ตอนที่ 151 คนดีมีกรรมดี

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน

ตอนที่ 151 คนดีมีกรรมดี

หยุนเชวี่ยรู้สึกตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่งและตอนนี้กำลังเตรียมจะหันหลังกลับ

สืออีไม่รู้อันใดเกี่ยวกับสิ่งนี้แม้แต่น้อย แต่การอยู่คนเดียวในถ้ำมันช่างแสนน่าเบื่อ เขาจึงหาวิธีถ่วงเวลาไม่ให้หยุนเชวี่ยจากไป

“เจ้า” หยุนเชวี่ยคว้าเสื้อของสืออีอย่างดุร้ายและจับเอาไว้แน่น “บอกความจริงมาว่าเจ้าหลอกข้าใช่หรือไม่?”

สืออีแสดงสีหน้าไร้เดียงสา

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องเล่นตลกอีก ฮึ่ม!” หยุนเชวี่ยใช้ออกแรงกระแทกไปที่หน้าอกของสืออี นางลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธก่อนจะปัดก้นของตัวเอง

เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปทั้งบ่าย

“เชวี่ยเอ๋อ เชวี่ยเอ๋อ ข้าไม่ได้หลอกเจ้านะ!” สืออีเห็นหยุนเชวี่ยกําลังจะจากไป จึงรีบดึงแขนเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้

“เช่นนั้นเจ้านึกออกแล้วหรือยัง?” ในที่สุดความอดทนของหยุนเชวี่ยหมดลง

“ข้าจําได้แล้ว” สืออีพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “มันอยู่ตรงนั้น”

พูดจบสืออีจึงลากหยุนเชวี่ยไปยังโต๊ะขนาดเล็กที่ก่อขึ้นด้วยหินและนั่งยอง ๆ ลงเพื่อดึงก้อนขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งออกมาและพลิกอีกด้านขึ้นปรากฏให้เห็นส่วนโปร่งแสงที่มีสีแดงจาง

“ใช่แบบนี้หรือไม่?”

หยุนเชวี่ยที่นั่งยองอยู่ด้านข้างมองสิ่งนั้นอย่างพิจารณาพลางเปรียบเทียบมันกับหินเกลือในมือตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นหินเกลือหินชนิดเดียวกัน

เมื่อตรวจดูหินก้อนอื่นแล้ว มันมีด้านตัดส่วนใหญ่สามารถเห็นเกลือสีแดงอ่อนบนพื้นผิวได้

“หินพวกนี้มาจากที่ใด?” หยุนเชวี่ยระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ มืออันบอบบางลูบไล้หินเหล่านั้นทีละก้อน

มันคือการค้นพบสมบัติล้ำค่า!

“เดิมทีมันอยู่ในถ้ำนี้” สืออีตอบคำถามด้วยความไม่เข้าใจ

หญิงสาวผู้อื่นมีดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นเครื่องประดับหรือหยกหรูหราที่งดงาม ทว่าดวงตาที่เป็นประกายของหยุนเชวี่ยกลับปรากฏขึ้นเมื่อพบก้อนหินเหล่านี้ มันคือสิ่งอันใดกัน?

“เดิมทีมันมีอยู่ที่นี่แล้ว…” หยุนเชวี่ยบ่นพึมพํากับตัวเองอย่างแผ่วเบา “ดังนั้น ที่นี่อาจจะเป็นถ้ำเกลือ?”

สืออีก้มตัวลงและโน้มหัวเข้าไปใกล้ “เชวี่ยเอ๋อ เจ้ากําลังพูดถึงสิ่งอัน?”

ความคิดของหยุนเชวี่ยกําลังหมุนอย่างรวดเร็วจึงไม่ได้สนใจอีกฝ่ายและเมื่อเดินมาถึงกลางถ้ำนางจึงเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน

แม้ถ้ำนี้จะมีความสูงชัน ทว่ามองขึ้นไปกลับพบเพียงความมืดมิด อย่างไรก็ตามยังคงมีโครงร่างของหินงอกหินย้อยที่เติบโตตามธรรมชาติ

“ไปเอาเถาวัลย์ตรงปากถ้ำที่บังแสงออกเร็วเข้า!” หยุนเชวี่ยยืดคอแม้จะมองเห็นไม่ชัดเจนทว่าดวงตายังคงตั้งตรงอย่างแน่วแน่

สืออีทําตามอย่างว่าง่าย

จากนั้นแสงแดดยามบ่ายได้สาดส่องเข้ามาในถ้ำ หยุนเชวี่ยอาศัยแสงนี้ในที่สุดจึงสามารถมองเห็นภาพทั้งหมดภายในถ้ำได้อย่างชัดเจน ทำให้อดที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตื่นเต้นไม่ได้

บริเวณนี้คือเหมืองหินเกลืออันงดงาม! มันถูกค้นพบแล้ว!

หยุนเชวี่ยยืนขึ้นพร้อมเงยหน้าด้วยความตะลึงงันอยู่ครู่ใหญ่ ดวงตาทั้งคู่แทบจะเปลี่ยนเป็นสีทองแดง ในสมองเต็มไปด้วยภาพของเงินทอง

“เชวี่ยเอ๋อ” สืออีผลักหยุนเชวี่ยอย่างแผ่วเบา

ตอนแรกแม้จะรู้สึกว่ายอดถ้ำนี้มีความแตกต่างจากถ้ำอื่น แต่หลังจากอยู่อาศัยมาหลายวันจนเกิดความเคยชินสืออีงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

หยุนเชวี่ยกลืนน้ำลายลงคออย่างแรงและใช้มือข้างหนึ่งหยิกสืออีด้วยความตื่นเต้น “คนดีฟ้าย่อมเห็นใจเปิดทางร่ำรวยให้! แม้พ่อแม่จะไม่ได้เป็นเศรษฐีร่ำรวยที่สามารถมอบภูเขาทองและภูเขาเงินข้า แต่ของขวัญชิ้นใหญ่นี้ก็นับว่าไม่เลว! สวรรค์ทรงเมตตาเราแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”

หลังจากสืออีถูกหยิกและเห็นหยุนเชวี่ยอ้าปากกว้างจึงรีบร้องถาม “เชวี่ยเอ๋อ เจ้าเป็นอันใดไป? กรามของเจ้าค้างแล้ว! มาข้าจะนวดให้”

“เจ้าหลบไปซะ” หยุนเชวี่ยปัดมือของสืออีออกแล้วหันกลับหยิบก้อนหินใส่ลงไปในตะกร้าของตนเอง

“เจ้าจะทําอันใดกับมัน?” สืออีเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น

หยุนเชวี่ยคิดอย่างไรถึงต้องการแบกหินก้อนใหญ่กลับบ้าน?

“บอกแล้วไงว่าเจ้าไม่เข้าใจหรอก” หยุนเชวี่ยคร้านจะอธิบาย เพราะถึงพูดไปเขาก็คงไม่เข้าใจ

“เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าแบกลงเขาไปให้” สืออีไม่ได้สอบถามต้นตอของเรื่องนี้ สืออีไม่พูดพร่ำทําเพลง รีบยกตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นแขวนบนไหล่ของตัวเอง

ระหว่างทางลงเขา

“หากข้าสามารถลืมตาอ้าปากได้ บุญกุศลในครั้งนี้ถือว่าเจ้ามีส่วนร่วมด้วย” หยุนเชวี่ยตบหลังของอีกฝายพร้อมกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ผู้ค้นพบย่อมมีส่วนได้ส่วนเสีย”

“ให้ข้าไปทํางานที่บ้านเจ้าได้หรือไม่?” สืออีเอ่ยถามขึ้นแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าหยุนเชวี่ยกําลังพูดถึงอันใด

“เจ้าควรมีอนาคตที่ดีกว่านี้ เหตุใดถึงต้องการเป็นลูกจ้างผู้อื่น”

“แล้วข้าจะทําอันใดได้อีก?” สืออีเดินตามด้านหลังนางมาพลางหลุบสายตาลงเล็กน้อยพลางจ้องมองมวยผมทั้งสองข้างที่ส่ายไปมาอย่างน่าเอ็นดูของหยุนเชวี่ยโดยมิได้ตั้งใจ ขณะครุ่นคิดอยู่ภายในว่า ‘ข้าอยากเป็นคู่ครองของเจ้า แต่เกรงว่าเจ้าจะไม่ต้องการ’

“ถึงตอนนั้นข้าจะช่วยเจ้าตามหาพ่อแม่ หากหาไม่พบจริง ข้าจะหาอาชีพที่เหมาะแก่เจ้าให้ วันหน้าจะได้มีโอกาสแต่งภรรยา” หยุนเชวี่ยคิดในหัวใจของนางก็เกิดเสียงเพี๊ยะ ๆ

เพียงแค่สามารถนำหินเกลือออกจากถ้ำได้ ทางราชสํานักจะต้องส่งคนมาขุดเหมืองเกลือนี้อย่างแน่นอน เมื่อมีคนงานเพิ่มขึ้น หมู่บ้านไป๋ซีย่อมคึกคัก ส่วนหยุนเชวี่ยจะฉวยโอกาสนี้ก่อนผู้อื่นในการค้าขาย หึหึหึ…

เมื่อสืออีเห็นหยุนเชวี่ยเผยท่าทางมีความสุขอีกครั้งจึงอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น

นับว่าเป็นหญิงสาวที่อารมณ์ดีเสียจริง ตอนนี้ขาสั้นทั้งสองข้างวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ช่างเหมือนนกน้อยที่กำลังโบยบินอยู่ในภูเขาอันกว้างใหญ่…

จนกระทั่งเดินทางมาถึงบริเวณตีนเขาซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของหมู่บ้านไป๋ซี หยุนเชวี่ยหันไปบอกว่าไม่ให้เขาตามไปส่งอีก

“แล้วพรุ่งนี้เจ้ายังจะมาหาข้าอีกหรือไม่?” สืออียื่นตระกร้าคืนให้พลางเอ่ยถามอย่างอาลัยอาวรณ์

“เจ้าสามารถหาไก่มาย่างกินได้เอง แล้วข้าจะมาเพื่ออันใดอีก?” ตอนนี้หยุนเชวี่ยต้องรีบกลับบ้านภายในหัวของนางเต็มไปด้วยเรื่องของหินเหล่านั้น

“หากว่าพรุ่งนี้ข้าจับไก่ป่ามิได้เล่า?”

“วันนี้ยังเหลือหมั่นโถวแป้งอีกสองลูกมิใช่รึ?”

สืออีนิ่งเงียบ

หยุนเชวี่ยเอ่ย “ข้าไปละ”

สืออีอยากจะร้องไห้ทว่าไม่มีน้ำตา เมื่อเห็นหยุนเชวี่ยเดินไปตามแม่น้ำจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “เชวี่ยเอ๋อ บ้านเจ้าอยู่ที่ใด? พรุ่งนี้ข้าจะไปหาเจ้า”

“เพื่ออันใด? ข้ามีเรื่องต้องทำ พรุ่งนี้เช้าข้าต้องเข้าเมืองเพื่อไปขายบ๊วย!” หยุนเชวี่ยหันกลับไปอย่างจนปัญญาและเตือนเขาอย่างจริงจังว่า “อย่าไปถามหาบ้านข้าเด็ดขาด ได้ยินหรือไม่?!”

เพราะหากมีบุรุษหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีโผล่มาโดยไม่มีเหตุผล พวกสาวใหญ่ว่างงานในหมู่บ้านย่อมอดที่จะนินทาไม่ได้

สำหรับหยุนเชวี่ยนั้นไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ แต่กลัวว่าหากท่านพ่อผู้ซื่อสัตย์กับแม่นางเหลียนได้ยินเข้า อย่างไรเสียคงต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน

“เช่นนั้น… บ่ายวันพรุ่งนี้ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ ตกลงนะ?” สืออีเห็นนางไม่สบอารมณ์จึงเปลี่ยนท่าที

หยุนเชวี่ยไม่มีอารมณ์ที่จะใส่ใจอีกฝ่ายจึงโบกมือพร้อมกล่าวว่า “ได้สิ ตกลงว่าเจ้ารออยู่ตรงนี้! และห้ามไปไหน!”

เจ้านี่ช่างน่ารําคาญเสียจริง ทำตัวเหมือนลูกสุนัขคอยติดตามเจ้าของไม่ยอมห่าง ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันยังคงเฝ้ารอด้วยความหวัง

นับว่าโชคดีที่สืออีหล่อเหลา หยุนเชวี่ยคิดว่าหากคนผู้นี้มีหน้าตาอัปลักษณ์ นางคงอารมณ์เสียและระเบิดอารมณ์ไปนานแล้ว ถือว่าหน้าตาสามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้!

เมื่อเดินออกมาไกลแล้ว หยุนเชวี่ยหันกลับไปอีกครั้งและพบว่าสืออียังคงยืนกวักมือเรียกนางอย่างร่าเริงที่บริเวณริมแม่น้ำ

เชวี่ยเอ๋อจึงโบกแขนตอบรับ

ในทันใดเจ้าหมอนั่นยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วกระโดดอย่างตื่นเต้นพร้อมตะโกนว่า “เชวี่ยเอ๋อ พรุ่งนี้ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่!”

หยุนเชวี่ยรู้สึกตกใจจึงรีบจับตะกร้าที่อยู่ด้านหลังแน่น แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม

การที่หยุนเชวี่ยช่วยชีวิตสืออีเอาไว้เพราะความใจดีและมีเมตตา คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเกาะติดนางเหนียวแน่นจนสลัดทิ้งไม่ได้ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าหยุนเชวี่ยอายุยังน้อยแต่แอบคบหากับผู้ชายแปลกหน้า!