ซวนหยวนหลี่ซางหยิบกล่องนั้นขึ้นมา กล่าวถามว่า “เหยียนเอ๋อร์ นี่คือ…”
“วิญญาณกู่ ท่านอาจารย์บอกเอาไว้ว่าให้วิญญาณกู่นี้เข้าร่างกายของสตรี แล้วส่งสตรีผู้นั้นให้ร่วมเตียงเคียงหมอนกับฮ่องเต้ เพียงเท่านี้สตรีผู้นั้นก็สามารถควบคุมฮ่องเต้ได้ ไม่รู้ว่าท่านพี่หลี่ซางพอจะมีคนที่เหมาะสมคนนั้นหรือไม่ ?” มู่หรูเหยียนกล่าวถาม
วิธีนี้นับว่าเป็นวิธีที่ดียิ่งนัก มันจะช่วยให้พวกเขาได้ครองบัลลังก์โดยไม่ต้องออกแรงอันใดมากเลย
สตรีผู้ที่เหมาะสมนั้นค่อนข้างจะเป็นปัญหา… ในตำหนักทิศตะวันออกของเขามีหญิงงามอยู่นับไม่ถ้วน ทว่ากลับไม่มีสาวงามคนใดเลยที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ซวนหยวนจือ เสด็จพ่อของเขาชายตามอง
ซวนหยวนหลี่ซางจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของมู่หรูเหยียน ทันใดนั้นสีหน้าของมู่หรูเหยียนซีดขาวราวกระดาษทันที
มู่หรูเหยียนกล่าวขึ้นว่า… “ท่านพี่หลี่ซาง ท่านพี่ช่วยชีวิตหรูเหยียนเอาไว้ ไม่ว่าท่านพี่จะให้หรูเหยียนทำอะไร หรูเหยียนยอมทำทุกอย่าง เพียงแต่บุรุษที่หรูเหยียนรักอย่างสุดหัวใจมีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือท่านพี่หลี่ซาง…”
สีหน้าซวนหยวนหลี่ซางเผยให้เห็นถึงความปีติยินดี เขากอดมู่หรูเหยียนแน่นพลางกล่าวว่า “เหยียนเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้า แต่เพื่อเป้าหมายใหญ่ของเราทั้งสอง เกรงว่าข้าจะทำให้เจ้าต้องกล้ำกลืน”
“เจ้าเป็นสตรีผู้งดงาม ทั่วทั้งใต้หล้านี้ไม่มีสตรีนางใดเทียบเจ้าได้เลย อีกอย่าง เจ้าเป็นสตรีผู้มีกายบริสุทธิ์ เจ้าจะต้องทำให้เสด็จพ่อพึงพอใจในตัวเจ้าได้แน่ ในวันนี้คนที่ข้าเชื่อใจได้นั้นก็มีเจ้าเพียงคนเดียว ข้าจะขอมอบหน้าที่นี้ให้แก่เจ้า”
มู่หรูเหยียนร่างสั่นเทาด้วยความตกใจ นางกำมือแน่น
ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ก็บอกนางเอาไว้แล้วว่านางคือคนที่เชื่อใจได้ เรื่องนี้ท่านพี่หลี่ซางก็มอบให้เป็นหน้าที่ของนาง แต่ลึก ๆ ในใจนางก็ยังหวังว่าซวนหยวนหลี่ซางจะส่งสตรีอื่นไป นางไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้…
ในใจของนางระทมทุกข์ ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก!
มู่หรูเหยียนกล่าว น้ำตาคลอหน่วย “ฮือ ๆ ๆ ท่านพี่หลี่ซาง หรูเหยียนกลัวเหลือเกิน กลัวว่าวันหนึ่งท่านพี่จะทิ้งหรูเหยียนไป หากเป็นเช่นนั้นหรูเหยียนก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว”
ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวให้ความมั่นใจ “หรูเหยียนเจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้า ในใจของข้ามีเพียงแต่เจ้าตลอดไป”
ซวนหยวนหลี่ซางตัดสินใจที่จะให้มู่หรูเหยียนเป็นคนจัดการเรื่องนี้ มู่หรูเหยียนในเวลานี้ละอายใจนัก นางลอบกล่าวในใจ ‘ข้าจะต้องทำให้สำเร็จ ต้องสำเร็จเท่านั้น ขอเพียงฆ่ามู่เฉียนซีให้ได้ ต่อให้ข้าต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม’
องค์รัชทายาทพามู่หรูเหยียนเข้าวังไป ซวนหยวนจือรู้เช่นนี้ ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความแปลกใจ
“ซางเอ๋อร์ เข้าวังมาดึก ๆ ดื่น ๆ มีเรื่องอันใดรึ ?”
ซวนหยวนหลี่ซาง “เสด็จพ่อ ข้าได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ท่านอารมณ์ไม่ค่อยดี เหล่านางสนมวังหลังก็ไม่ถูกใจท่าน ข้าพาสตรีรูปงามมาเข้าเฝ้าท่าน หวังว่าท่านจะทรงโปรด”
มู่หรูเหยียนมาในเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามประณีตราวนางฟ้า ความอ่อนโยนและนุ่มนวลของนาง ทำให้ผู้คนที่ได้ยลโฉมแทบระงับความรู้สึกต้องการจะขย้ำไม่ได้
ซวนหยวนจือกล่าวอย่างประหลาดใจ “อะไรกันซางเอ๋อร์ นางเป็นสตรีในจวนเจ้ามิใช่รึ ? เจ้า…”
“เสด็จพ่อวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ เหยียนเอ๋อร์เพียงแค่เข้ามาอาศัยอยู่ในจวนข้าเพียงชั่วคราว นางยังเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์ไร้ซึ่งมลทิน เสด็จพ่อน่าจะทราบมาบ้างแล้วว่านางเป็นสตรีอัจฉริยะคนแรกของตระกูลมู่”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตระกูลมู่’ เปลวไฟในดวงตาซวนหยวนจือปะทุขึ้นทันที ดวงตาเขาจ้องมองมู่หรูเหยียนราวจะกลืนกินนาง ทำให้นางกลัวจนหัวหด ทว่ารูปร่างอันงดงามอย่างไร้ที่ติและท่าทางที่น่าสงสารของนางนั้น จิตใจของซวนหยวนจือพลันเตลิดเปิดเปิงไปในที่สุด
สตรีผู้นี้ต่างหากถึงจะเป็นผู้ที่น่ารักน่าเอ็นดู ไม่เหมือนมู่เฉียนซีนางเด็กโอหังผู้นั้นที่คอยหาเรื่องให้เขาไม่เว้นวัน
ซวนหยวนจือรับตัวมู่หรูเหยียนมา เขาหัวเราะชอบใจ กล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ ซางเอ๋อร์ สายตาเจ้าเฉียบแหลมยิ่งนัก เช่นนั้นข้ารับไว้มิเกรงใจเจ้าแล้ว”
“เช่นนั้นข้าทูลลา” ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวลา เขาออกไปจากห้องบรรทม
มู่หรูเหยียนผู้เป็นสตรีอัจฉริยะคนแรกของตระกูลมู่อยู่ปรนนิบัติซวนหยวนจือทั้งคืน โดยมีซวนหยวนหลี่ซางอยู่ด้านนอกห้องบรรทมของฮ่องเต้ เขาแทบรุดเข้าไปหลายครั้งเมื่อได้ยินเสียงร้องของมู่หรูเหยียนที่กรีดแทงหัวใจเขา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยับยั้งอารมณ์เอาไว้
ซวนหยวนหลี่ซางกำหมัดแน่น เส้นเลือดบนข้อมือกระตุกหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะล้มเหลวหรือจะสำเร็จ เขาก็ต้องอดทนเอาไว้ อดทนเอาไว้ให้ได้ ถึงแม้ว่าเรื่องในคืนนี้นั้นจะทำให้มู่หรูเหยียนต้องกล้ำกลืนฝืนใจก็ตาม พวกเขาทำดีที่สุดแล้ว
ไม่นานนักซวนหยวนหลี่ซางก้าวเท้าเข้าไปในห้องบรรทมของฮ่องเต้อีกครั้ง เขาได้เห็นสภาพที่ยุ่งเหยิงของมู่หรูเหยียน จากนั้นเอ่ยถามอย่างกังวลใจว่า “หรูเหยียน สำเร็จหรือไม่ ?”
หัวใจของมู่หรูเหยียนแทบแตกสลาย นางถูกทรมานทั้งคืน ทว่าสิ่งที่เขาเป็นห่วงนั้นไม่ใช่นาง กลับเป็น…
มู่หรูเหยียนตายใจไปกับบุรุษผู้นี้โดยสิ้นเชิงแล้ว นางตอบกลับไปอย่างนิ่งเงียบ “สำเร็จแล้ว”
เชื้อพระวงศ์และเหล่าบรรดาขุนนางต่างประหลาดใจกันไปถ้วนหน้า ฮ่องเต้เรียกทุกคนมาพร้อมกันที่ท้องพระโรงอย่างกะทันหัน
หลังจากที่ราชวงศ์และเหล่าบรรดาขุนนางทั้งท้องพระโรงรอกันมาครู่ใหญ่ ในที่สุดฮ่องเต้ก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับองค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซาง
ซวนหยวนจือ “วันนี้ข้ามีราชโองการจะประกาศให้ทุกคนได้ทราบ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีแล้วว่าตัวข้าทะลวงพลังถึงขั้นระดับจักรพรรดิสำเร็จแล้ว ดังนั้นข้ามีความตั้งใจจะฝึกบำเพ็ญวิชาต่อ จึงจะมอบบัลลังก์มังกรนี้ให้กับซางเอ๋อร์”
ราชโองการนี้เปรียบดั่งสายฟ้าฟาดลงมาที่ราชวงศ์ซวนหยวนและเหล่าบรรดาขุนนางทั้งหลาย พวกเขาเข้าใจและรู้จักฮ่องเต้ผู้นี้เป็นอย่างดี ต่อให้ฮ่องเต้จะสนใจในเคล็ดวิชามากเพียงใด ก็มิใช่ผู้ที่จะยอมลงจากบัลลังก์มังกรง่าย ๆ มาวันนี้ทุกคนประหลาดใจนัก ฮ่องเต้มีพระราชโองการสละพระราชบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ?
ซวนหยวนหลี่เทียนและซวนหยวนชิงอวิ๋นหันไปมองซวนหยวนจือและซวนหยวนหลี่ซาง กลับไม่เห็นสีหน้าผิดปกติของทั้งสองแต่อย่างใด อีกทั้งท่าทางของฮ่องเต้ในเวลานี้ก็ไม่เหมือนผู้ที่ถูกบีบบังคับเลย
ซวนหยวนจือกล่าวว่า “เรื่องนี้ก็เป็นอันตามนี้”
……
ทางด้านตระกูลมู่ เมื่อมู่เฉียนซีได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น นางกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจว่า… “หืม…? ฮ่องเต้ซวนหยวนจือนี่น่ะรึ ยอมสละราชบัลลังก์ง่ายเพียงนี้ ? ช่างแปลกประหลาดนัก”
มู่เอ๋อร์ “พวกแมนจูและเหล่าสนมวังหลังต่างก็ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอรับ พวกเขายืนหยัดด้วยตัวเองยังไม่ได้เลย ฮ่องเต้ก็สละราชบัลลังก์ลงกลางคันเช่นนี้แล้ว เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อมาก ท่านผู้นำตระกูลขอรับ ท่านรู้หรือไม่ว่ายาพิษแขนงใดที่สามารถทำให้ฮ่องเต้ยอมสละราชบัลลังก์ได้เช่นนี้ ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ยาพิษเหล่านี้มีหลายแขนง ขอเพียงแค่ข้าได้ตัวอย่างพิษมา ข้าก็จะทำพิษเพิ่มขึ้นมาได้หลายชนิดเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าอาการเช่นนี้ของซวนหยวนจือ คงมิใช่ถูกพิษธรรมดาทั่วไป มันน่าจะเป็นพิษวิญญาณกู่”
“เช่นนั้นท่านผู้นำตระกูลมู่มีแผนจะเคลื่อนไหวหรือไม่ขอรับ ?”
มู่เฉียนซี “เฝ้าดูสถานการณ์ไปก่อน ข้าคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคงไม่อยากให้ซวนหยวนหลี่ซางเป็นฮ่องเต้ได้ง่าย ๆ”
“ขอรับ”
ในเมื่อซวนหยวนหลี่ซางเพิ่งขึ้นครองราชบัลลังก์ มู่เฉียนซีไม่อยากไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขา เขาอยากจะทำอะไรก็ปล่อยเขาไป ถึงอย่างไรต่อให้เขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เขาก็คงจะไม่กล้าทำอะไรตระกูลมู่สุ่มสี่สุ่มห้า
ลำดับต่อไปเป็นตำแหน่งวังหลังนั่นก็คือตำแหน่งฮองเฮา ซวนหยวนหลี่ซางประกาศว่าหลานสาวของผู้เฒ่าตระกูลมู่จะขึ้นมาเป็นฮองเฮาของเขา เหล่าขุนนางทั้งท้องพระโรงคัดค้านทันที
“ฮ่องเต้ เราไม่อาจรุกรานตระกูลมู่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมคิดว่านำตัวมู่หรูเหยียนส่งกลับไปยังจวนตระกูลมู่จะดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”
“องค์ฮ่องเต้ นางผู้นี้ต่ำต้อยนัก ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งฮองเฮาแม้แต่น้อย”
ภายใต้แรงกดดันของเหล่าขุนนางทั้งท้องพระโรงเช่นนี้ ซวนหยวนหลี่ซางจึงทำได้เพียงออกราชโองการแต่งตั้งให้มู่หรูเหยียนเป็นตำแหน่งกุ้ยเฟย (พระสนมเอก) เท่านั้น
“อ๊าย! อ๊าย! กรี๊ดดดด!”
— เพล้ง! —
มู่หรูเหยียนในเวลานี้คลุ้มคลั่ง นางไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์นางฟ้าของนางไว้ได้อีก ได้แต่อาละวาดอยู่ภายในวัง ใบหน้าของนางเวลานี้นั้นดุร้ายยิ่งนัก
“เจ้าหลี่ซางคนโกหก คนหลอกลวง! คอยดูเถอะ…! ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ข้าจะควักหัวใจเจ้าออกมาฉีกเป็นชิ้น ๆ เลย คอยดูเถอะ! คอยดูเถอะ!!!”
เมื่อสตรีเกิดความคลุ้มคลั่งขึ้นมา นับเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสตรีอย่างมู่หรูเหยียนผู้ที่เสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นคนดีมาโดยตลอด
…
ซวนหยวนหลี่ซางยึดถือในอำนาจฮ่องเต้ เขาสั่งให้ทหารนำตัวองค์ชายและเชื้อพระวงศ์เข้าคุมขังที่คุกเทียนเหลาด้วยข้อหาต่าง ๆ นานา โดยเตรียมการทำเรื่องนี้อย่างลับ ๆ แม้กระทั่งกับซวนหยวนหลี่เทียนก็ไม่เว้น
ทว่าจากนั้น มีข่าวออกมาว่าทางสำนักจินติ่งได้ข่าว จึงได้เข้าช่วยชีวิตของซวนหยวนหลี่เทียนเอาไว้ให้พ้นจากคุกหลวงนี้
คุณชายอิ๋นเจี้ยนแห่งสำนักจินติ่งผู้ซึ่งแย่งคนรักของเขาไปแล้วยังไม่ได้คืนกลับให้เขาเลย ซวนหยวนหลี่เทียนคาดไม่ถึงว่าบุรุษผู้ที่เคยสวมเขาให้เขา จะมาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขารู้สึกผิดหวังกับพี่น้องร่วมท้องอย่างฮ่องเต้ซวนหยวนหลี่ซางเป็นอย่างมาก เสียแรงที่เคารพนับถือมาโดยตลอด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซวนหยวนหลี่เทียนไม่เคยคิดแย่งบัลลังก์มังกรจากซวนหยวนหลี่ซางเลย กลับต้องมาประสบกับสถานการณ์น่าสมเพชเช่นนี้
……
ณ จวนตระกูลมู่
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “เอาล่ะ ได้เวลาเคลื่อนไหวแล้ว เราไปคุกหลวงกัน”
.