บทที่ 565 เลือกสันติภาพ
ยอมแพ้หรือ หลิงฮ่องเต้มีน้ำโหขึ้นมาในทันที เขาจ้องหนานกงเยว่อย่างโกรธเกรี้ยว “ไม่มีทาง”
“เช่นนั้นท่านก็รอให้เมืองเซียวกับเมืองเฟิงร่วมมือกันแบ่งเมืองหลิงเหมือนแบ่งขนมได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงเยว่กล่าวอย่างสบายๆพลางมองหลิงฮ่องเต้ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเขา
“เจ้า…”
“ท่านพ่อ มีคำกล่าวว่าคนที่ฉลาดย่อมต้องยอมรับสถานการณ์ได้ และยังมีคำกล่าวอีกว่าตราบใดที่ยังมีเนินหญ้าอันเขียวชอุ่ม ฟืนไฟก็หาได้ขาดแคลนไม่ ท่านพ่อ หากไม่มีเมืองหลิง ท่านก็จะไม่เหลืออะไร กระทั่งชีวิตก็อาจจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ทว่าตราบใดที่เมืองหลิงยังคงอยู่ ท่านก็ยังหาทางแก้แค้นได้ เช่นนี้จะไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ” สิ่งที่เมืองเซียวกับเมืองเฟิงเรียกร้องนั้นไม่ใช่ปัญหาของเขา
หลิงฮ่องเต้อดคิดตามไม่ได้ ความคิดนี้จะใช้การได้จริงหรือ
แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่หนานกงเยว่พูดนั้นถูกต้อง เขาสามารถทำตัวเป็นฮ่องเต้ผู้หยิ่งยโสได้เพียงเพราะมีเมืองหลิงอยู่ หากไม่มีเมืองหลิง เขาก็เป็นได้แค่นักโทษเท่านั้น
หลิงฮ่องเต้มีท่าทีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาจึงหันมองหนานกงเยว่ ก่อนกัดฟันเอ่ยขึ้นว่า “ไปเจรจากับเฉียวเทียนช่างและเฟิงซั่ว ถามว่าพวกเขาต้องการอะไรแลกกับการที่จะทำให้พวกเขาถอยทัพกลับไปได้”
ภายในดวงตาของหนานกงเยว่มีประกายบางอย่างแวบผ่าน จากนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ”
หลิงฮ่องเต้มอบคำสั่งอื่นให้กับหนานกงเยว่ก่อนที่เขาจะออกไป อีกทั้งยังบอกให้เขาออกเดินทางทันทีโดยอย่าได้ชักช้า
หลังหนานกงเยว่ออกจากวังหลวง เขาปลอมตัวแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังจวนผู้สำเร็จราชการ เขามองหนิงเมิ่งเหยา “เขางับเหยื่อแล้วขอรับ เขาบอกให้ข้าไปหาเฉียวเทียนช่างกับเฟิงซั่ว”
“เช่นนั้นก็ไปเสีย” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างไม่สนใจเท่าใดนัก
หนานกงเยว่ยังอยากพูดอะไรต่อ แต่เมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยามองเหมือนไม่สนใจ เขาจึงกลืนคำพูดของตนกลับลงคอ
การจากไปของหนานกงเยว่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของหนิงเมิ่งเหยาไปเลยแม้แต่น้อย เพราะในเวลานี้นางกำลังทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่เจ้าลิงน้อยของตนอยู่ ตอนนี้เจ้าลิงน้อยอายุได้ห้าเดือนแล้ว บางครั้งบางคราวเขาก็จะเผลอออกเสียงเรียกใครสักคนขึ้นมา แต่คนที่เขาเรียกกลับเป็นพ่อ ทำเอาหนิงเมิ่งเหยารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าเฉียวเทียนช่างจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังจากได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
เมื่อถึงเวลานั้นเขาคงจะกระโดดด้วยความตกใจ อืม ต้องเป็นเช่นนี้แน่
“เจ้าลิงน้อย พอพ่อกลับมาแล้วเรามาแกล้งให้เขากระโดดโหยงด้วยความตกใจกันเถอะ ตกลงไหม” นางหอมเด็กชายขณะเอ่ยเช่นนั้น
“พ่อ… พ่อ…”
เฉียวโม่ซางใช้ดวงตากลมโตสีดำมองหนิงเมิ่งเหยา ทำเอาหนิงเมิ่งเหยารู้สึกผิดหวัง
นางยกมือขึ้นบีบแก้มของเฉียวโม่ซาง หนิงเมิ่งเหยามีท่าทางหดหู่ “ดูเจ้าสิ แม่เล่นกับเจ้าทุกวัน แต่เหตุใดเจ้าจึงไม่เรียกแม่เลย เจ้าเอาแต่เรียกหาพ่อ”
“พ่อ…”
หนิงเมิ่งเหยามองบุตรชายอย่างพูดไม่ออก นางบีบแก้มเขาอย่างอดไม่อยู่ หลังจากเห็นสายตาเจ็บปวดของเขา นางจึงหอมแก้มเขา
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการแค่พ่อ คงไม่ต้องการแม่แล้ว”
ชิงซวงและคนที่เหลือได้ยินคำพูดน้อยใจแบบเด็กๆ ของหนิงเมิ่งเหยาแล้วก็หัวเราะขึ้นอย่างกลั้นไม่ไหว คุณหนูของพวกนางช่างน่าสนใจจริงๆ
หลังหนานกงเยว่ออกจากจวนผู้สำเร็จราชการ เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังชายแดน
เขาใช้เวลาสองสามวันก่อนจะมาถึงชายแดนในสภาพคลุกฝุ่นไปทั้งตัว
เขาไม่มีเวลาได้พัก หนานกงเยว่ตั้งใจไว้ว่าจะไปพบเฉียวเทียนช่างทันที
“นายท่าน หนานกงเยว่มาที่นี่ขอรับ”
“เขามาที่นี่ทำไม” หลินจือโยวเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เฉียวเทียนช่างยกมือขึ้นลูบคางตัวเอง พลันความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามา เขายิ้มแล้วตอบว่า “ดูท่าเหลยอันคงได้กลับบ้านในเร็วๆ นี้แล้วกระมัง”
เหลยอันมองเฉียวเทียนช่างอย่างตื่นเต้น “จริงหรือขอรับนายท่าน”
“จริงสิ การมาของหนานกงเยว่น่าจะมาจากความตั้งใจของหลิงฮ่องเต้ จุดประสงค์ของเขาคือการขอยอมแพ้” มีหลายต่อหลายเมืองนักที่พร้อมบุกโจมตีเมืองหลิงในเวลาเดียวกัน เมืองหลิงต้องเผชิญหน้ากับความกดดันอันมหาศาล ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เมืองหลิงในตอนนี้มีทั้งปัญหาความขัดแย้งภายในและการรุกรานจากภายนอกเลย สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงต้องจัดการเรื่องการรุกรานจากภายนอกให้จบเสียก่อนแล้วจึงจะสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในของตนได้
เมื่อได้ยินดังนั้น เหลยอันจึงยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาจากบ้านมาก็หลายเดือนแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าหยางเล่อเล่อนั้นเป็นเช่นใดบ้าง และลูกในท้องเชื่อฟังดีหรือไม่
“หยุดหัวเราะเสียที ดูสิว่าเจ้าหน้าตาโง่เง่าเพียงใด” หลินจือโยวมองเหลยอันอย่างสะอิดสะเอียน คนมีลูกมีภรรยาแล้วมักทำตัวโง่เง่าขนาดนี้กันทุกคนเลยหรือ
หลินจือโยวเผลอมองเฉียวเทียนช่าง นายท่านของเขาก็มีทั้งภรรยาและมีทั้งลูก แต่เหตุใดเขาจึงไม่ดูโง่เลยแม้แต่น้อย
จริงสิ มันคงจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคนกระมัง
ตอนที่หลินจือโยวมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัว หากเขาได้เห็นว่าเฉียวเทียนช่างทำตัวโง่เง่าเพียงใดตอนที่ลูกชายเรียกตน เขาคงนึกอยากควักลูกตาตัวเองออกมาเป็นแน่
บทที่ 566 ค่าชดเชยราคาแพง
“หลินจือโยว เจ้าหาเรื่องหรือ” เหลยอันคำราม เขาคิดถึงลูกกับภรรยาของตนแล้วมันผิดตรงไหนหรือ
แม้จะมีจดหมายหลายฉบับ แต่เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่านางสบายดีจริงหรือไม่ เขารู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
หลินจือโยวมองเหลยอันด้วยท่าทางรังเกียจ”คนอย่างเจ้าคิดจะสู้กับข้าหรือ”
เฉียวเทียนช่างไม่สนใจเมื่อเห็นทั้งสองกำลังทะเลาะกัน เขาเพียงยกมือขึ้นนวดขมับ เขาเองก็คิดถึงเหยาเหยากับซางเอ๋อร์เช่นกัน เขาจากทั้งสองมาได้เดือนถึงสองเดือนแล้ว ลูกน่าจะโตขึ้นมากแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาพูดได้หรือยัง
เมื่อนึกถึงลูกชายกับแม่ของลูก ใบหน้าอันเย็นชาและแข็งกระด้างของเฉียวเทียนช่างพลันปรากฏรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา แต่รอยยิ้มนั้นอยู่ได้เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
“พวกเจ้าสองคนพอได้แล้ว ไปเรียกตัวหนานกงเยว่เข้ามา” เฉียวเทียนช่างมองคนทั้งสองที่กำลังจะทะเลาะกันต่อพลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเอือมระอา
เหลยอันเตะหลินจือโยวแล้วรีบวิ่งออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้หลินจือโยวโต้ตอบได้ ท่าทางของเหลยอันนั้นดูราวกับเขากำลังวิ่งหนีอะไรอยู่
หลังมีคนเดินนำเข้ามา หนานกงเยว่จึงรีบเข้าไปด้านใน
“ข้าสงสัยนักว่าองค์ชายหนานกงมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด” เฉียวเทียนช่างแกล้งถาม
หนังตาของหนานกงเยว่กระตุก คนผู้นี้รู้ดียิ่งนักว่าควรจะแสดงละครอย่างไร
“ท่านพ่อส่งข้ามาถามท่านแม่ทัพเฉียวว่าพวกข้าต้องทำเช่นไร พวกท่านจึงจะยอมถอนกำลังทั้งหมดออกไป” บนใบหน้าของหนานกงเยว่นั้นไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ท่าทางของเขาราวกับกำลังท่อง
“ข้าเพียงผู้เดียวมิอาจตัดสินใจได้ รอสักพักหนึ่งเถิด ข้าจะให้คนไปเรียกองค์ชายแห่งเมืองเฟิงและคนอื่นๆ มา แล้วท่านค่อยสอบถามพวกเขาดู” เฉียวเทียนช่างเอ่ยช้าๆ
หนานกงเยว่รู้สึกพูดไม่ออกอยู่ในใจ หากเรียกคนเหล่านั้นมา เห็นทีครั้งนี้เมืองหลิงคงจะต้องสูญเสียเลือดเนื้อไปมิใช่น้อย ไม่รู้ว่าท่านพ่อของเขาจะรับได้หรือไม่
หนานกงเยว่พักอยู่ในเมืองเซียวต่อ สองวันถัดมา คนที่รับผิดชอบเมืองเฟิงและเมืองอื่นๆ จึงมาถึง
เมื่อพวกเขาพบว่าเมืองหลิงเรียกร้องให้พวกเขาถอนกำลัง หลายเมืองที่ยื้อศึกไว้แทบไม่ไหวก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมืองของพวกเขาไม่ได้ใหญ่ถึงเพียงนั้น พวกเขาเข้าร่วมสงครามเพราะต้องการส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สงครามที่ยืดเยื้อยาวนานหลายเดือนนั้นแทบจะทำให้ท้องพระคลังของพวกเขาต้องว่างเปล่า และพวกเขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นแน่ บัดนี้ เมื่อเมืองหลิงเรียกร้องขอให้ถอนกำลัง สำหรับพวกเขานั้นไม่มีผลลัพธ์ใดจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่พวกเขากลับไม่มีโอกาสได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังเฉียวเทียนช่างกับเฟิงซั่ว
เฉียวเทียนช่างยิ้มพลางมองหนานกงเยว่ “เมืองเซียวไม่ต้องการอะไรมากนอกจากเหมืองทองคำหนึ่งแห่งและเหมืองทองแดงอีกสองแห่ง”
เมืองหลิงมีเหมืองแร่มากมาย มีกระทั่งเหมืองทองถึงสองสามแห่งด้วยกัน และยังไม่ต้องพูดถึงแร่อื่นๆ อีกนานาชนิด โชคร้ายที่เมืองเซียวไม่ได้มีมากถึงเพียงนั้น
เหมืองแร่ของเมืองเซียวนั้นมีขนาดเล็กนัก แม้จะเอาทั้งหมดมารวมกันก็ยังมิอาจเทียบกับเหมืองแร่เพียงแห่งเดียวของเมืองหลิงได้
เฟิงซั่วมองเฉียวเทียนช่าง คนผู้นี้รู้ว่าจะเรียกค่าตอบแทนอันสูงลิ่วได้อย่างไร ทว่าเฟิงซั่วก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน เขามองหนานกงเยว่ก่อนพูดออกมาตรงๆ ว่า “เมืองเฟิงต้องการเช่นเดียวกันกับเมืองเซียว”
อีกสองเมืองเล็กที่เหลือนั้น แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจเรียกร้องค่าตอบแทนราคาแพงเช่นเดียวกับพวกเฉียวเทียนช่างได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่บอกว่าต้องการเงินทองหรืออะไรเทือกนั้นแทน
ริมฝีปากของหนานกงเยว่กระตุก เหมืองทองสองแห่งกับเหมืองทองแดงอีกสี่แห่งนั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามจากจำนวนเหมืองทั้งหมดของเมืองหลิง อีกทั้งเวลานี้พวกเขายังจำต้องชดเชยเงินให้กับเมืองเล็กๆ เหล่านั้นอีกด้วย ครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าเมืองหลิงจำต้องยอมทิ้งบางสิ่งไปหลังจากปราชัย ความเสียหายที่พวกเขาได้รับนั้นช่างมากมายมหาศาลนัก
เมื่อหนานกงเยว่ส่งสาส์นกลับไปยังเมืองหลิง หลิงฮ่องเต้กระอักเลือดออกมาอีกครั้งด้วยความโกรธ เจ้าพวกเมืองเล็กๆ ที่ปกติจะหนีหางจุกตูดพวกนั้นกลับกล้าท้าทายพวกเขาในเวลานี้หรือ ไม่เพียงเท่านั้น เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ยังเรียกร้องเสียเกินควร พวกเขาก็มีเยอะถึงเพียงนั้นอยู่แล้ว เหตุใดจึงยังละโมบอยู่อีก
ไม่ว่าอย่างไรหลิงฮ่องเต้ก็ไม่คิดที่จะยอมรับข้อเสนอ แต่หากเขาไม่ยอม เมืองเซียวกับเมืองเฟิงจะต้องเดินทัพมาแน่ เมื่อถึงเวลานั้น ความสูญเสียที่เขาจะได้รับนั้นคงมากมายยิ่งกว่านี้แน่
สุดท้ายหลิงฮ่องเต้จึงกัดฟันและทำได้เพียงยอมรับข้อเสนอของพวกเฉียวเทียนช่างอย่างอับจนหนทาง เขาพาคนไปด้วยหลายคนในวันที่ต้องลงชื่อตามข้อตกลงที่พวกเฉียวเทียนช่างเตรียมเอาไว้ ภายในสัญญาเขียนเอาไว้ว่าทั้งสามเมืองจะอยู่ภายในสนธิสัญญาเดียวกันเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี หากฝ่ายใดฝ่าฝืนจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับฝ่ายที่เหลือ
เงื่อนไขเช่นนั้นทำเอาหลิงฮ่องเต้โกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา เขาจ่ายค่าชดเชยราคาสูงเฉียดฟ้าเพื่อสิ่งนี้หรือ