บทที่ 319
บทที่ 319

โจวชุนหัวเราะอย่างน่าอึดอัดก่อนจะมองไปยังถังหยินและซงหยวน ยิ่งเขามองสองคนนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าประหลาดตามากขึ้นเท่านั้น “ประทานโทษนะ พวกเจ้าคือ ?”

เจาจูรีบตอบออกไป “สองคนนั้นคือคนรับใช้ของข้าเอง”

“งั้นหรือ ?” โจวชุนเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองทั้งสองอีกครั้ง “ข้ารับใช้สินะ ? แต่ข้าว่าไม่ใช่หรอก” โจวชุนไม่ใช่ผู้มีพลังยุทธ์ จึงไม่สามารถใช้เนตรทิพย์ได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างที่แปลกประหลาด

อิงปูหรี่ตาเริ่มคิดว่ามันท่าจะไม่ค่อยดีแล้ว มือของเขาที่ไพล่หลังอยู่เริ่มปรากฏแสงสีขาวออกมาพร้อมเข้าโจมตีทันที

ถังหยินและซงหยวนยังคงสงบใจอยู่ ก่อนเป็นซงหยวนที่ก้มหัวให้กับโจวชุนแล้วเอ่ยว่า “ข้าคือข้ารับใช้ที่อยู่กับท่านเจาจูมานานกว่า 6 ปีแล้ว ส่วนท่านนี้คือนายทหารเก่า มีคนยืนยันตัวตนพวกข้าได้”

ซงหยวนพูดคำเหล่านั้นด้วยสีหน้าปกติ ไม่มีใครเดาได้เลยว่าเขากำลังโกหกอยู่

โจวชุนจึงเชื่อเรื่องพวกนี้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

ซงหยวนที่เห็นแบบนั้นเลยเดินออกมาแล้วกระซิบบอกกับอีกฝ่าย “นายท่าน พวกเรามีของดีมากมายจากทางเหนือมาให้ท่านด้วย ข้าคิดว่าท่านน่าจะสนใจ”

โจวชุนไม่เข้าใจ แต่ก็เดาได้ว่าเป็นประโยคที่ปัดรำคาญให้เขาออกไป “ก็ได้ ข้าจะลองไปดู”

เจาจูหัวเราะไม่ออก เขาไม่ได้นำของแบบนั้นติดตัวมาด้วยซ้ำ แต่เขาก็เดินตามถังหยินไป

ถังหยินเองก็ไม่รู้ว่าซงหยวนวางแผนอะไรอยู่ แต่ก็เชื่อมั่นในตัวอีกฝ่าย ไม่งั้นเขาไม่มีทางเชิญโจวชุนออกไปแน่

อิงปูที่กำลังจะเดินตามไปด้วยก็ได้หยุดลงเพราะถังหยินห้ามเอาไว้

ซงหยวนลากโจวชุนลับหัวมุมไป แล้วหยิบเงินถุงจากกระเป๋าออกมายัดมือพวกเขา “จริง ๆ แล้วข้าก็อยากจะมาหาท่านโจว แต่ในเมื่อท่านมาเองแบบนี้ก็ค่อยคุยกันง่ายหน่อย ข้าขอมอบเงินเหล่านี้ให้ท่านเป็นของกำนัลที่ได้มาเจอก็แล้วกัน”

โจวชุนรับมันมาแล้วเปิดดูตรวจสอบของข้างใน ก่อนจะยื่นมันกลับคืน “เจ้าจะทำอะไร ?” เขามองซ้ายขวาเกรงว่าจะมีคนอื่นเห็น

ซงหยวนมีความสามารถในการพูดโน้มน้าวเป็นอย่างมาก เพียงแค่สังเกตสีหน้าก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนละโมบขนาดไหน “เพราะช่วงนี้การค้าขายดีมาก ท่านเจาก็เลยอยากขอบคุณท่านโจวเสียหน่อย”

โจวชุนหัวเราะออกมา ยังไงพ่อค้าก็ยังเป็นพ่อค้าอยู่วันยังค่ำ คนประเภทนี้มีวิธีรับมือเฉพาะหน้าอยู่แล้ว ที่นี่เองก็เป็นถิ่นทุรกันดารแถมจำนวนเงินในถุงเองก็มากสำหรับให้เขาใช้ชีวิตได้อยู่ 2 ปีเลยทีเดียว ดังนั้นเขาจึงทำทีไอเล็กน้อยก่อนพูด “นายของเจ้าเองก็ให้เงินแม่ทัพอิงปูด้วยหรือ ?”

“ถูกต้องแล้ว แต่วางใจเถิด จำนวนเงินที่ท่านได้ก็ไม่ต่างจากท่านอิงปูหรอก”

โจวชุนพึงพอใจมาก เขาเก็บถุงเงินลงไปแล้วบอก “มันไม่ง่ายหรอกที่พวกเจ้าจะทำธุรกิจที่นี่ ข้าจะรับเงินนี่ไว้ก่อน แล้วถ้านายเจ้าต้องการมันเมื่อไหร่ ก็ให้มาเอากลับคืนไปก็แล้วกัน” เป็นคำพูดที่ดูดี แต่ใครจะคืนเงินที่ได้มากัน จริงไหม ?

“ขอบคุณท่านจริงๆ” ซงหยวนพยักหน้าให้

เมื่อได้ผลประโยชน์แบบนี้แล้ว โจวชุนก็พลันเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อถังหยินและซงหยวนอย่างสิ้นเชิง และเมื่อกลับมาที่ห้องโถงหลัก เขาก็ไม่ถามอะไรให้มากความอีก ก่อนจะขอตัวลากลับไปอย่างพึงพอใจ

หลังจากโจวชุนออกไป อิงปูก็ถาม “ท่านซงหยวน เมื่อครู่ท่านออกไปทำอะไรมาหรือ ?”

ซงหยวนหัวเราะ “เงินตราทำให้การเดินทางสะดวกน่ะ ฮ่าฮ่า”

อย่างนี้นี่เอง ทั้งสามคนเข้าใจทันทีที่ได้ยิน

หลังจากครุ่นคิดแล้ว อิงปูก็เข้าเรื่องทันที “จะว่าไป นายท่านมาที่นี่เพื่ออะไรกัน คงไม่ใช่แค่มาพบข้าใช่ไหม ?”

“ใช่แล้ว”

“งั้นท่านมาทำอันใด ข้าพอช่วยอะไรท่านได้บ้างหรือไม่ ?”

เมื่อโดยถามแบบนั้น ถังหยินก็เลยอธิบายทุกอย่างออกไป “ข้าจะไปเมืองหลวงของแคว้นโม เสินเจียง”

“หา ?” อิงปูอ้าปากค้าง ถ้าถังหยินไปยังเมืองเสินเจียงจริง ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรจากการเข้าไปติดกับดักเลย เมื่อกองทัพเทียนหยวนกำลังรับมือกับพวกหนิงอยู่แบบนี้ มีโอกาสมากทีเดียวที่พวกโมจะอยากจับตัวถังหยินเอาไว้

ถังหยินยิ้มให้กับอิงปูที่กำลังครุ่นคิด “ข้ารู้อยู่แล้วล่ะ ดังนั้นข้าจึงอยากให้มันเป็นความลับ”

แต่ถึงกระนั้นอิงปูก็ยังรู้สึกว่ามันอันตรายอยู่ดี

ถังหยินยักไหล่ให้แล้วหัวเราะออกมา “แม่ทัพอิงปูไม่ต้องกังวลไป ข้าเตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้ว”

เห็นแบบนั้นอิงปูก็โล่งอกไป แต่จริง ๆ แล้วถังหยินไม่ได้เตรียมอะไรทั้งนั้น นอกจากให้หน่วยข่าวสารไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ

ถังหยินไม่อยากเสียเวลาที่ทางผ่านบามากนัก ดังนั้นภายในคืนนั้นเอง เจาจูก็ได้พาขบวนของเขาเดินทางออกไปทันที

แคว้นโมนั้นยิ่งใหญ่มากและมีเนื้อที่กว้างขวาง ส่วนใหญ่ครอบคลุมทางทิศเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับแคว้นหนิงทางตะวันตกเฉียงเหนือ และแคว้นอันทางใต้ นี่จึงทำให้พวกโมสามารถเป็นเป้าหมายจากแคว้นรอบข้างได้ง่ายมาก

เมื่อเข้าไปในเขตพวกโม ทุกคนต่างก็สังเกตได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองผิดกับแคว้นเฟิงที่มีสงครามตลอดเวลา ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่นี่ดูสุขสบายมากทีเดียว ต่างกับพวกเขาราวฟ้ากับเหว !

…ถ้าหากสงครามเกิดขึ้น พวกเฟิงจะใช้กำลังทั้งหมดเพื่อทำลายล้างศัตรูในเวลาอันสั้น กลับกันนั้นพวกโมจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดในการทำสงครามระยะยาวได้

นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหยินและซงหยวนมาที่แคว้นโม พวกเขาตะลึงในความเจริญตรงหน้า ด้วยในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทำสงครามกับแคว้นที่ใหญ่ขนาดนี้ได้แน่

การที่ถังหยินเลือกจะเดินทางมากับกองคาราวานของเจาจูนั้นเป็นความคิดที่ดี เพราะเจาจูเป็นที่คุ้นหน้าตาของพวกทหารตามชายแดนอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่ต้องรับการตรวจค้นอะไรมากเท่าไหร่ ช่วยจัดการปัญหาไปได้เยอะทีเดียว

พวกเขาใช้เวลาจากชายแดนเข้าไปถึงรอบนอกของเมืองเสินเจียงรวมทั้งหมด 10 วัน

เมืองเสินเจียงของพวกโมคือเมืองที่ใหญ่ที่สุด ทางเขตเหนือของเมืองมีแม่น้ำใหญ่ที่ไหลผ่านทางตะวันตกไปยังตะวันออกของเมือง และชื่อเมืองเสินเจียงก็ได้มาเพราะแม่น้ำนี้ ด้วยแม่น้ำนี้ไม่ได้เป็นแค่ความสวยงาม เพราะมันยังกลายเป็นปราการธรรมชาติให้กับเขตเหนือของเมืองได้ด้วย แถมทั่วแม่น้ำยังเต็มไปด้วยเรือมากมายเพิ่มความน่าอยู่ขึ้นไปอีก

ระหว่างการเดินทาง เจาจูก็ได้กระซิบบอก “นายท่าน หลังจากที่เราเดินทางผ่านตรงนี้ได้ก็จะเข้าเมืองแล้วล่ะ”

ถังหยินพยักหน้า “อย่าเรียกข้าว่า ‘นายท่าน’ ให้เรียกข้าว่าถังชูก็พอ” การเข้ามาอยู่ในเมืองศัตรูไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงควรระวังไว้ก่อน

“ได้เลย นาย… ถังชู !” เจาจูก็ยังไม่คุ้นชินอยู่ดี

ถังหยินหันไปบอกลูกน้องของเขา “พวกเจ้าก็เรียกแบบนั้นด้วยนะ”

“ขอรับถังชู !”

มีเรือมากมายในฝั่งอีกฝั่งของเมืองเสินเจียง เช่นเดียวกับท่าเรือที่มีอยู่หลายแห่ง เจาจูตั้งใจจะใช้เรือสินค้าของตัวเองในที่แห่งนี้เพื่อพาถังหยินขึ้นไปทางตะวันออกของเมือง เลยพาทุกคนไปที่ท่าเรือ

ซึ่งเมื่อไปถึง เจาจูก็ได้ร้องสั่งให้ลูกน้องเอาของลงไปบนเรือ แล้วตัวเขาเองก็พาถังหยินไปลงเรือเช่นกัน

“เรือนี่เป็นของเจ้าหรือ ?” ถังหยินมองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจ เพราะเรือลำนี้มีขนาดใหญ่มาก จนสามารถบรรจุสินค้าได้มากมายทีเดียว !

“ถูกต้อง ทั้งหมดต้องขอบคุณนายท่านที่ช่วยเรื่องธุรกิจ ทำให้ข้ามีของแบบนี้ได้ในทุกวันนี้”

ถังหยินหัวเราะออกมา “ตราบเท่าที่เจ้าทำงานให้กับข้า เรือแบบนี้เป็นร้อยลำข้าก็ซื้อให้เจ้าได้ แต่ถ้าเจ้าค้าขายโดยที่ไม่บอกกล่าวล่ะก็ ถึงจะมีเงินก็ไม่อาจใช้มันได้หรอกนะ !”