ร่างกายของซ่งชูอีมักไม่ค่อยแข็งแรง ทว่าเจ้าอี่โหลวไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมาถึงขั้นนี้ เขาสวมเสื้อผ้าด้วยความรีบร้อน เตรียมพาซ่งชูอีไปที่โรงหมอ ทว่าครั้นคิดดูแล้ว เขาไม่รู้ว่าหมอคนใดในนครเสียนหยางที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ดี หรือมีชื่อเสียงเทียบเท่าชูหลี่จี๋
เขากลัวว่าซ่งชูอีจะได้รับความกระแทกกระทั้นระหว่างทาง จึงปลุกให้หนิงยาดูแลนาง ส่วนตัวเองก็ควบม้าไปเคาะประตูจวนชูหลี่จี๋กลางดึก
ทันทีที่ชูหลี่จี๋ได้ยินว่าซ่งชูอีมีไข้สูงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบกล่องยาแล้วตามเจ้าอี่โหลวบึ่งกลับจวนกั๋วเว่ย
ตะเกียงสองสามดวงถูกจุดขึ้นภายในห้อง หนิงยาวางผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นบนหน้าผากของซ่งชูอีเพื่อลดไข้ให้นาง
ชูหลี่จี๋โน้มตัวเข้าใกล้เตียง จมูกอันแหลมคมได้กลิ่นเลือดจางๆ อดที่จะขมวดคิ้วแล้วมองไปยังเจ้าอี่โหลวไม่ได้ “หวยจินบาดเจ็บรึ?”
หากเทียบกับความปลอดภัยของซ่งชูอีแล้ว ความอับอายไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าอี่โหลวก็ตอบโดยไม่คิด “อืม”
นึ่งไปครู่หนึ่ง เจ้าอี่โหลวรับผ้าขนหนูที่หนิงยาส่งมาให้ เอ่ยว่า “เจ้าออกไปก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ” หนิงยาลุกขึ้นถอยออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูตาม
เจ้าอี่โหลวเผยเรื่องเมื่อครู่ไปตามจริง “เมื่อครู่ข้ากับนางร่วมรักกัน”
ชูหลี่จี๋รู้สึกว่าหัวใจบีบแน่น กลัวว่าเจ้าอี่โหลวบีบบังคับนาง “หากยินยอมกันทั้งสองฝ่าย ก็เป็นเรื่องดี”
“แน่นอนว่ายินยอมกันทั้งสองฝ่าย!” เจ้าอี่โหลวพูดต่อ “แต่ว่าไม่รู้เพราะอะไร หวยจินมีเลือดออกมาก หลังจากแช่น้ำก็ยังดีๆ อยู่เลย ทว่ากลับมีไข้กลางดึก”
หลังจากชูหลี่จี๋ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว คิดอย่างละเอียดแล้วก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม สำหรับยาที่เขาให้ซ่งชูอีกินนั้น บทบาทที่ใหญ่ที่สุดก็คือเพื่อยับยั้งการพัฒนาความเป็นหญิงของนาง หรืออีกนัยหนึ่งคือ ร่างกายในวัยยี่สิบของซ่งชูอีมีระดับการพัฒนาของเพศหญิงเทียบเท่ากับหญิงวัยรุ่น มันเป็นเรื่องปกติที่เด็กหญิงวัยสิบสามสิบสี่ปีจะร่วมรัก ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรเลยนี่นา!
“เพราะได้รับลมหนาวระหว่างแช่น้ำหรือเปล่า?” ชูหลี่จี๋นั่งลง กดนิ้วไปที่ชีพจรของนาง
สาเหตุของการจับไข้นั้นมีมาก มันยากมากที่จะกำหนดจากการจับชีพจรเพียงอย่างเดียว
“อากาศเช่นนี้ น้ำในห้องอาบน้ำก็มาจากบ่อน้ำร้อน เป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นหวัดกระมัง? เพราะอาการบาดเจ็บผิดปกติหรือเปล่า?” เจ้าอี่โหลวกล่าวด้วยความร้อนใจ
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ชูหลี่จี๋มองเจ้าอี่โหลวอย่างตำหนิ คิดในใจว่าเจ้าเองก็หยาบคายจนเกินไป! ไม่เคยได้ยินว่ามีคนร่วมรักจนกลายเป็นเช่นนี้!
ในเวลานี้เจ้าอี่โหลวเปี่ยมไปด้วยความกังวล จะมีอารมณ์แก้ตัวได้อย่างไร “จะมั่นใจได้อย่างไร…”
ปังปังปัง!
“ท่านจะเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
ที่หน้าประตู คล้ายหนิงยากำลังขัดขวางใครบางคน
“ศิษย์น้องเล็กป่วยใช่หรือไม่? ข้ารู้วิชาแพทย์ ให้ข้าเข้าไปดูหน่อย” เว่ยเต้าจื่อกล่าว
ชูหลี่จี๋มองเจ้าอี่โหลว “ศิษย์พี่ของหวยจิน?”
“อืม ศิษย์พี่ใหญ่ของนาง เว่ยเต้าจื่อ” เจ้าอี่โหลวเอ่ย
“ศิษย์ใหญ่ของจวงจื่อ?” ชูหลี่จี๋มีสีหน้าดีใจ ก้าวเท้ายาวๆ ออกมารับหน้าแล้ว “ได้ยินว่าทักษะทางการแพทย์ของเว่ยเต้าจื่อเทียบเท่ากุ่ยกู๋จื่อ จวงจื่อเลยทีเดียว ใช่ว่าข้าจะเปรียบได้นะ!”
ชูหลี่จี๋เชี่ยวชาญด้านการจ่ายยา ทักษะการวินิจฉัยโรคและการกำหนดยาที่เหมาะสมจะสู้เปี่ยนเชวี่ย กุ่ยกู๋จื่อ จวงจื่อและเว่ยเต้าจื่อได้อย่างไร!
ประตูเปิดออก
“ท่านคือ?” ทันทีที่เว่ยเต้าจื่อเข้าห้องมาก็พบกับคนแปลกหน้า สำรวจขึ้นลงหลายรอบ เอ่ยชมออกมา “ลักษณะดี บุคลิกดี”
“เว่ยเต้าจื่อชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยอิ๋งจี๋” ชูหลี่จี๋ประสานมือคำนับ ไม่อยากพูดให้มากความ “ท่านเชิญ”
เว่ยเต้าจื่อเดินเข้าไปข้างในพลางกล่าวว่า “ที่แท้ก็ชูหลี่จี๋นี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันหน้าเดินหมากกันสักตาปะไร?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ชูหลี่จี๋กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เว่ยเต้าจื่อเก่งกาจด้านการจัดวางกลยุทธ์ ชูหลี่จี๋ได้ยินว่าเขาหมกมุ่นในการเดินหมากเป็นอย่างมาก พบหน้าเพียงครั้งแรกก็เชิญเดินหมากจึงไม่แปลกใจ
เว่ยเต้าจื่อเดินเข้ามาที่ห้องด้านใน มองเห็นเจ้าอี่โหลวก็พยักหน้าให้เขาพอเป็นมารยาท หมุนตัวเดินไปที่เตียง ถกเสื้อคลุมนั่งลงที่ขอบเตียง พลางจับชีพจร พลางสำรวจสีหน้าของซ่งชูอีโดยละเอียด
“จิ๊…พวกเจ้าก็เล่นกันแรงเกินไปแล้ว!” เว่ยเต้าจื่อจิ๊ปาก
เขายุ่งอยู่เกือบทั้งคืน เพิ่งจะหลับได้ไม่นานก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยการมาของชูหลี่จี๋
เขาก็เดาได้ว่าเสื้อผ้าที่ถูกขโมยไปก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของซ่งชูอี เมื่อกลับไปก็มีความคิดที่จะเอาคืน ตกดึกเขาจึงแอบคลำทางมาในขณะที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าซ่งชูอีจะมัดประตูจากด้านใน ทำให้เขาพยายามอยู่นานก็เปิดไม่ออก ทว่าเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอยู่เสมอจึงเจาะรูบนหน้าต่าง อย่างไรก็ตามห้องด้านในถูกปิดกั้นด้วยม่าน ดังนั้นจึงได้ยินเพียงเสียง จากประสบการณ์ของเขา อาศัยเพียงเสียงลมหายใจก็สามารถรู้ได้ว่าใครมีความปรารถนา ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวของซ่งชูอีและเจ้าอี่โหลวก็ไม่น้อยเลย
ครั้งนี้เห็นซ่งชูอีมีไข้ ในใจก็พอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกแปลกใจ เรื่องดีๆ เช่นนี้แต่กลับไม่ทำให้มันดีๆ เหตุใดจึงตัดแขนเสื้อ[1]เลียนแบบคนอื่นไปได้! หรือว่ามันสนุกกว่า?
เว่ยเต้าจื่อตัดสินใจว่าสักวันจะลองหลอกเด็กหญิงดูเสียหน่อย
“แค่ก” เว่ยเต้าจื่อโน้มตัวหาเจ้าอี่โหลว กระซิบเสียงเบา “เจ้าอุ้มนางไปที่ห้องอาบน้ำ ใช้น้ำไหลผ่าน ล้างภายในให้สะอาด ทายาจินชวง จากนั้นต้มยาลดไข้ให้ดื่มก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ชูหลี่จี๋ได้ยินเพียงแว่วๆ เท่านั้น แต่คิดว่าเมื่อเว่ยเต้าจื่อกระซิบก็แสดงว่าจะต้องเป็นเรื่องส่วนตัว จึงไม่ได้ถามอะไรอีก
เจ้าอี่โหลวไม่กล้ารอช้า ทำตามที่บอก อุ้มซ่งชูอีไปยังห้องอาบน้ำ ตักน้ำมาถังหนึ่งจากแหล่งบ่อน้ำร้อน หลังจากช่วยซ่งชูอีชำระจนสะอาดแล้ว ก็ทายาจินชวง
ครั้นหนิงยาต้มยาลดไข้ให้ซ่งชูอีดื่ม ท้องฟ้าก็มีสีขาวเหมือนท้องปลาแล้ว
เว่ยเต้าจื่อเห็นซ่งชูอีอาการไม่หนักแล้วก็หาวทีหนึ่ง เอ่ยเย้า “เจ้าดูสิ การที่พวกเจ้าทำเรื่องนี้ ฟ้าดินสะเทือนกันเลยทีเดียว!”
เดิมทีเจ้าอี่โหลวก็รู้สึกผิดต่อซ่งชูอีอยู่แล้ว ครั้นได้ยินดังนี้ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้ ทว่ากลับไม่ได้ตอบโต้อะไร
ชูหลี่จี๋เปลี่ยนหัวข้อ ช่วยเขาออกมาจากการอึดอัด “ในเมื่อบัดนี้หวยจินไม่เป็นไรแล้ว ข้าก็จะกลับจวนไปเตรียมประชุมราชสำนัก วันนี้ข้าจะทูลลาแทนนาง พักผ่อนอยู่ที่บ้านเถิด”
“ขอบคุณท่านมหาเสนาบดี” เจ้าอี่โหลวประสานมือเอ่ย
ชูหลี่จี๋หัวเราะเอ่ย “ข้ากับนางเป็นเหมือนพี่ชายน้องสาว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ต้องเลี้ยงสุราท่านเว่ยเต้าจื่อถึงจะถูก!”
“ชูหลีจื่ออย่าลืมเรื่องเดินหมากเสียล่ะ!” เว่ยเต้าจื่อเตือนสติ
“เว่ยเต้าจื่อเชื้อเชิญนับว่าเป็นวาสนายิ่ง จะลืมได้อย่างไร?” ชูหลี่จี๋ยิ้มพลางคำนับทั้งสองคน “ขอตัวก่อนแล้ว”
เจ้าอี่โหลวส่งชูหลี่จี๋มาถึงหน้าประตูใหญ่ มองเขาขี่ม้าจากไป ก็รีบกลับเข้าไปในห้องนอน
เว่ยเต้าจื่อเห็นว่าเขากลับมาก็โน้มตัวเข้าไปถามด้วยความกะตือรือร้น “รู้สึกเยี่ยงไรบ้าง?”
เจ้าอี่โหลวหยุดเดิน แววตาเย็นชา “เจ้าไปเล่นผู้หญิงของเจ้า อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนเจ้า! ข้าคำนับเจ้าเพราะว่าเป็นศิษย์พี่ของหวยจิน ได้โปรดเคารพตัวเองด้วย!”
“หืม เห็นพวกเจ้าร่วมรักกันอย่างมีชีวิตชีวา คิดไม่ถึงว่าจะศรัทธาต่อการยึดครองพรหมจรรย์เหมือนกัน…” เว่ยเต้าจื่อบิดขี้เกียจ ทว่าการถากถางก็เรื่องหนึ่ง ถึงอย่างไรซ่งชูอีก็เป็นศิษย์น้องของเขา ก็ต้องเตือนสติเจ้าอี่โหลวด้วยความจริงจังเสียหน่อย “ในเมื่อเจ้าหวงแหนนาง ก็อย่าเล่นอะไรเทือกนี้ ร่างกายของนางไม่สามารถทนให้เจ้าร่วมรักหลายครั้งได้หรอก”
เจ้าอี่โหลวขมวดคิ้ว “เรื่องระหว่างหญิงชายเป็นหลักการแห่งฟ้าดิน จะพูดว่าเป็นการเล่นได้อย่างไร!”
เว่ยเต้าจื่อมองสำรวจเขาด้วยความประหลาดใจ ครั้นเห็นสีหน้าขึงขังของเขาที่ไม่มีเจตนาล้อเล่น ในชั่วขณะหนึ่งก็พอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น อดที่จะหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “พวกเจ้าสองคน ช่างเป็นคู่รักไร้เดียงสาที่หาได้ยากยิ่งโดยแท้ ฮาฮา เจ้า…เจ้าดูแลนางไปก่อน ไว้ศิษย์พี่ใหญ่จะมาคุยถึงหลักเหตุผลกับพวกเจ้าในภายหลัง”
หากเขาทายไม่ผิดล่ะก็ สองคนนี้ล้มเหลวแม้แต่กับสัญชาตญาณของมนุษย์! เขาก็นับว่าเห็นโลกมามากแล้ว ได้ยินว่าชายหญิงบางคู่อยู่มาด้วยกันปีสองปีก็ยังไม่เคยแตะเนื้อต้องตัว ผู้หญิงบางคนไม่มีเลือดออกในการเสพสมครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีคนที่ “บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย” โดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่ากลับเพิ่งเคยได้ยินเรื่องมหัศจรรย์เช่นนี้เป็นครั้งแรก เว่ยเต้าจื่อหัวเราะจนหายใจไม่ทัน ซ่งหวยจินยังคงมีชื่อเสียงในระดับรัฐอยู่บ้าง พวก…พวกเต่าตุ่นก็มักจะเล่นกับพวกงี่เง่าเสมอ ไม่ใช่ประเภทเดียวกันก็ไม่สามารถคู่กันได้จริงๆ
[1] ตัดแขนเสื้อ พฤติกรรมรักร่วมเพศ