ตอนที่ 561 หวั่นไหว แต่เขาไม่ได้ชอบฉัน / ตอนที่ 562 ข่าวลือ เป็นแค่ข่าวลือ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 561 หวั่นไหว แต่เขาไม่ได้ชอบฉัน

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งหลินจยาอวี่ก็ยิ้มออกมาได้แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีความรักอีกครั้ง บางทีผู้หญิงทุกคนที่เคยโดนหักหลังล้วนแต่มีความคิดแบบนี้ แต่ก็แค่คิดเท่านั้น ยามที่ควรมีความรักก็ต้องรัก แต่ฉันไม่คิดว่าจะเริ่มต้นมีความรักใหม่อีกครั้งจริง สำหรับฉันดูเหมือนมันจะเสียเวลามากกว่า”

 

 

อวี๋กานกานนิ่งอึ้ง “…”

 

 

นี่เธอกำลังคิดว่าเธอใจเต้นเพราะลู่เสวี่ยเฉินใช่ไหม

 

 

หลินจยาอวี่นิ้วถูแก้วน้ำที่วางข้างจ้องมองคลื่นน้ำกระเพื่อมเบาๆ ในแก้ว “เขาดีกับฉันมากแล้วก็รักลูกในท้องของฉันมากด้วย เป็นห่วงฉันดูแลฉัน ตอนฉันป่วยเขาดูเป็นกังวลมากกว่าใครๆ ในขณะที่เขาดีกับฉันเขาก็ดีกับพ่อแม่ของฉันด้วย แต่เสียดายเราเหมือนอยู่กันคนละโลก เขาชอบฉันเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แต่ฉันก็เป็นอย่างที่เธอคิด ดูเหมือนว่าฉัน…”

 

 

ท้ายประโยคสองคำนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา

 

 

อวี๋กานกานตะลึงงันแล้วช่วยเธอพูดอีกสองคำที่เหลือ “หวั่นไหว”

 

 

หลินจยาอวี่ดื่มน้ำเงียบๆ ใบหน้าขาวผ่องขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะเบาๆ เธอปรบมืออย่างยินดี “นี่มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ พวกเธอก็เป็นสามีภรรยามาตั้งแต่แรก เขาดีกับเธอแล้วยังรับลูกในท้องของเธอ และเธอก็ชอบเขาอีก งั้นก็อยู่ด้วยกันราบรื่นดีไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงยังจะหลบหน้าเขาอีกล่ะ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินสวยขนาดนี้หากเป็นผู้หญิงเขาจะต้องสวยเหมือนจิ้งจอกสาวพราวเสน่ห์แน่ๆ ทั้งสวยทั้งยั่วยวนชนิดที่ว่างามล่มเมือง ตอนนี้เขาเป็นผู้ชาย ถึงแม้บางครั้งเขาจะจงใจทำตัวหยาบกร้านบ้างแต่ก็ยังคงความหน้าตาดีเอาไว้ นิสัยก็ดีแถมยังดีกับหลินจยาอวี่ด้วย หลินจยาอวี่จะชอบเขาก็ไม่แปล

 

 

หากพวกเขาทำให้การแต่งงานหลอกๆ กลายเป็นจริงล่ะก็ บอกได้เลยว่าดีอกดีใจกันถ้วนหน้าแน่ๆ

 

 

หลินจยาอวี่ยิ้มมุมปากเจื่อนๆ “แต่เขาไม่ได้ชอบฉัน”

 

 

อวี๋กานกานขมวดคิ้ว “เขาดีกับเธอขนาดนั้นทำไมถึงจะไม่ชอบเธอล่ะ หรือว่าเขากับเธอ…เขามีผู้หญิงที่ชอบแล้วเหรอ”

 

 

“หากเป็นผู้หญิงก็ดีสิ”

 

 

หลินจยาอวี่เผลอหลุดปากจึงตะลีตะลานหลับตาปิดปาก

 

 

“ไม่ใช่ผู้หญิง หรือว่าจะเป็นผู้ชาย” อวี๋กานกานเบิกตาโพลงอย่างตกใจ

 

 

เธอตกใจตะลึงและเหลือเชื่อ!

 

 

จากนั้นไม่นานถึงได้พูดออกมา “คราวก่อนเธอถามฉันว่ามีหรือไม่มีวิธีทำให้กลับไปเป็นชายทั้งแท่ง คือลู่เสวี่ยเฉินใช่ไหม”

 

 

หลินจยาอวี่กุมมืออวี๋กานกานเอาไว้แน่น “เธออย่าบอกใครเด็ดขาดนะ ฉันสัญญากับเขาแล้วว่าจะไม่บอกใคร”

 

 

เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

 

 

อวี๋กานกานกะพริบตาปริบๆ แล้วกลืนน้ำลายอึกๆ “เธออย่าบอกฉันนะว่าคนที่ลู่เสวี่ยเฉินชอบคือฟังจือหัน”

 

 

“ไม่…ไม่ใช่” หลินจยาอวี่ส่ายหน้าเลิ่กลั่ก

 

 

นี่ต่อให้ตีให้ตายก็ไม่มีทางให้อวี๋กานกานรู้เป็นอันขาด เธอปัดมือพัลวัน “ไม่ใช่แน่นอน ไม่ใช่เด็ดขาด เธออย่าคิดซี้ซั้วนะ ลู่เสวี่ยเฉินไม่ได้ชอบฟังจือหัน”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

ความตกตะลึงในใจก็เหมือนกับการเห็นสึนามิซัดเข้ามาแล้วผ่านไปสักพักยังไม่ได้สติกลับคืนมา

 

 

ความสัมพันธ์ระหว่างลู่เสวี่ยเฉินดีมาก คนนอกก็ลือกันว่าพวกเขาเป็นคู่ขากัน

 

 

แต่เธอใกล้ชิดกับพวกเขาทั้งสองคน รู้สึกว่าระหว่างพวกเขาสองคนบริสุทธิ์ใจกันจริงๆ ฟังจือหันก็ใช่ลู่เสวี่ยเฉินก็เช่นกัน

 

 

ยังจำได้ตอนอยู่เมืองไป๋หยางมีผู้ชายคนหนึ่งมาสารภาพรักลู่เสวี่ยเฉิน ตอนนั้นลู่เสวี่ยเฉินทั้งโกรธและขยะแขยง เขาไม่ได้แสดงละครแต่เขารังเกียจและต่อต้านมากจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 562 ข่าวลือ เป็นแค่ข่าวลือ

 

 

ทำไมหลินจยาอวี่ถึงคิดว่าลู่เสวี่ยเฉินชอบผู้ชายล่ะ ลู่เสวี่ยเฉินไม่ได้บอกเองแน่ๆ หรือว่าเป็นเพราะข่าวลือสี่วีรบุรุษแห่งปักกิ่งทำให้จยาอวี่เข้าใจผิดหรือเปล่า

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้ถามความในใจออกมา

 

 

เพียงแต่พูดกับหลินจยาอวี่ว่า “ตอนนี้ร่างกายเธอแข็งแรงดี ลูกในท้องก็สมบูรณ์ดี สามารถนั่งเครื่องบินได้ ไม่กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ไป๋หยางล่ะ อาจจะโล่งใจถ้าได้ผ่อนคลายบ้าง”

 

 

หลินจยาอวี่คิดว่าคำแนะนำนี้ก็ไม่เลวจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

 

จู่ๆ โทรศัพท์ของอวี๋กานกานก็ดังขึ้น อวี๋กานกานหยิบขึ้นมาดูแวบหนึ่งเป็นฟังจือหันที่โทรมา

 

 

หลังจากเธอรับสาย น้ำเสียงขุ่นๆ ของฟังจือหันก็ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ “ทำไมถึงยังมากลับบ้าน”

 

 

ความเย็นชาแทบจะส่งผ่านสายโทรศัพท์แถมน้ำเสียงเขายังดูหงุดหงิดด้วย อวี๋กานกานยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันมากินข้าวข้างนอกกับจยาอวี่ค่ะ จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”

 

 

รอจนอวี๋กานากนวางสาย หลินจยาอวี่เม้มริมฝีปากแน่น จู่ๆ ก็เผยอออกมาแย้มยิ้มและขำเบาๆ “ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเธอก็ดีเหมือนกันนี่ ฟังจือหันดูเป็นห่วงเธอมาก”

 

 

คนงามหัวเราะออกมาสวยงามน่าหลงใหลราวกับหิมะบนกิ่งดอกเหมยที่กำลังละลาย หรือดั่งโบราณว่าไว้โจวโยวหวังจุดไฟสัญญาณหยอกล้อเจ้าแคว้นเพื่อหนึ่งยิ้มจากสาวงาม[1]

 

 

อวี๋กานกานมองเธออย่างเคลิบเคลิ้มแล้วเอ่ยถาม “มุมปากของเธอกลับมาขยับได้แล้ว เห็นได้ว่าเธอก้าวผ่านอดีตมาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ยินดีด้วยนะจยาอวี่”

 

 

“ขอบคุณนะ หากไม่ใช่เพราะเธอ ตอนนี้ฉันอาจจะยังขังตัวเองอยู่แต่ในห้องก็ได้” หลินจยาอวี่ขอบคุณอย่างท่วมท้นหัวใจ

 

 

“เราเป็นเพื่อนกันนี่ ไม่ต้องขอบคุณหรอก ไม่งั้นฉันไม่กล้าคบเธอเป็นเพื่อนแล้วนะ” อวี๋กานกานยกแก้วขึ้นมาแล้วเอ่ยยิ้ม “มาๆๆ พวกเรามาชนแก้วน้ำเปล่าแทนเหล้ากันดีกว่า”

 

 

“ได้ ชนแก้ว!”

 

 

 

 

อวี๋กานกานกลับมาถึงบ้านก็ดึกสงัดแล้ว

 

 

เมื่อเข้ามาก็เห็นฟังจือหันนั่งที่โซฟาห้องรับแขกอ่านเอกสารเงียบๆ และดูสุขุม

 

 

ใบหน้าด้านข้างได้รูปกับภาพวาด ดวงตาหลุบต่ำ จดกระดุมเสื้อถึงเม็ดบนสุดเผยให้เห็นลำคอระหงและลูกกระเดือกเซ็กซี่ทำให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

 

 

อวี๋กานกานนั่งลงข้างกายเขา “ยังยุ่งอยู่เหรอคะคุณ”

 

 

ฟังจือหันเอาเอกสารในมือวางบนโต๊ะรับแขกจากนั้นโอบเอวแล้วก้มลงไปแนบชิดริมฝากของเธอ

 

 

อวี๋กานกานยกยิ้มมุมปากดันตัวเขาออกเบาๆ แล้วถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันถามคุณเรื่องหนึ่งได้ไหม”

 

 

ฟังจือหันพยักหน้าสบตารอเธอเอ่ยถาม

 

 

“คุณรู้จักกับเขานานแล้วใช่ไหม”

 

 

“อืม”

 

 

“คิดว่าเข้าใจไหม”

 

 

“อืม”

 

 

“งั้นคุณรู้ไหมว่าคนที่ลู่เสวี่ยเฉินชอบ…คือใคร”

 

 

“ไม่รู้”

 

 

“เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”

 

 

หลังจากถามไปสองสามประโยค ฟังจือหันสัมผัสได้ถึงความแปลกในน้ำเสียงของเธอ สายตาเขามองไปที่เธอ จู่ๆ ก็ถามกลับบ้างอย่างไม่เข้าใจ “จู่ๆ คุณจะเป็นห่วงลู่เสวี่ยเฉินไปทำไม”

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะเบาๆ “วันนี้ฉันไปกินข้าวกับหลินจยาอวี่มา ถึงพวกเขาแต่งงานแล้วก็อยากให้กระชับสัมพันธ์กัน แต่ฉันอยากรู้ว่าลู่เสวี่ยเฉินมีคนที่ชอบอยู่ไหม”

 

 

นิ้วเรียวลูบไล้แก้มของอวี๋กานกานแผ่วเบา “เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง”

 

 

เมื่อนึกถึงข่าวลือสี่วีรบุรุษแห่งปักกิ่ง อวี๋กานกานก็เลิกคิ้วล้อเลียน “ฉันสังเกตว่าลู่เสวี่ยเฉินชอบมาหาคุณ คนที่เขาชอบคงไม่ใช่คุณหรอกมั้ง”

 

 

ฟังจือหันโน้มตัวลงกัดริมฝีปากเธอเบาๆ “เหลวไหล ไม่ต้องไปฟังข่าวลือมั่วๆ จากข้างนอก”

 

 

หรือว่าฟังจือหันจะให้คำตอบที่แน่นอนกับเธอ อวี๋กานกานหัวเราะเบาๆ “โชคดี ไม่งั้นถ้าเขาชอบคุณก็คงไม่เกี่ยวอะไรต้องเกี่ยวกับฉันแล้วล่ะ”