บทที่ 318
บทที่ 318

เพราะเจาจูเดินทางผ่านเส้นทางนี้บ่อย จึงทำให้พวกเขาเคลื่อนทัพกันสะดวกมากขึ้น ส่งผลให้มาในตอนนี้พวกเขามาถึงทางผ่านบาแล้ว อันเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแคว้นโมกับแคว้นเฟิงแล้ว !

เพราะทางผ่านบามีแม่ทัพคุมอยู่ พวกทหารจึงไม่ค่อยว่างจะมายุ่งตรวจสอบขบวนคาราวานของถังหยินสักเท่าไหร่

หลังจากเข้ามาที่นี่ได้ ถังหยินกับคนอื่นก็พักที่พักแม่ทัพอิงปู

ถังหยินเคยมาที่นี่เพียงครั้งเดียวเมื่อปีก่อน แต่ทางผ่านบาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเขาไปถึงบ้านทัพแม่ทัพ เจาจูก็ได้เดินเข้าไปก้มหัวให้กับทหารยาม “ข้ามาพบแม่ทัพอิงปู ได้โปรดไปแจ้งท่านด้วย”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจาจูมาที่นี่ ดังนั้นพวกทหารจึงจำหน้าเขาได้แล้วร้องบอก “ท่านเจาจูเองหรือ ? ได้โปรดรอที่นี่ก่อน” จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปข้างใน ถึงจะเรียกที่นี่ว่าจวนที่พักแม่ทัพ แต่ก็มีสวนกว้างมากจนเรียกว่าคฤหาสน์หลังใหญ่จะดีกว่า

ไม่นานนักทหารยามก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพรออยู่ข้างในแล้ว”

“ขอบใจเจ้ามากเลย” เจาจูยิ้มให้อย่างนอบน้อมก่อนจะก้มหัวแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับเหล่าคณะ

ปกติแล้วเขามักจะมาคนเดียว แต่ในครั้งนี้เขาพาถังหยินกับคนอื่นมาด้วย พวกทหารจึงถาม “พวกเขาคือ ?”

พวกทหารไม่มีทางจำถังหยินได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว อีกอย่าง ชายหนุ่มในตอนนั้นก็ใส่ชุดเกราะแม่ทัพ ทว่ามาตอนนี้เขากลับใส่ชุดธรรมดาอยู่ จึงไม่มีใครจำได้

เจาจูหัวเราะ “เขาคือเพื่อนของข้าเอง จะพามาทำความรู้จักกับแม่ทัพอิงปูน่ะ”

ครั้งนี้ถังหยินกระซิบบอกพวกฉางกวง เฉิงจิน เจียงโม และคนอื่น ๆ ว่า “พวกเจ้ารอข้างนอกนะ” ก่อนจะทำท่าให้ซงหยวนตามเข้ามา

ทุกคนอยากจะเถียง แต่ถังหยินก็โบกมือ “ไม่เป็นไรหรอก”

เจาจูบอกว่าพวกเขาทั้งหมดคือเพื่อนกัน ดังนั้นทุกคนที่เหลือจึงจำเป็นต้องรออยู่ข้างนอก

อิงปูในสภาพที่ไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่ เขาใส่เสื้อผ้าขาด ๆ และไม่ติดกระดุม ทำให้สภาพของเขาเหมือนกับพวกขอทานไร้บ้านมากกว่าแม่ทัพเสียอีก

“ท่านเจาจู !”

อิงปูก้มหัวให้และไม่ได้มองถังหยินกับซงหยวนที่เดินเข้ามาด้วยกัน เพราะคิดว่าเป็นแค่คนรับใช้

ถังหยินแอบขำในใจ นี่เหมือนครั้งแรกที่เจอกันไม่มีผิด อิงปูยังดูเหมือนคนธรรมดาเช่นเดิม

“ครั้งนี้ท่านเจาจูจะต้องทำเงินได้มากแน่ ๆ” อิงปูถามทันที

“ต้องขอบคุณท่านอิงปูนี่แหละที่ทำให้ข้าได้เงินกลับมาบ้าง ไม่งั้นคงเสียไปเยอะเลย ใช้แล้ว ครั้งนี้ข้าพาสหายมาด้วย” เจาจูยังคงพูดในแนวทางของพ่อค้าเช่นเคย ด้วยเขาไม่ชอบบอกจำนวนกำไรที่เขาทำได้จริง ๆ ให้ใครฟังอยู่แล้ว

อิงปูมองไปยังถังหยินกับซงหยวน สายตาของเขามองไปที่ถังหยินด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามขึ้น “เจ้าคือ ?”

“ถังหยิน !” ถังหยินเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา “แม่ทัพอิงปูลืมข้าไปแล้วหรือ ?”

อิงปูทำอะไรไม่ถูก เขาจ้องมองถังหยินไปสักพักใหญ่ ด้วยไม่เชื่อว่าถังหยินจะมาที่นี่ตอนนี้ได้ ทำไมถึงมาที่นี่กัน ? “ถังหยิน… เจ้ามาที่นี่ทำไม ?”

“ข้ามาเพื่อหาเจ้ายังไงเล่า” ถังหยินหัวเราะออกมา

“เอ๋ ?” อิงปูสูดหายใจด้วยความมึนงง

ถังหยินรีบเปลี่ยนหัวข้อไปเสียดื้อๆ “ที่นี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ไม่ต่างจากตอนที่ข้ากลับไปเลย”

อิงปูพยายามหาความหมายที่แท้จริงของคำพูดนี้ “อีกหลายร้อยปีข้างหน้าก็ยังเหมือนเดิมแหละน่า”

“แม่ทัพอิงปูคิดจะอยู่ที่นี่ไปจนวันตายเลยหรือ ?”

อิงปูตัวสั่นแล้วมองดวงตาอีกฝ่าย “เจ้าหมายถึง ?”

“ร่วมมือกับข้าปราบซ่งเทียนกันเถอะ” ถังหยินกล่าว “เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าจะยกเมืองให้กับเจ้า”

อิงปูส่ายหัว นี่คือเหตุผลที่ถังหยินมาที่นี่หรือ ถ้างั้นเขาควรจะยอมรับมันงั้นหรือ ? อิงปูไม่ใช่คนโง่สักเท่าไหร่แม้ภายนอกจะดูเหมือนก็เถอะ

ระหว่างที่เขากำลังชั่งน้ำหนักความคิดอยู่นั่นเอง ถังหยินก็ถามต่อ “ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เจ้าคิดว่าซ่งเทียนจะเป็นอ๋องต่อไปได้อีกหรือ ?”

อิงปูตัวสั่น เขาไม่ลังเลอีกหลังจากที่ได้ยินคำนี้ เลยตัดสินใจที่จะก้มหัวให้กับถังหยินในทันทีแล้วพูดว่า “ในเมื่อนายท่านมาที่ทางผ่านบา ข้าก็ยินดีที่จะรับใช้ท่าน นายท่านถัง !”

ชายหนุ่มหัวเราะแล้วพยุงตัวอิงปูขึ้นมา “หากแม่ทัพอิงปูร่วมมือกับข้า งานทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเยอะเลย”

อิงปูนั้นหว่านล้อมง่ายอย่างที่ถังหยินคิดไม่มีผิด

อิงปูที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรมาก เขาสามารถอยู่ในสถานที่กันดารแบบนี้ไปจนวันตายได้ด้วยซ้ำ แต่ทว่าถังหยินยื่นข้อเสนอแบบนี้มา มันก็ทำให้อิงปูเริ่มหวั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้นซ่งเทียนก็กำลังอ่อนแอ ถ้าหากเขายังอยู่กับซ่งเทียนต่อไป ก็อาจจะเสียผลประโยชน์ไปก็ได้

แต่ถึงกระนั้นอิงปูก็ยังแสดงสีหน้ากังวลออกมาอยู่ดี

ถังหยินที่รู้สึกสึกได้ถึงความผิดปกติจึงถามออกไป “แม่ทัพอิงปูมีอะไรหรือเปล่า ?”

สีหน้าของเขาซีดลงแล้วกล่าว “อันดับแรกเลย ครอบครัวของข้าอยู่ที่เมืองหลวง หากข้าร่วมกับท่านล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีทางรอดแน่”

ถังหยินพยักหน้าให้ ในเขตสำคัญแบบนี้ ครอบครัวของแม่ทัพจะถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังเพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้สร้างกองทัพขึ้นมาต่อต้าน “แม่ทัพอิงปูไม่ต้องกังวลไป ต่อให้เจ้าเข้าร่วมกับข้า ซ่งเทียนมันก็ไม่รู้หรอก เจ้าก็แค่แกล้งทำเป็นอยู่ที่นี่ไปจนกว่าซ่งเทียนจะหลบหนีมาทางเจ้า แล้วจากนั้นเจ้าก็แค่ปิดประตูเมืองเสีย ห้ามให้มันหนีไปได้”

“อย่างนี้นี่เอง”

“แล้วอย่างที่สอง ?” ถังหยินถาม

“แม้ว่าข้าจะเป็นแม่ทัพที่นี่อยู่นานก็จริง แต่ซ่งเทียนก็ได้ส่งคนมาจับตามองข้าด้วยเหมือนกัน เขาคือ โจวชุน”

ถังหยินครุ่นคิดแล้วหัวเราะออกมา “อย่าบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ก็แล้วกัน ข้าว่าโจวชุนน่าจะเดาแผนของพวกเราไม่ได้แน่”

“ข้าจะรับฟังที่นายท่านแนะนำมา”

ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน นายทหารคนหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามารายงานอิงปูพร้อมบอกว่าโจวชุนขอเขาพบ

โจวชุนงั้นหรือ ชายคนนี้ไม่เคยเข้ามารบกวนการสนทนาของเขามาก่อน แต่ทำไมถึงได้ปรากฏตัวเอาป่านนี้ ? “นายท่านจะเอายังไงดี ?”

ถังหยินตอบกลับไปอย่างใจเย็น “ตอนนี้ข้าคือข้ารับใช้ของเจาจู โจวชุนจำข้าไม่ได้หรอก”

อิงปูมองสภาพของถังหยินที่สวมใส่ชุดธรรมดาเหมือนคนทั่วไปก็ส่ายหัว จากนั้นเขาก็ตะโกนบอก “ให้เข้ามาได้ !”

“ขอรับท่านแม่ทัพ”

นายทหารตอบกลับแล้วเดินออกไป

ไม่นานนักก็มีชายในชุดขุนนางเดินออกมา เขาอายุ 40 และเมื่อเข้ามา เขาก็พลันตรงเข้าไปทักทายอิงปูตามปกติ ก่อนจะหันมองพวกถังหยินด้วยหางตา

อย่างที่ถังหยินได้บอกไป โจวชุนจำหน้าพวกเขาไม่ได้และหันไปสนใจเจาจูแทน

เขารู้ว่าโจวชุนคือพ่อค้าจากแคว้นโมที่ผ่านทางนี้บ่อยครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้วางใจมากนัก เพราะมักจะมีพวกชอบหลอกลวงผ่านเข้าชายแดนอยู่เสมอ

อิงปูเริ่มมีสีหน้ามืดหม่นขึ้นทุกที ปากเอ่ยถาม “มีอะไรหรือเปล่าท่านโจวชุน ?”

โจวชุนหัวเราะ “ข้าได้ยินว่ามีแขกมา ก็เลยจะมาดูด้วยตาตัวเองเสียหน่อย”