยตัวอวบอ้วน “พวกเราควรไปได้แล้วก่อนที่นายหญิงจะรู้ว่าพวกเราหายไป” 

 

 

เด็กน้อยทำปากยื่นเพราะเขายังสนุกไม่เต็มที่เลย แต่เขาก็เชื่อฟังยอมให้หั่วหั่วดึงมือเล็กๆ ของเขาค่อยๆ เดินออกจากสวน 

 

 

หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว เกราะป้องกันที่ถูกสร้างครอบคลุมพื้นที่ก็หายไป สาวใช้สองคนที่เดินผ่านก็ได้ยินเสียงฟาดดังออกมาจากในห้องทำให้พวกนางหน้าแดงด้วยความเขินอาย 

 

 

“นายน้อยแรงเยอะจริงๆ หลังจากที่แม่นางเซี่ยชูถูกขับไล่ นายน้อยก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับสตรีคนไหนอีกเลย ข้าสงสัยจริงๆ ว่าสตรีโชคดีในคืนนี้เป็นใคร” 

 

 

“พวกเราอย่ากวนนายน้อยดีกว่า เกรงว่าพวกเราอาจจะทำลายอารมณ์ของเขาได้” 

 

 

เมื่อเสียงของพวกนางค่อยๆ ห่างไป หลิงเฉินก็อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา เขาต้องการหยุดสาวใช้สองคนนั้น แต่คอของเขาทำได้แค่ส่งเสียงคร่ำครวญ… 

 

 

ความจริงแล้วมีเหตุผลที่ทำให้สาวใช้ทั้งสองตอบสนองแบบนี้ 

 

 

ก่อนหน้านี้ที่เซี่ยชูยังอยู่ กิจกรรมยามค่ำคืนของพวกเขาเสียงดังมากราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขามีพลังงานล้นเหลือ 

 

 

ตอนแรกสาวใช้คิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจึงรีบเข้ามาในห้องแต่กลับมาเห็นฉากน่าอายแทน หลังจากนั้นไม่ว่าเสียงกิจกรรมภายในห้องหลิงเฉินจะดังแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าก้าวเท้าเข้าไปสักก้าวเดียว… 

 

 

ยิ่งสาวใช้ทั้งสองไม่มีประสบการณ์ในเรื่องกิจกรรมยามค่ำคืนจึงไม่รู้ความแตกต่างของเสียงที่ดังออกมาจากห้อง ถ้าเปลี่ยนเป็นสตรีที่สามีแล้วผ่านมา พวกนางจะรู้ว่ามีเพียงเสียงฟาดภายในห้องหลิงเฉินเท่านั้นแต่ไม่มีเสียงครางของสตรี ดังนั้นจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นคนในจวนเจ้าเมืองอุดรถึงเห็นนายน้อยของพวกเขานอนอยู่บนพืนในสภาพใกล้สิ้นใจ ผิวหนังของเขาแตกจากการถูกลงโทษจนเลือดไหลนองพื้น 

 

 

เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในจวนเจ้าเมืองอุดรนี้ หลิงลี่จึงส่งยอดฝีมือทุกคนไปหาตัวคนผิดเพื่อระบายความโกรธ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพาหลิงเฉินรีบออกจากเมืองบูรพาโดยไม่สนใจจะจัดการกับอวิ๋นลั่วเฟิงอีก