“ไปเถอะ ขึ้นไปกัน พวกเขาคงจะรออย่างใจจดใจจ่อกันแล้ว โดยเฉพาะเฟิงอี้เซวียนผู้นั้น” เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มเล็กน้อย เขาวางชีอ้าวชวางลงและจับมือของนาง จากนั้นก็ขึ้นไปผ่านทะเลในเส้นทางที่มา
ชิงฮวากัดริมฝีปากและเดินตามหลังไป โดยที่สายตาของนางอย่างไม่ละไปไหนเลย
เมื่อกลับมาถึงผิวน้ำ ผู้คนยังคงนิ่งค้างอยู่ พอเฟิงอี้เซวียนเห็นทั้งสองขึ้นมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที สายตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกังวล ชีอ้าวชวางเข้าใจดีว่าเขากลัวอะไร
ชีอ้าวชวางคุกเข่าลงตรงหน้าเฟิงอี้เซวียนและยิ้ม ”อี้เซวียน ข้าสบายดี”
เฟิงอี้เซวียนตกตะลึง ในที่สุดสีหน้าของเขาก็คลายลง
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยื่นมือออกมาแล้วโบกมือ จากนั้นทุกคนก็ได้รับการปล่อยตัวแล้ว
“เหลิ่งหลิงยวิ๋น ไอ้สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!” เฟิงอี้เซวียนกระโดดเข้าหาเหลิ่งหลิงยวิ๋น
แต่แล้วก็มีเงาสีเขียวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เมื่อเฟิงอี้เซวียนได้สติ เขาก็เห็นหญิงสาวที่น่าทึ่งในชุดสีเขียวที่ยื่นมือออกมาขวางที่ด้านหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋น
เฟิงอี้เซวียนตะลึง ผู้หญิงชุดเขียวคนนี้ทำอะไร?
“ท่านซื่อหั่ว ท่านยังไม่เปลี่ยนเลย ยังคงใจร้อนเหมือนเดิม และท่านก็ยังคงชอบต่อสู้กับท่านหรูปิงเช่นเดิม” หญิงสาวชุดเขียวพูดเบาๆ พร้อมกับเลิกคิ้ว
เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้วมองเหลิ่งหลิงยวิ๋น แต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่สนใจเขาและหันหน้าไปอีกทาง
“เจ้าเป็นใคร?” เฟิงอี้เซวียนถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านซื่อหั่ว ความทรงจำของท่านยังไม่ฟื้นคืนอีกหรือ?” ชิงฮวาถามอย่างประหลาดใจ
“คนโง่น่ะ ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าคงไม่ฟื้นตัวเร็วนักหรอก” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดออกมาเรียบๆ
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” เฟิงอี้เซวียนกระโดดด้วยความโกรธ
เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่สนใจเขา และชิงฮวาก็ยังคงกั้นกลางอยู่ระหว่างคนทั้งสองอย่างดื้อรั้น
ชีอ้าวชวางมองภาพตรงหน้าและยกมุมปากเบาๆ
เหลิ่งหลิงยวิ๋นแนะนำตัวตนของชิงฮวาคร่าวๆ โดยไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับ’ชีอ้าวชวาง’ ทุกคนต่างก็ประหลาดใจกันมาก หลังจากพายุผ่านไป ทุกคนก็ออกเดินทางอีกครั้ง สายตาของชิงฮวาคอยมองตามชีอ้าวชวางอยู่ตลอดเวลา ส่วนเฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นนั่งอยู่ถัดจากชีอ้าวชวาง เฟิงอี้เซวียนก็ยังคงโวยวายเหลิ่งหลิงยวิ๋นต่อไป แต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็แค่เงียบและยิ้มให้ชีอ้าวชวางเป็นครั้งคราว
ออกจากมหาสมุทรสีครามแล้ว สัตว์พาหนะของมิเชลก็ต้องพักผ่อนแล้ว พวกเขาจึงแล่นลงในหุบเขาลึกเขียวชอุ่ม หลังจากจัดการพื้นที่เสร็จแล้ว ทุกคนก็ได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่สวยงามหาได้ยากเช่นนี้ ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ข้างๆ เฟิงอี้เซวียนดูเขาย่างเนื้อ เหลิ่งหลิงยวิ๋นก่อไฟ และคนอื่นๆ ก็กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารสด ก่อนหน้านี้กินอาหารแห้งที่อยู่ในแหวนมิติกันมาตลอด รสชาติมันแย่มากจริงๆ
ชีอ้าวชวางมองทุกคนที่กำลังยุ่งด้วยรอยยิ้ม ชิงฮวาเองก็นั่งเงียบๆ อยู่ข้างชีอ้าวชวาง
“เจ้าไม่ควรอยู่! ทั้งสองคนเป็นของนายท่าน การปรากฏตัวของเจ้ามันขัดขวางทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด” เสียงของชิงฮวาดังขึ้นในหูของชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางตกใจเล็กน้อยแล้วหันไปมองชิงฮวา
“เจ้ามันเป็นส่วนเกิน เป็นแค่คนที่เกินมาเท่านั้น เป็นแค่ของปลอมและภาพลวงตาที่มาทำลายความรักของนายท่าน” สายตาของชิงฮวาดูเยือกเย็นมาก
ชีอ้าวชวางมองไปที่ใบหน้าของชิงฮวาแล้วก็ยิ้มอย่างสดใสและตอบด้วยเสียงต่ำแต่หนักแน่น ”เจ้ารู้หรือไม่? เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้ไม่คิดเช่นนั้นแล้ว การดำรงอยู่ของข้าก็มีความหมายของข้า ข้ามี ความทรงจำมากมายที่เป็นของข้า ญาติและเพื่อนของข้า ข้ามีความคิดและความหวัง ข้าหวังว่าสักวันข้าจะได้กลับไปแผ่นดินลังกากับพวกเขาเพื่อไปเยี่ยมญาติ เพื่อนฝูง และมีชีวิตที่มีความสุขชั่วนิรันดร์กับพวกเขา แล้วเจ้าล่ะ?” ชีอ้าวชวางหยุดและพูดต่อ “ใครกันแน่ที่เป็นส่วนเกินมา? เจ้าไม่มีชีวิตของตัวเอง ไม่มีความทรงจำของตัวเอง ไม่มีญาติและเพื่อนของเจ้าเอง เจ้าต่างหากเป็นคนน่าสงสาร”
ชิงฮวาตะลึง นางมองสายตาที่มั่นคงของชีอ้าวชวางและพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าน่ะ จะพยายามใช้ชีวิตต่อไปให้ดี มันจะต้องเป็นแบบนั้น” ชีอ้าวชวางยืนขึ้นโดยไม่มองชิงฮวาอีก นางเดินตรงไปยังผู้คนที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นคำพูดก็ลอยเข้ามาในหูของชิงฮวา ”เพราะข้ามีพวกเขา”
เพราะข้ามีพวกเขา
ชิงฮวาตะลึงจนตกอยู่ในภวังค์
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ความคิดที่น่าขันก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของชิงฮวาว่าไม่ช้าก็เร็วนายท่านจะต้องต่อสู้กับผู้หญิงคนนี้!
ชิงฮวาส่ายหัวอย่างแรงด้วยรอยยิ้ม และแอบเยาะเย้ยว่านางว่ามีความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เรื่องพลังไม่มีใครเทียบนายท่านได้หรอก ถ้านายท่านต้องการ ยังมีอะไรที่นายท่านเอามาไม่ได้อีกล่ะ? เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้น แต่คนผู้นั้นไม่มีทางปรากฏตัวหรอก
บัวแดงซื่อหั่ว บัวขาวหรูปิง พวกเขาจะเป็นของนายท่านเท่านั้น
ส่วนตัวข้าชิงฮวา ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจก็เป็นของนายท่านเท่านั้น ชิงฮวาก้มหน้าลงเล็กน้อยและวางมือบนหน้าอกของนางเบาๆ
ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหาร แต่ราชาอี้อยู่ที่มุมห้องเพียงลำพังมองดูทุกคน และสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของทุกคน ในเวลานี้ นางเห็นว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่มีแววตาแห่งความรักที่เขาเคยมีมาก่อนอีกต่อไปแล้ว มีเพียงความกลัวลึกๆ เท่านั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นการมีอยู่ของนางเลย นางจึงขยับไปข้างๆ อย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ และจากนั้นก็ลุกขึ้นและค่อยๆ ถอยเข้าไปในป่าที่อยู่ข้างหลัง
ชิงฮวาเหลือบมองราชาอี้ ราชาอี้จึงตกใจและหยุดทันที แต่ชิงฮวากลับมองไปด้านข้างราวกับว่าไม่เห็นนาง ราชาอี้จึงถอนหายใจเบาๆ และก้าวถอยหลังไปอย่างเงียบๆ หายไปในป่าทึบที่อยู่ข้างหลัง
ตอนทุกคนพร้อมที่จะกินอาหารแล้ว ราชาเยว่ถึงได้รู้ว่าราชาอี้หายตัวไป
“ราชาอี้?” ราชาเยว่ยืนขึ้นและเรียกออกมาอย่างสับสน
“ไปพักหรือไม่?” มิเชลเดา
ราชาเยว่ขมวดคิ้วและส่ายหัว “ไม่น่าจะใช่นะ หรือว่า…”
“นางไปแล้ว” ชิงฮวาพูดอย่างเฉยเมย
“ไปแล้ว?” ราชาเยว่ถามอย่างประหลาดใจ
“ไปตั้งนานแล้ว” ชิงฮวาพูดอย่างเฉยเมยอีกครั้ง
“แล้วทำไมเจ้าไม่หยุดนางไว้ ทำไมไม่เรียกพวกเรา?” มิเชลรู้สึกกังวลเล็กน้อย การไม่มีราชาอี้จะทำให้ภารกิจต่อไปของพวกเขาซับซ้อนและยากยิ่งขึ้น
หลังจากมิเชลพูดออกมา ชิงฮวาก็ระเบิดกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจากร่างกายของนางทันที สายตาของนางเรียบนิ่งมองมิเชลอย่างเย็นชา พูดด้วยเสียงที่ลึกล้ำ ”ข้ามีหน้าที่ต้องบอกพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
มิเชลตะลึงและก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เงียบไปเลย
“เจ้าไม่ได้มีหน้าที่ แต่ชิงฮวา ข้าเตือนเจ้าแล้วนะว่าให้สุภาพกับเพื่อนของข้า” เสียงที่เย็นชาและอันตรายของเหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดขึ้น
“ท่านหรูปิง ข้ามีหน้าที่รับผิดชอบแค่เรื่องความปลอดภัยของพวกท่านเท่านั้น” ใบหน้าของชิงฮวาสงบลงแล้วก้มหน้าลงแล้วพูดกับมิเชล “ขอโทษที่เมื่อครู่หยาบคาย” หลังจากนั้นนางก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของมิเชลอีก นางเพียงแค่นั่งอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ราชาอี้ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเรา นางทำงานร่วมกับเราเพื่อปลดผนึกตราประทับไม่ได้หรอกหรอก” ราชาเยว่ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ไปไล่ตามนางกลับมากันเถอะ ข้าจะเกลี้ยกล่อมนางเอง”
“ข้าใช้ทักษะลับเพื่อดูว่านางอยู่ที่ไหนได้” ไรลี่ย์ตอบทันที จากนั้นใบหน้าของจินเหยียนก็นิ่งไปและจ้องไปที่ไรลี่ย์ ไรลี่ย์จึงหยุดพูดไปทันที
“นางน่าจะไปได้ไม่ไกลมาก เราไล่ตามนางกลับมาตอนนี้น่าจะตามได้ ไม่จำเป็นต้องใช้สายตาของไรลี่ย์หรอก” จินเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ไม่ต้องหรอก” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดห้ามไว้ด้วยสีหน้าเฉยเมย
“แต่…” ราชาเยว่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกเหลิ่งหลิงยวิ๋นหยุดไว้ก่อน
“การเปิดผนึกไม่ได้สำคัญนัก เราแค่ต้องไปถึงปราสาทของราชาสวรรค์ การรวมตัวของราชาทั้งเจ็ดนั้นไม่มีความหมายแล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดประโยคนี้อย่างเฉยเมย
“หมายความว่าอะไร?” คราวนี้ไม่เพียงแต่ราชาเยว่เท่านั้นที่งุนงง แต่คนอื่นๆ ก็งงเช่นกัน มีเพียงชีอ้าวชวางเท่านั้นที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร สีหน้าของนางมีความโดดเดี่ยวและความกังวลอยู่
“จะทำลายราชาสวรรค์ มีแค่นางก็เพียงพอแล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองไปที่ชิงฮวาข้างๆ แต่มีอีกอย่างที่ยังไม่ได้พูด นั่นคือข้อตกลงของเขากับเทพธิดา บททดสอบของเทพธิดา…หากเฟิงอี้เซวียนฟื้นความทรงจำ เขาจะยังรักษาชีอ้าวชวางไว้ได้เหมือนตอนนี้หรือไม่? หากเฟิงอี้เซวียนฟื้นความทรงจำ แต่ยังคงปกป้องชีอ้าวชวางอย่างที่เขาทำอยู่ เทพธิดาจะทำอย่างไร?
ทุกคนตะลึง ชิงฮวาหรือ ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอคนนี้ทำลายราชาสวรรค์ได้หรือ?
“ข้าเชื่อ” มิเชลพึมพำออกมาแล้วก็ไปนั่งด้านข้างและเริ่มหันเนื้อย่าง ตอนนี้สายตาของชีอ้าวชวางดูซับซ้อนและไม่พูดอะไรเลย
ชิงฮวามองทุกคนและส่งเสียงเย็นชา จากนั้นก็หันไปอีกทางไม่สนใจพวกเขา
เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่ได้พูดอะไร เขานั่งลงเตรียมกินอาหารอยู่ข้างชีอ้าวชวาง อาหารมื้อนี้ผ่านไปอย่างน่าเบื่อ ไม่ได้มีบรรยากาศผ่อนคลายแบบก่อนหน้านี้แล้ว
หลังจากกินเสร็จก็พักครู่หนึ่ง แล้วทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางหลังจากนั้น เหลิ่งหลิงยวิ๋นเอาแต่เงียบและนั่งอยู่ข้างชีอ้าวชวาง ในขณะที่เฟิงอี้เซวียนก็ขมวดคิ้วจ้องเหลิ่งหลิงยวิ๋นอย่างเย็นชาไปตลอดทาง เพราะเขารู้สึกว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นมีบางอย่างปิดบังเขาอยู่ เกิดอะไรขึ้นใต้มหาสมุทรสีครามในตอนนั้นนะ?
ชีอ้าวชวางไม่ได้มีความเศร้าโศกแบบก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้สายตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความชัดเจน นางหลับตาลงช้าๆ รับสายลมโชยพัดมา ผมยาวของนางปลิวไสว ชีอ้าวชวาง กำลังจดจ่อ แต่กลับรู้สึกว่าพลังแปลกๆ ในร่างกายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หากมันเคยเป็นเมล็ดที่แตกหน่อเล็กน้อย ตอนนี้มันได้เติบโตมีใบเขียวและค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ทันใดนั้น ชีอ้าวชวางก็ลืมตาขึ้นและยื่นมือออกไปโบกมือไปที่ท้องฟ้า จากนั้นเปลวไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ลอยขึ้นไปบนที่สูงและแผ่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ลามไปเป็นม่านไฟขนาดใหญ่ จากนั้นก็กระจายออกราวกับดอกบัวที่บานสะพรั่งงดงาม
ทุกคนตกตะลึง เพราะมือของชีอ้าวชวางมีพลังมหาศาลมากจนทุกคนต่างตกใจ
ชิงฮวามองไปที่ม่านไฟบนท้องฟ้าและเผยอริมฝีปาก นางมองไม่ผิดใช่หรือไม่ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นพลังที่นายท่านครอบครองแลควบคุมมันได้ ทำไมของปลอมที่เป็นส่วนเกินอย่างนางคนนี้ถึงใช้ได้ล่ะ? ทำไม?