บทที่ 283 ฆ่าด้วยอิทธิพล

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 283 ฆ่าด้วยอิทธิพล
บทที่ 283 ฆ่าด้วยอิทธิพล

“พวกคุณทั้งสองฝ่าย พวกคุณต่างก็เป็นผู้ปกครองกันทั้งคู่ ผมขอร้องอย่าทะเลาะกันเลย พวกคุณควรจะตกลงกันด้วยสันติมากกว่า”

ในขณะเดียวกันนี้ ผู้บริหารของโรงเรียนสอนเปียโนก้าวออกมาและพยายามห้ามปรามทั้งสองฝ่าย

แต่ในทางกลับกัน ชายวัยกลางคนไม่มีท่าทีว่าจะยอมอ่อนข้อเลย

“ล้อเล่นหรือไง! เมียของฉันโดนตบ แถมลูกชายของฉันก็ถูกรังแกจนร้องไห้! ไม่ว่ายังไงวันนี้ฉันไม่ยอมแน่ ไอ้พ่อลูกคู่นี้ต้องคุกเข่าขอโทษพวกฉัน!”

“แต่เมื่อครู่ คุณครูประจำชั้นเรียนได้แจ้งกับผมว่าลูกชายของคุณผลักลูกสาวของเขาก่อน…”

“เฮอะ! ฉันไม่สนใจโว้ย! ฉันบอกเอาไว้เลยว่า ถ้าจะจบเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ไอ้คู่พ่อลูกนี้มันจะต้องคุกเข่าขอโทษฉัน แต่คุณที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนสอนพิเศษจะต้องไล่นังเด็กผู้หญิงนั่นออกไปด้วย ไม่งั้นแล้ว ฉันจะทำให้โรงเรียนแห่งนี้สอนต่อไปไม่ได้ด้วยการโทรออกเพียงครั้งเดียว!”

ชายวัยกลางคนตวาดกลับอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น จนแม้แต่ผู้บริหารของโรงเรียนก็ยังต้องถอยจากคำขู่

ผู้บริหารโรงเรียนพอจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับชายวัยกลางคนผู้นี้เช่นกันว่าเป็นประธานบริษัทหนึ่งในเมือง และร่ำรวยพอสมควร

หากคนรวยแบบนี้ต้องการที่จะสร้างความยุ่งยากให้กับโรงเรียนสอนเปียโนของเขา มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถต่อกรด้วยได้

ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้ปกครองที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็พากันกระซิบกระซาบ

“ชายหนุ่มคนนั้นแย่แล้วแน่ ๆ ฉันเคยเห็นหน้าของอีกฝ่ายในหนังสือพิมพ์ จำได้ว่าเขาเป็นประธานบริษัท มันไม่ยากเลยที่คนรวยจะจัดการกับคนธรรมดาทั่วไป”

“เฮ้อ…โชคดีจริง ๆ ที่ลูกชายของฉันไม่ใช่คู่กรณีของอีกฝ่าย ไม่งั้นป่านนี้ฉันคงต้องยอมเสียหน้า…”

“…”

ถึงแม้ว่าเสียงนินทาจะเบา แต่มันก็ดังพอที่คนอื่นในห้องจะได้ยิน

“เฮ้ย! ฉันกำลังสั่งแกอยู่ แกไม่ได้ยินหรือไง? ถ้าแกกับลูกไม่รีบคุกเข่าให้ฉัน พวกแกสองคนจบเห่แน่!”

ชายวัยกลางตวาดขึ้นอีกรอบด้วยสีหน้าที่ยังคงโอหังเหมือนเดิมพร้อมกับก้าวเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานจนอยู่ในระยะสองก้าว

“ว่าไง แกสองพ่อลูกจะทำหรือไม่ทำ?” ชายวัยกลางคนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาก่อนที่จะถามขึ้นอีกรอบ

“ฮึ่ม! รนหาที่ตาย!”

พลั่ก!!

หลังจากเสียงกระแทกดังขึ้น ชายวัยกลางคนลงไปนอนคุดคู้อยู่ที่พื้นเพราะโดนถีบเข้าที่ท้อง!

อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปเหยียบหน้าของอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชา

“มดแมลงอย่างแกกล้าดียังไงมาบอกให้ฉันคุกเข่า?”

“อ…ไอ้สารเลว! แกกล้าดียังไงถึงถีบฉัน!”

หลังจากได้สติ ชายวัยกลางคนฝืนทนเจ็บและตะโกนด่าขึ้น

เขาคือประธานบริษัทผู้ร่ำรวย แต่จู่ ๆ ตอนนี้เขากลับโดนเหยียบหน้า เขาจะทนการถูกหยามแบบนี้ได้ยังไง?

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง

“แกบอกว่าแกเป็นประธานของบริษัทจิ่นหลานใช่ไหม?”

“ใช่! ฉันบอกแกเอาไว้เลย หลังจากนี้แกไม่รอดแน่! ต่อให้หลังจากนี้แกจะคุกเข่ากราบขอโทษฉันสักพันครั้ง มันก็ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยแกไป! แกกล้าดียังไงถึงมาเหยียบหน้าฉันแบบนี้!!”

ถึงแม้ว่าจะโดนเหยียบหน้าอยู่ แต่ชายวัยกลางคนก็ยังคงแสดงสีหน้าเดือดดาลไม่ได้รู้สึกกลัวเลย

“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเรามาดูกันว่าใครจะคุกเข่าให้ใคร!”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย มันเป็นเรื่องบังเอิญพอดีที่บริษัทจิ่นหลานนั้นเป็นบริษัทที่อยู่ในรายชื่อบริษัทใหม่ที่ต้องการซื้อสินค้าจากเครือฮ่าวหราน ซึ่งเขาได้ยินเรื่องนี้จากผู้จัดการหวังเมื่อเช้าพอดี ดังนั้นจึงมีข้อมูลของบริษัทจิ่นหลานมากพอที่จะเล่นงานอีกฝ่ายได้

หลังจากคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานโทรออกไปหาผู้จัดการหวังทันที

“ผมต้องการให้คุณยกเลิกสัญญากับบริษัทจิ่นหลานทั้งหมด และส่งข่าวออกไปถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจิ่นหลาน ใช้เส้นสายทั้งหมดที่เรามีแจ้งออกไปว่า หากใครทำการค้ากับบริษัทนี้ต่อ พวกเขาจะหมดสิทธิ์ในการทำการค้ากับเรา ผมต้องการให้หุ้นของบริษัทจิ่นหลานดิ่งลงเหวจนไม่เหลือค่า จากนั้นคุณก็กว้านซื้อมาให้หมด!”

ผู้จัดการหวังอึ้งไปพักหนึ่ง เมื่อได้ยินคำสั่งของอวี้ฮ่าวหราน แต่แล้วหลังจากได้สติเขาก็รีบตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทันที

“ได้ครับท่านประธาน! ผมจะรีบดำเนินการตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้ ผมรับประกันว่ามันจะเห็นผลภายในครึ่งชั่วโมง!”

หากเทียบกันแล้วเครือฮ่าวหรานนั้นถือว่าเป็นบริษัทที่ใหญ่กว่าบริษัทจิ่นหลานหลายเท่าอย่างเทียบกันไม่ได้ และอิทธิพลในธุรกิจเครื่องจักรกลนั้นแทบจะเรียกได้ว่า ณ ชั่วโมงนี้ เครือฮ่าวหรานคือเบอร์หนึ่งของเมืองฮ่วยอัน ดังนั้นแล้วการที่เครือฮ่าวหรานจะใช้อิทธิพลบี้บริษัทจิ่นหลานให้ตายนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

อย่างไรก็ตาม ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่ที่พื้นอึ้งไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหรานที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่

ไอ้เวรนี่มันบอกว่าอะไรนะ?

ยกเลิกสัญญา? กีดกันไม่ให้บริษัทอื่นทำการค้ากับฉัน? แถมจะซื้อบริษัทของฉันด้วย?

มันฝันกลางวันหรือว่ามันแกล้งทำหน้านิ่งขู่ให้ฉันกลัวแน่นอนเลย!

ไม่มีทางที่คนแต่งตัวอย่างมันจะมีอิทธิพลขนาดนั้นได้แน่!

“ถุย! อย่ามาขู่ให้กลัวซะให้ยากเลยไอ้ลวงโลก! แกคิดว่าแกเป็นพระเจ้าหรือไง ถึงคิดว่าตัวเองสามารถทำอะไรกับบริษัทของฉันได้!”

แม้จะโดนเหยียบหน้า แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงอวดดีและดูถูกอวี้ฮ่าวหรานได้อย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารของโรงเรียนก็ก้าวเข้ามาไกล่เกลี่ยอีกรอบหนึ่ง

“เอ่อ…คือ…คุณสุภาพบุรุษทั้งสอง พวกคุณตกลงกันอย่างสันติจะดีกว่าไหม? ที่นี่มีคนอยู่เยอะการที่พวกคุณลงไม้ลงมือกันแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย”

แต่แล้วหลังจากผู้บริหารของโรงเรียนพูดจบ หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งได้สติจากอาการตกตะลึงที่เห็นผัวของตัวเองโดนเหยียบหน้า ก็เดินปรี่เข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานพลางตะโกนด่า

“แก! ไอ้สถุน! แกกล้าดียังไงมาทำร้ายสามีของฉัน! หลังจากนี้แกตายแน่ ทั้งครอบครัวของแกตายแน่! สามีของฉันไม่ใช่คนที่แกจะมาหยามได้แบบนี้!”

เธอไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าถีบสามีของเธอและเหยียบหน้าแบบนี้!

เมื่อเข้าไปใกล้ได้ระยะ หญิงวัยกลางคนเงื้อมือขึ้นตั้งใจที่จะตบหน้าอวี้ฮ่าวหรานให้สุดแรง แต่น่าเสียดายที่ก่อนเธอจะทำได้สำเร็จ อวี้ฮ่าวหรานตบหน้าเธอด้วยหลังมือซะก่อนจนเธอลงไปนอนกองที่ด้านข้างไม่ต่างอะไรจากสามีของเธอ!

อวี้ฮ่าวหรานเบื่อที่จะพูดกับคนเหล่านี้แล้ว ในใจของชายหนุ่มตอนนี้คิดเพียงอย่างเดียวว่าในเมื่ออีกฝ่ายไร้เหตุผลนัก งั้นเขาก็จะใช้กำลังในการตอบโต้!

แบบนี้เขาเรียกว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน!

“แก…แก…ทำร้ายฉัน! กรี๊ดดดดด แกตายแน่ ฉันจะให้ผัวของฉันฆ่าแกแน่ ๆ!”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตบแรงนัก เขาแค่ออกแรงตบเล็กน้อยให้อีกฝ่ายล้มลงไปที่พื้นเพื่อที่จะได้อับอาย ดังนั้นเพียงชั่วครู่ หญิงวัยกลางคนก็สามารถลุกขึ้นมาได้และชี้หน้าด่าชายหนุ่มต่อ แต่คราวนี้เธอไม่กล้าเข้าใกล้อวี้ฮ่าวหรานอีกแล้ว

บรรดาผู้ปกครองที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงไม่กลัวอิทธิพลของคนรวยพวกนี้เลย? แถมเขายังกล้าตบคู่ผัวเมียงี่เง่าสองคนนี้ลงไปกองกับพื้นอีกต่างหาก!

และยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มคนนี้บอกว่าจะซื้อบริษัทของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ นี่เขารู้บ้างไหมว่าการซื้อบริษัทสักบริษัทมันยากขนาดไหน? เขาต้องกำลังแกล้งทำเป็นคนใหญ่คนโตเพื่อขู่คู่ผัวเมียนี้แน่ ๆ!

ในมุมของฝูงชน พวกเขาคิดว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่สามารถทำได้จริงตามที่พูด ทุกอย่างมันน่าจะเป็นแค่การเล่นละครเพื่อรักษาหน้า

ในขณะเดียวกันนี้ ชายวัยกลางคนที่โดนเหยียบหน้าอยู่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แต่ก่อนที่เขาจะโทรออก ก็ตวาดใส่อวี้ฮ่าวหรานก่อนว่า “วันนี้แกไม่รอดแน่! อย่าคิดว่าแกจะรอดตัวไปได้หลังจากที่ทำกับฉันและเมียฉันแบบนี้ ฉันจะทำให้แกรู้ว่าคนอย่างแกกับคนอย่างฉันมันคนละชนชั้นกัน!”

“ก็ถูกของแก แกกับฉันมันคนละชนชั้นกันจริง ๆ แล้วนั่นอะไร? แกอยากจะโทรขอความช่วยเหลือใช่ไหม? ได้ เชิญแกโทรเรียกคนของแกมาเลยฉันไม่หนีไปไหนหรอก”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าไม่แยแส ก่อนที่จะยกเท้าตัวเองออกจากหน้าของอีกฝ่าย และเดินกลับไปหาลูกสาวของเขาเอง

ทางด้านของชายวัยกลางคนค่อย ๆ ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล จากนั้นเขาเดินไปหาภรรยาของตัวเองเพื่อปลอบประโลมด้วยความเคียดแค้นก่อนที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก

“ฮัลโหล! อาเปียว! แกรีบไปจ้างพวกนักเลงมาให้ฉันสักสิบคนเดี๋ยวนี้! วันนี้ฉันต้องการจะฆ่าคน!”

ในทันทีที่ปลายสายรับโทรศัพท์ ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น

ทว่าปลายสายกลับไม่ตอบอะไรเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ท้ายที่สุดปลายสายจะบอกข่าว ๆ หนึ่งกับชายวัยกลางคนซึ่งมันทำให้เขาแทบจะหยุดหายใจ!