บทที่ 270 ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

ภายในห้องจุดไฟเพียงดวงเดียว แสงไฟเล็กดุจเม็ดถั่ว ทำให้ทุกอย่างดูสลัว

ซ่งชูอีปีนขึ้นเตียงด้วยความรวดเร็ว ซุกๆ ตัวอยู่ข้างกายเจ้าอี่โหลว เอื้อมมือโอบเอวของเขา “เจ้าอี่โหลวเอ๋ย ถ้าอย่างไรพวกเราก็มาลองกันเถิด”

ทั้งตัวของเจ้าอี่โหลวร้อนผ่าวรุนแรง ได้ยินคำพูดของนางแล้วก็เม้มปากไม่ได้พูดอะไร

ซ่งชูเห็นว่าเขามิได้ตอบสนอง สอดมือเข้าไปใต้เสื้อผ้าของเขาด้วยความซุกซน ครั้นสัมผัสกับผิวกายที่ร้อนผ่าว ทำให้นางอึ้งไปครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นเจ้าอี่โหลวก็พลิกตัวกลับมาคร่อมบนตัวซ่งชูอี ประกบริมฝีปากของนางโดยไม่ปล่อยให้มีคำอธิบายใดๆ กลิ่นยาจางๆ ที่คุ้นเคยลอยมา รสหวานแพร่กระจายอยู่ในปาก ทำให้เขาปรารถนามากขึ้นอย่างไร้ความอ่อนโยน

เขาที่ป่าเถื่อนกะทันหันทำให้ซ่งชูอีประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นไม่นานนางก็ยิ้มแล้วตอบสนองด้วยความจริงจัง

แม้ว่าเจ้าอี่โหลวจะเป็นคนเริ่มก่อน ทว่าน่าเสียดายที่เขาอ่อนหัดไปหน่อย ทำได้เพียงจูบและลูบคลำมั่วๆ ไปตามสัญชาตญาณ

ทั้งสองคนถอดเสื้อผ้าให้กันและกัน ไม่ช้าผิวกายก็แนบชิด การสัมผัสกันเช่นนี้นับว่าเป็นครั้งแรก ซ่งชูอีมิใช่คนที่หน้าตาดีนัก ผิวพรรณก็มิได้ขาวนวลดุจหิมะเหมือนกับหญิงงามทั่วไป อย่างไรก็ดีความประณีตดุจผ้าไหมละเอียดนั้นยิ่งจุดไฟปรารถนาของเจ้าอี่โหลวให้รุนแรงกว่าเดิม ส่วนล่างตรงนั้น บัดนี้มันแข็งและร้อนพอๆ กับหัวแร้งแล้ว

เมื่อคิดถึงฉากที่เห็นก่อนหน้านี้ เจ้าอี่โหลวเปลื้องผ้าของซ่งชูอีจนเกลี้ยง เอื้อมมือแตะระหว่างขาของนาง ความนุ่มนิ่มที่โดนมือทำให้เขาตกตกลึงไปชั่วครู่

“หวยจิน…” เจ้าอี่โหลวคร่อมอยู่บนตัวนาง จูบขมับนางอย่างละมุนละไม เสียงแหบแห้งเอ่ยเรียกแผ่วเบา นิ้วสำรวจจุดนั้นอย่างอ่อนโยน ทว่ากลับไม่พบจุดที่สามารถสอดใส่เข้าไปได้เลย

เนื่องจากซ่งชูอีไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องเช่นนี้ ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่อาจถูกกระตุ้นความต้องการได้โดยง่าย ทว่าการได้กอดกับเจ้าอี่โหลวเช่นนี้ ได้ยินเสียงแหบแห้งของเขาเรียกหาแผ่วเบาก็รู้สึกหวั่นไหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางสะบัดสิ่งที่เขาถือไว้เบาๆ สองสามทีเพื่อนำทางให้กับมัน

“อืม” เจ้าอี่โหลวส่งเสียงอู้อี้เบาๆ ลมหายใจสั่นเทา

ซ่งชูอีรู้สึกเพียงของที่ทั้งร้อนทั้งแข็งของเจ้าอี่โหลวนั้นกำลังถูไถไปมาอยู่ที่หว่างขาตัวเอง ทำให้นางรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถจับประเด็นหลักได้ ไม่รู้ว่าควรจะเอามันไว้ตรงไหน

ที่จริงซ่งชูอีก็ไม่ใคร่เข้าใจนัก แม้นางจะแอบดูเรื่องเสพสมกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยสำรวจดูจากระยะใกล้ เห็นเพียงภาพรวมในความมืดเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจในการเข้าๆ ออกๆ นางยื่นมือคลำหาด้วยตัวเอง ในที่สุดก็พบตำแหน่งนั้นแล้วจึงเอ่ยว่า “อี่โหลว เจ้านอนลง ข้าจัดการเอง”

เจ้าอี่โหลวกำลังตื่นตระหนกทว่าก็ไม่สามารถทำมันได้ จึงนอนลงอย่างว่าง่าย ซ่งชูอีวางขาข้างลำตัวและนั่งขี่อยู่บนตัวของเขา ประคองส่วนนั้นให้มั่นคงแล้วนั่งลงไปช้าๆ

หลังจากพยายามด้วยความยากลำบากครู่หนึ่งก็เข้าไปได้บางส่วน ทั้งสองคนกลับสูดหายใจในเวลาเดียวกัน

“หวยจิน เจ้าไม่เป็นไรนะ?” เจ้าอี่โหลวได้ยินเสียงของนางแล้วก็ถามทันใด

ซ่งชูอีกัดฟัน พูดกับเขาด้วยความสงบยิ่ง “ครั้งแรกก็จะเจ็บหน่อย ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องผ่านจุดนี้”

เจ้าอี่โหลวเห็นว่าคิ้วของนางผูกเป็นปมภายใต้แสงไฟสลัว บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่ออย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก ซ่งชูอีในเวลานี้ในที่สุดก็เผยให้เห็นเสน่ห์ของผู้หญิงออกมา ทว่าไม่ใช่ประเภทความอ่อนโยนบริสุทธิ์เทือกนั้น ท่าทางที่นางหลุบตาลงเม้มริมฝีปาก ท่าทางที่นางขมวดคิ้วกันเล็กน้อย…ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเจ้าอี่โหลว ทำให้เขารู้สึกฟุ้งซ่าน

เจ้าอี่โหลวลุกขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เอื้อมมือโอบกอดร่างบอบบางของนาง จูบริมฝีปากนางอย่างอ่อนโยนแล้วกระซิบแผ่วเบา “หวยจิน ข้ารักเจ้า”

ซ่งชูอีกำลังหงุดหงิด ในใจคิดว่าแม่งเห็นคนอื่นทำเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน เหตุใดพอถึงคราวตัวเองแล้วถึงได้ยากเย็นเพียงนี้! ในเวลานี้จู่ๆ ก็ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเจ้าอี่โหลว ในใจจึงสงบลงไม่น้อย เอื้อมมือกอดเขากลับ

เมื่อจูบจนหายใจกระหืดกระหอบแล้ว ซ่งชูอีก็เอ่ยว่า “เจ้านอนลงเถิด เช่นนี้ไม่สะดวก”

เจ้าอี่โหลวไม่ได้ส่งเสียง กำลังคิดจะให้ซ่งชูอีอยู่ข้างล่าง ทว่าไม่ทันระวังตัวสิ่งนั้นถูกซ่งชูอีใช้มือคว้าเอาไว้แล้วนั่งลงไปเต็มแรง

“อืม!” เจ้าอี่โหลวส่งเสียงอู้อี้ กล้ามเนื้อทั้งตัวแน่นตึง เส้นเลือดเต้นกระตุกรุนแรง

ซ่งชูอีเจ็บจนดวงตาแดงก่ำ พยุงตัวไม่ไหวล้มพับลงบนไหล่ของเจ้าอี่โหลว

ผ่านไปเนิ่นนาน ไม่รู้ว่าเพราะเลือดหรืออะไรที่ทำให้บริเวณนั้นหล่อลื่นขึ้น จากนั้นทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาหน่อย

ทันทีที่ความเจ็บปวดของเจ้าอี่โหลวหายไป ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ทำให้รู้สึกแน่นจนหายใจไม่ออก กระดูกสันหลังเสียวซ่าน ความรู้สึกสบายแปลกประหลาดถาโถมและพรั่งพรูออกมาอย่างอั้นไว้ไม่อยู่

เนิ่นนาน ในที่สุดเจ้าอี่โหลวก็ฟื้นตัว ก่อนที่จะพบว่าซ่งชูอีหมอบอยู่บนตัวของเขาอย่างอ่อนแรง เขาสะดุ้งทันใด เอ่ยด้วยความตื่นตระหนก “หวยจิน เจ้าเป็นอะไรไป?”

เขาพูดพลางต้องการวางซ่งชูอีลง ทว่าทันทีที่ขยับก็ได้ยินเสียงขู่ฟ่อของนางดังขึ้นข้างหู “อย่าขยับ อุตส่าห์เข้ามาได้ทั้งที”

“เจ้าไม่เป็นไรนะ? เจ็บหรือเปล่า?” เจ้าอี่โหลวร้อนใจ ทว่าความรู้สึกที่สิ่งนั้นถูกรัดแน่นก็ยากที่จะละเลย ในไม่ช้าก็ลุกขึ้นอีกครั้ง

“พอได้ เจ้าลองดูสิ” ซ่งชูอีไม่รู้สึกว่าเจ็บแล้ว จึงเอ่ยกระตุ้นเขา

บัดนี้เจ้าอี่โหลวกำลังอดกลั้นเอาไว้ ครั้นได้ยินคำพูดของนางแล้วก็เคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณทันที

ซ่งชูอีโอบคอของเขาแน่น รู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างเจ็บจนแทบจะฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นเดียวกับดาบที่แหลมคมเฉือนผ่านร่างกาย นอกจากความเจ็บแล้วก็ยังมีความเจ็บ มีความสดชื่นที่ยากจะบรรยายที่ไหนกัน!

“หวยจิน” เจ้าอี่โหลวรู้สึกสบายเป็นที่สุด ทว่าเนื่องจากเป็นห่วงซ่งชูอีจึงคอยสังเกตนางอยู่ตลอดเวลา เห็นว่านางส่งเสียงอู้อี้และกอดตัวเองแน่นก็รู้แล้วว่านางกำลังทรมาน จึงรีบหยุดการเคลื่อนไหว

ซ่งชูอีบิดตัวสองสามครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ ยังคงเจ็บปวดจับใจ ทว่าเจ้าอี่โหลวกลับถูกนางกระทำอีกครั้ง

ไม่ช้าความสบายตัวของเจ้าอี่โหลวก็ถูกความเป็นกังวลเข้าครอบงำ เขาไม่ฟังคำของนางอีก สองมือออกแรงอุ้มนางขึ้นมาแล้ววางลงบนเตียงแผ่วเบา

ทันทีที่สองคนแยกกัน เจ้าอี่โหวก็รู้สึกว่าท่อนล่างของตัวเองเปียกชื้น ครั้นเหลือบมองแวบหนึ่งตามสัญชาตญาณก็ทำให้เขาตะลึงงัน เลือดสีแดงแจ๋เป็นวงกว้าง! มันเปื้อนอยู่บนขาของเขาและทั่วทั้งเตียง

“ข้าจะไปตามหมอ!” เจ้าอี่โหลวลุกขึ้นสวมเสื้อด้วยความกระวนกระวาย

ซ่งชูอีเอื้อมมือคว้าชายเสื้อของเขาไว้ ตะโกนว่า “เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มีเกียรตินักรึไง! ข้าไม่เป็นไร เลือดออกเป็นเรื่องธรรมดา”

เจ้าอี่โหลวเอื้อมมือกอดนางไว้ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร “เพราะว่าข้าไม่ดีเอง”

“นอนเป็นเพื่อนข้าหน่อย แล้วพวกเราไปแช่น้ำกัน” ซ่งชูอีเอ่ย

มีหรือที่เจ้าอี่โหลวจะไม่ตอบรับ เพียงแต่เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นไรจริงรึ?”

“ไม่เป็นไร” ซ่งชูอีหัวเราะหึหึ

เจ้าอี่โหลวไม่ใครเข้าใจเรื่องของหนุ่มสาวมากนัก และก็ไม่เคยได้ยินว่ามีคนเสียชีวิตจากการร่วมรักการตามปกติ ดังนั้นจึงไม่ได้ถามมาก เอื้อมมือกอดนาง ในหัวใจรู้สึกเติมเต็ม

นอนอยู่สักพัก เจ้าอี่โหลวก็แบกนางไปยังห้องอาบน้ำ

ซ่งชูอีนั่งอยู่ในบ่อน้ำร้อน ร่างกายส่วนล่างปวดแสบปวดร้อน

เจ้าอี่โหลวเอาเสื้อผ้าสะอาดกลับมา เมื่อเห็นคนที่อยู่ในบ่อขมวดคิ้วก็อดที่จะปวดใจไม่ได้ ซ่งชูอีมักจะโมโหเขาได้อย่างง่ายดาย แต่โดยมากก็มักเป็นเพราะเรื่องเล็กน้อย ทว่าความขุ่นมัวและความเจ็บปวดที่แท้จริงนั้นนางกลับไม่เคยปริปากเลย แม้ว่าปกตินางจะมีท่าทีผ่อนคลาย ทว่าเจ้าอี่โหลวรู้ดีว่าที่จริงแล้วสิ่งที่นางซ่อนไว้ในใจนั้นมากมายและหนักหนาเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้

หลังจากแช่น้ำแล้ว เจ้าอี่โหลวก็แบกนางกลับห้องนอน

ในเวลานี้ความเจ็บปวดบนร่างกายของซ่งชูอีไม่ทรมานมากแล้ว นางกึ่งพิงอยู่บนตั่งตัวเตี้ย ถือถ้วยชาในมือ หัวเราะหึหึอย่างมีความสุขพลางมองเจ้าอี่โหลวที่กำลังพลิกตู้หาเครื่องนอนชุดใหม่

“หัวเราะอะไร?” เจ้าอี่โหลวหยิบผ้าปูเตียงออกมา เมื่อเห็นว่านางดูเหมือนไม่เป็นไรแล้ว บนใบหน้าก็มีรอยยิ้ม

ภายใต้แสงไฟที่วูบไหวเล็กน้อย เจ้าอี่โหลวสวมชุดแขนกว้างสีดำ ผมดกดำปล่อยสยาย สายรัดเอวถูกผูกไว้หลวมๆ ทุกการเคลื่อนไหวเผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแรง ผมดกดำดุจผ้าแพรแผ่หลา ลายเส้นบนใบหน้าที่แข็งแกร่งดูอ่อนโยนด้วยรอยยิ้ม คิ้วตาหล่อเหลาจนไม่สามารถหาคำมาบรรยายได้

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อวานนี้เองที่ซ่งชูอียังรู้สึกว่าเจ้าอี่โหลวมีความไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ทว่ารอยยิ้มจางๆ ที่เขามีให้นางในตอนนี้เจือปนความมั่นคงและความอ่อนโยนของชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ทันใดนั้นเอง นางก็ลืมไปแล้วว่าท่าทางเอาแต่ใจของเขานั้นเป็นอย่างไร

เจ้าอี่โหลวเห็นว่าดวงตาของนางเป็นประกาย ก็พลันนึกถึงเนื้อแนบเนื้อเมื่อครู่ ใบหน้าเริ่มแดง

“นอนเถิด” เจ้าอี่โหลวเปลี่ยนเครื่องนอนเสร็จแล้ว รวบรวมความกล้าเดินเข้ามาอุ้มซ่งชูอีไปที่เตียง

ทั้งสองคนนอนอยู่ เมื่อสายตาทั้งคู่ประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจก็ต่างยิ้มกว้างเงียบๆ เหตุการณ์ที่ประสบมาเมื่อครู่ไม่ได้รู้สึกดีเท่าใดนัก ทว่ามันราวกับเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยกันตลอดไป ทุกความรู้สึกต่างแสดงออกมาโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว

กิจกรรมนั้นเหนื่อยล้าเล็กน้อย หลังจากสวมกอดกันครู่หนึ่งก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ราตรีเงียบสงัด ทุกอย่างปกติดี

จนกระทั่งหลังสองยาม เจ้าอี่โหลวตื่นขึ้นมาเนื่องจากความร้อน สะลึมสะลืออยู่ครู่หนึ่งจึงพบว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนตัวร้อนจนน่ากลัว ความง่วงนอนหายเป็นปลิดทิ้ง เรียกกระซิบ “หวยจิน!”