ตอนที่ 555 เฟิ่งจิ่วเยือนซานเจียง
ผู้เฒ่าเฟิ่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา เรื่องพวกนั้นที่หลินป๋อเหิงบอกเขาล้วนเข้าใจ แต่ทำได้ยากเสียหน่อยเท่านั้นเอง ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นคนละเรื่องกันเลย
“ผู้ฝึกเซียนหากสนใจสายตาคนมากไป จะเดินเส้นทางนี้ได้ไม่ไกล ซานหยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมคนทั้งจวนข้าถึงเห็นด้วยกับงานแต่งของเจ้ากับซู่ซี เพราะพวกเขาต่างเข้าใจข้อนี้ ขอเพียงบรรลุขั้นวรยุทธ์ สองคนรักใคร่กันดี รูปลักษณ์อายุก็ไม่ใช่อุปสรรคที่คนรักกันสองคนจะอยู่ด้วยกัน คนที่มองอยู่ข้างๆ อย่างพวกเราเห็นชัดเจนและเข้าใจ คนในเหตุการณ์เช่นเจ้ากลับหลงทางอยู่ในนั้นมาตลอด ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
เขาส่ายหน้าทอดถอนใจ เห็นซานหยวนอยากเอ่ยปากกลับไม่เอ่ยอะไร จึงพูดต่อไปว่า “หากในตระกูลข้ามีคนไม่สนับสนุนก็อีกเรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งตระกูลหลินข้าต่างสนับสนุน เจ้าพะว้าพะวังอะไรอีก? เจ้าใช้ชีวิตมาหลายสิบปีทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่เข้าใจ?”
“พี่ใหญ่…”
ผู้เฒ่าเฟิ่งสะอึก ในใจมีความรู้สึกที่พูดไม่ถูก รู้ว่าหลินป๋อเหิงดีต่อเขา กำลังสอนสั่งเขา และรู้ว่าตนครุ่นคิดถึงอุปสรรคในใจที่ก้าวผ่านไม่ได้มาตลอด
หลินป๋อเหิงลุกขึ้นยืน เดินมาข้างกายและตบๆ ไหล่เขา บอกว่า “เรื่องนี้ก็สรุปเช่นนี้แล้วกัน ประเดี๋ยวพี่ใหญ่จะสั่งคนไปดูฤกษ์ และช่วยพวกเจ้าสองคนจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
“พี่ใหญ่ ไม่ได้นะ” เขาพูดพลางส่ายหน้า
“อะไรนะ! ไม่ได้?” หลินป๋อเหิงได้ยินก็พลันโมโห ขมวดคิ้วมองเขาอย่างขุ่นเคือง
แม้แต่ซู่ซีที่แอบฟังอยู่ด้านนอกด้วยกันกับหลินเฉิงจื้อได้ยินก็ยังโกรธเคือง นึกว่าเขาจะปฏิเสธอีก ยามกำลังจะเข้าไปกลับถูกเฉิงจื้อกดไหล่ไว้ให้สัญญาณนางว่าคอยอีกประเดี๋ยวและฟังต่อไป
ผู้เฒ่าเฟิ่งในห้องรีบร้อนโบกมือพลางบอก “ไม่ใช่ๆ พี่ใหญ่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากแต่งงานกับซู่ซี แต่ซู่ซีรอข้ามาหลายปีเพียงนี้ ข้าคิดว่าจะกลับไปราชวงศ์เฟิ่งหวงให้เฟิ่งเซียวเตรียมตัวเสียหน่อย ข้าจะแต่งซู่ซีกลับบ้านอย่างสมเกียรติ และจัดงานแต่งใหญ่โตให้นาง มิเช่นนั้นคงผิดต่อการรอคอยหลายปีนี้ของนางเกินไป”
อาจเพราะได้คำพูดหลินป๋อเหิงสอนสั่ง ผู้เฒ่าเฟิ่งจึงไม่ติดใจถือสาความต่างของรูปลักษณ์ทั้งสองคนอีกแล้ว ยามนี้ในใจเขาตัดสินใจว่าจะต้องขยันฝึกบำเพ็ญ บรรลุระดับนักรบทรงเกียรติโดยเร็วที่สุด รอกลับถึงราชวงศ์เฟิ่งหวงเขาจะต้องให้แม่หนูเฟิ่งเร่งปรุงยาที่ช่วยให้บรรลุขั้นได้
ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าหลินป๋อเหิงถึงจะเผยรอยยิ้มออกมา ตบๆ บ่าเขาอย่างแรง “ดีๆๆ! เจ้ามีความคิดเช่นนี้พี่ใหญ่ดีใจมาก ฮ่าๆๆๆๆ!”
ทางด้านนอก ซู่ซีที่แอบฟังได้ยินคำพูดด้านในแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มสุขใจออกมาโดยพลัน ในที่สุดเขาก็ตกลงแล้ว
หลินเฉิงจื้อลากท่านน้าออกมาข้างนอก เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยอกล้อว่า “ท่านน้า ความคิดข้าดีกว่าใช่หรือไม่? พอลงมือไปเช่นนี้ท่านอาเฟิ่งก็กลายเป็นอาเขยแล้ว ถึงเวลานั้นท่านน้าอย่าได้ลืมหลานชายพ่อสื่อเช่นข้าเชียว”
“วางใจเถอะ ข้าไม่ลืมเจ้าหรอก” นางหัวเราะเบาๆ หลังจากคุยกับเขาไม่กี่ประโยคก็ออกไปก่อน
เวลานี้ นอกเมืองซานเจียง เรือเหาะลำหรูหราร่อนลงจอด หลังจากเก็บเรือเหาะ พวกเฟิ่งจิ่วก็จูงเหล่าไป๋เดินมาทางเมือง เมื่อเห็นเมืองซานเจียงใกล้ๆ ตรงหน้า เธอยิ้มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “พวกท่านว่าหากท่านปู่เห็นข้าจะประหลาดใจมากหรือไม่?”
คนอื่นๆ เพียงยิ้มไม่ปริปาก มีแต่ฮุยหลางที่หัวเราะเบาๆ “แหะ คุณชายจิ่ว ข้ากลับคิดว่าผู้เฒ่าเฟิ่งเห็นท่านจะต้องตกใจแน่นอน”
………………………………………………….
ตอนที่ 556 ข้าชื่อเซวียนหยวนโม่เจ๋อ!
เฟิ่งจิ่วสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนี้ ถามว่า “ตกใจ? ทำไม?” ไม่เจอกันนานเพียงนี้ เห็นเธอโผล่มาที่นี่แน่นอนว่าควรจะประหลาดใจสิ!
“แหะๆ รอท่านพบเขาก็รู้แล้วว่าจะประหลาดใจหรือตกใจ” ฮุยหลางหัวเราะ ตาเฒ่าคนหนึ่งถูกหญิงงามที่ดูคล้ายจะยังอายุยี่สิบรวบตัวมาไว้ที่นี่ หลานสาวมาหา เขาต้องตกใจแน่นอน
ได้ยินเช่นนี้เธอเลิกคิ้วขึ้น จะตกใจเธอจริงหรือ? คงไม่กระมัง?
“พวกเราจะหาที่พัก หรือไปบ้านตระกูลหลินก่อน?” หลิงโม่หานข้างๆ ถามพลางมองหญิงข้างกาย ตอนอยู่บนเรือเหาะเขาเอาเคราออกไปหมดแล้ว จึงเผยให้เห็นรูปโฉมดั้งเดิม
เธอขบคิดแล้วบอกว่า “พวกท่านหาที่พักเสียก่อนเถอะ ส่วนท่านปู่ทางนั้นข้าจะแอบๆ ไปดูก่อน”
“เจ้าจะไปเอง?” เขาเลิกคิ้ว “ตระกูลหลินไม่ได้เข้าไปง่ายๆ”
“เช่นนั้นพวกเราจะเข้าไปหาทันทีหรือ ทำให้ท่านปู่รับมือไม่ทัน?” แววตาเฟิ่งจิ่วอมยิ้มเจ้าเล่ห์ จู่ๆ ก็คิดว่าควรทำให้ท่านปู่ประหลาดใจอย่างตั้งตัวไม่ทัน อืม อาจจะจริงอย่างที่ฮุยหลางบอก ต้องตกใจแน่
“พวกเรามีคนเยอะ หาโรงเตี๊ยมกันก่อนดีกว่า! หากเจ้าอยากไปดูก่อน ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไป” หลิงโม่หานพูดจบก็พานางเดินตรงไปข้างหน้า คิดว่าต้องหาที่ปักหลักก่อน
“ก็ได้” เธอขานรับ แล้วจึงเรียก “ฮุยหลาง เจ้าสอบถามที่อยู่ตระกูลหลินให้ทีสิ”
“ขอรับ” ฮุยหลางยิ้มรับ
พวกเขาไปหาโรงเตี๊ยมกันก่อน เหมาไว้ทั้งชั้นสอง ส่วนฮุยหลางไปสอบถามที่อยู่จวนตระกูลหลินมา
เวลาแค่ครึ่งก้านธูป ฮุยหลางก็กลับมา บอกเฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่กับนายท่านตรงหน้าต่างชั้นสองว่า “คุณชายจิ่ว จวนตระกูลหลินห่างจากที่นี่เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป เลี้ยวผ่านถนนไม่กี่เส้นก็ถึง จวนตระกูลหลินเป็นตระกูลเก่าแก่ของที่นี่ แค่สอบถามก็รู้ที่ตั้งแล้ว”
“อ้อ เช่นนั้นก็ไม่ไกล” เธอพยักหน้า ให้สัญญาณเขาไปพักผ่อนอีกโต๊ะหนึ่ง
หลิงโม่หานช่วยเฟิ่งจิ่วคีบพวกอาหาร พูดว่า “กินอะไรเสียหน่อย เดี๋ยวข้าจะออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า”
“ได้” เธอยิ้มพลางพยักหน้า มองเขาที่นั่งอยู่ตรงข้ามพลางถามยิ้มๆ “ท่านถอดเคราออกแล้ว ข้าต้องเรียกท่านว่าเจ้าตำหนักยมราชหรือท่านอากันแน่?”
ได้ยินแล้วดวงตาลึกล้ำหยุดชะงักบนใบหน้านางที่มีรอยยิ้มสักพัก เขาวางตะเกียบในมือลงขณะมองนาง นิ้วมือขยับร่ายเขตอาคมกันเสียงโอบล้อมทั้งสองไว้ ในเวลานี้เอง เสียงที่ทั้งทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูดเปล่งออกมาจากปากเขาอย่างไม่เร่งไม่ช้า
“ข้าแซ่เซวียนหยวนสองคำ นามว่าโม่เจ๋อ จำไว้อย่าได้ลืม”
“เซวียนหยวนโม่เจ๋อ?”
เธอตกตะลึงอย่างมาก เซวียนหยวนเป็นสกุลของราชวงศ์! และเป็นสกุลเชื้อพระวงศ์ที่สูงส่งที่สุด เขามาจากตระกูลเชื้อพระวงศ์จริงๆ หรือนี่? มิน่า มิน่าล่ะถึงมีคนตามฆ่าเขา หนำซ้ำกำลังของนักฆ่าที่ส่งมายังแข็งแกร่งเช่นนั้น สกุลเซวียนหยวนไม่ใช่แม้แต่แคว้นใหญ่ระดับหนึ่ง แต่พวกเขาอยู่ในแปดจักรวรรดิใหญ่สูงสุด!
แปดจักรวรรดิใหญ่เหนือกว่าแคว้นใหญ่ระดับหนึ่ง ลือกันว่าแปดจักรวรรดิใหญ่เป็นจักรวรรดิที่ลอยเหนือท้องฟ้าและแยกจากคนธรรมดาโดยสิ้นเชิง จึงถูกเรียกว่าเมืองกลางเวหาอันลึกลับ
ที่นั่นมีระบบการขับไล่คนที่โหดเหี้ยมที่สุด ภายในจักรวรรดิทั้งหมด ไม่ว่าพ่อค้าหาบเร่หรือประชาชนล้วนเป็นผู้มีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา ตามคำอธิบาย ที่นั่นเป็นจักรวรรดิในฝันของผู้ฝึกวิชาเซียน ขอเพียงก้าวเข้าไปและปักหลักอยู่ที่นั่น แม้เป็นผู้ฝึกตนเล็กๆ ในจักรวรรดิ ก็ทำให้เหล่าตระกูลในแคว้นต่ำกว่าระดับแปดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงแล้ว…
………………………………………………….