บทที่ 260 อันเดดโซลของแม่ทัพโบราณ
“อะไรกัน…”
“เกิดอะไรขึ้น?”
นักบวชในปาร์ตี้ของกิลด์มิดซัมเมอร์ได้เพิ่มบัฟอวยพรชีวิตและอวยพรการป้องกันให้แนวหน้า รวมถึงเพิ่มบัฟอวยพรอาวุธและอวยพรความกล้าให้แนวหลัง
ทุกคนอยู่ในตำแหน่งของตนเองและพร้อมที่จะโจมตีมอนสเตอร์ จากนั้นในชั่วพริบตา อันเดดโซลของทหารโบราณมากกว่าหนึ่งโหลที่มีพลังชีวิตมากกว่า 2,000 ก็ถูกสังหารในพริบตา
เมื่อเห็นเลขความเสียหายหลายพันเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…
นั่นมันบ้าอะไรกัน?
พลังโจมตีของอาชีพสายสร้างความเสียหายต่อวินาที ในตอนนี้มีแค่ 100 กว่าหน่วยไม่ใช่เหรอ? อย่างดีก็ถึง 150 หน่วยด้วยการเพิ่มบัฟของนักบวช เฉพาะนักเวทที่บ้าความรุนแรงและมีบัฟอย่างดีเท่านั้นถึงจะมีโอกาสสร้างความเสียหายเกิน 200 หน่วย
แต่ถึงแม้จะสร้างความเสียหายร้อยหรือสองร้อย แต่ความเสียหายที่ทำต่อมอนสเตอร์เลเวลสูงก็ยังเหลือเพียงสิบหรือยี่สิบหน่วย ด้วยพลังป้องกันที่สูงของพวกมัน บางครั้งที่โจมตีติดคริติคอลก็จะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่า 50 หน่วย ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายต่อวินาทีที่สำคัญมากแล้ว…
แต่… ใครจะบอกพวกเขาได้ว่าค่าความเสียหายสอง สาม หรือแม้แต่สี่พันนั่นมันคืออะไรกัน?
“เกิด… เกิดอะไรขึ้น”
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงแต่มันน่าทึ่งเกินจนตกสู่สถานะยอมรับไม่ได้และไม่อยากเชื่อ
“อะไรนะ… เจ้าแห่งฮีลเลอร์ใช้สกิลเดียวฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 25 ทั้งกลุ่มในเวลาไม่กี่วินาทีงั้นเหรอ? เลขความเสียหายนั่นมันอะไร?! พระเจ้า! นี่ฉันเห็นคนเดียวหรือเปล่า?”
“ดาเมจคริติคอล 4,000? ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า? เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นนักบวชจริงเหรอ?”
“อะไรกันน่ะ! นั่นคือความแตกต่างระหว่างผู้เล่นชั้นยอดกับพวกเรางั้นเหรอ?”
ผู้เล่นมิดซัมเมอร์กว่าสิบคนตกตะลึงและมึนงง พวกเขาสับสนและหยุดเตรียมรับมือมอนสเตอร์พร้อมกัน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ?
“อย่าเสียสมาธิ สู้ต่อไป”
มีเพียงซือเยี่ยจิ๋งเท่านั้นที่ไม่แปลกใจกับเซียวเฟิง เพราะหญิงสาวเคยชินกับมันแล้ว เธอส่งบรรทัดคำพูดไปที่ช่องของปาร์ตี้และเป็นผู้นำในการติดตาม เซียวเฟิงยังคงลึกเข้าไปในสุสานของนายพลต่อไป ซึ่งหลิวเฉียงเหว่ยก็มาตามหลังจากเซียวเฟิง
กลุ่มผู้เล่นของกิลด์มิดซัมเมอร์ก็เหมือนตื่นจากความฝัน และตามไปอย่างรวดเร็ว
ในฐานะที่เป็นดันเจี้ยนระดับสูงที่มีสมาชิกในปาร์ตี้สูงสุดยี่สิบคน แผนที่ของสุสานนายพลจึงมีขนาดใหญ่และมีเส้นทางมากกว่าหนึ่งเส้นทาง โดยทั่วไป ผู้เล่นจะเริ่มจากบอสตัวแรกและโจมตีไล่ไปจนถึงบอสตัวสุดท้าย
แต่เซียวเฟิงเลือกที่จะข้ามบอสตัวแรก โดยตรงหลังจากดูแผนที่ เขาเลือกที่จะเริ่มจากบอสตัวที่ 2 และไปที่บอสตัวสุดท้าย
โดยทั่วไป ภารกิจดันเจี้ยนจะไม่ใช้วิธีการโจมตีแบบนี้ ประการแรก มันเป็นเพราะบอสในภารกิจดันเจี้ยนจะดร็อปของมากมาย การพลาดบอสไปจะทำให้พลาดของสวมใส่และไอเทมระดับสูงมากมาย เป็นต้น
ประการที่สอง เป็นเพราะความยากของดันเจี้ยน หากพวกเขาข้ามไปตีบอสตัวสุดท้ายโดยไม่ฆ่าบอสตัวก่อนหน้า ความยากของบอสตัวสุดท้ายจะเพิ่มขึ้น เพราะมันเทียบเท่ากับการได้คุณสมบัติของบอสตัวที่ยังไม่ได้ฆ่าเพิ่ม ความยากดังกล่าวเป็นอันตรายถึงชีวิตในการเปิดภารกิจดันเจี้ยน
ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจรางวัลของสวมใส่เหล่านั้น หรือความยากที่เพิ่มขึ้น แต่เขาเลือกที่จะอาละวาดเพียงเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด
กลุ่มผู้เล่นของกิลด์มิดซัมเมอร์รู้แผนของเซียวเฟิงแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มเดินผ่านห้องบอสตัวแรกไป เดิมทีนี่ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงในการเปิดภารกิจดันเจี้ยน เพราะมันจะทำให้ความยากของบอสตัวสุดท้ายเพิ่มขึ้น ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ในขณะนี้
พวกเขาได้เห็นเซียวเฟิงฆ่าฝูงมอนสเตอร์ในไม่กี่วินาที ความเสียหายนับพันทำให้พวกเขาพูดไม่ออก
นี่ยังเป็นผู้เล่นอยู่หรือเปล่า? ทำไมความแตกต่างระหว่างเขากับพวกเขาจึงห่างกันถึงขนาดนี้! ความแตกต่างไม่ใช่แค่หลายสิบเท่า! มันห่างกันแบบไม่เห็นฝุ่น!
กลุ่มผู้เล่นกิลด์มิดซัมเมอร์ที่ไม่มีโอกาสโจมตีต่างก็มึนงง พวกเขารู้แค่ว่าต้องวิ่งตามเซียวเฟิงในแผนที่ เหมือนกับกลุ่มคนที่มาเพื่อ ‘ประดับ’
ซันนี่ก็เช่นกัน เดิมทีเขากลั้นหายใจและต้องการทำตัวให้ดีต่อหน้าหัวหน้ากิลด์ แม้ว่าเสียงของผู้บังคับบัญชาจะใหญ่มาก แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้สั่งการโจมตี
“ห้องของบอสตัวที่ 2 อยู่ที่นี่!”
ซันนี่สดชื่นขึ้นทันที พวกเขาไม่อาจหาโอกาสโจมตีมอนสเตอร์ได้ แต่สำหรับบอสมันก็ควรจะถึงเวลาที่พวกเขาจะได้แสดงความแข็งแกร่ง แม้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะทรงพลังมาก แต่เขาไม่สามารถฆ่าบอสได้ในเวลาไม่กี่วินาที มิฉะนั้นเขาคงไม่ข้ามบอสตัวแรกมา
และบอสตัวที่ 2 ก็ไม่สามารถข้ามได้ เนื่องจากห้องของบอสขวางทางไปต่อนั่นเอง
“เตรียมพร้อมรบ! นักบวชเข้าประจำตำแหน่ง! นักรบโล่เตรียมรับมือบอส!”
ซันนี่ตะโกนสุดเสียง ปาร์ตี้ผู้เล่นของกิลด์มิดซัมเมอร์ก็เหมือนตื่นจากความฝัน และตั้งท่าต่อสู้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากวิ่งตามเซียวเฟิงมาตลอดทาง และเกือบลืมไปแล้วว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่
บอสตัวที่สองเป็นอันเดดโซลขี่ม้าโครงกระดูกสูงซึ่งมีชื่อเป็นอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณ เมื่อกลุ่มคนเข้ามาในห้องของบอสค่าสถานะของอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
อันเดดโซลของแม่ทัพโบราณ
เลเวล : 25
ประเภท : บอสระดับเงิน
คุณสมบัติ : อันเดด
พลังชีวิต : 45,000/45,000
พลังโจมตี : 199-205
พลังโจมตีเวท : 188-195
พลังป้องกัน : 135-145
พลังป้องกันเวท : 130-140
สกิล: คลุ้มคลั่งระดับสูง โจมตีกระหายเลือด โจมตีหนัก กวาด เรจคอมโบ กองพันจู่โจม กระทืบพื้น ธงสงคราม
ความเป็นมา: แม่ทัพโบราณที่ถูกฝังอยู่ในสุสานนายพล กลายเป็นอันเดดโซลหลังจากที่ตื่นขึ้นมา แข็งแกร่ง และจะขับไล่ผู้บุกรุกสุสานทั้งหมด
“ค่าสถานะแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้! พลังโจมตีเกิน 200 หน่วย! ต่อให้นักรบโล่มีบัฟจากนักบวชก็ทนการโจมตีของมันได้ไม่ถึง 4 หรือ 5 ครั้งหรอก!”
“แถมพลังป้องกันก็สูงมากด้วย! หากพลังโจมตีไม่ถึง 150 หน่วย ก็จะผ่านพลังป้องกันนั้นไปไม่ได้! เราต้องพึ่งบัฟของนักบวชเท่านั้น!”
ไม่ต้องแปลกใจเลย ค่าสถานะที่แข็งแกร่งของบอสทำให้ผู้เล่นของกิลด์มิดซัมเมอร์ตึงเครียดอีกครั้ง พวกเขาเคลื่อนตำแหน่งของตัวเองอย่างประหม่า
เซียวเฟิงไม่ได้พุ่งเข้าไปเหมือนเคย เพราะชายหนุ่มไม่สามารถฆ่าบอสได้ในเสี้ยววินาที และมันต้องใช้เวลาพอสมควรในการดึงความสนใจมอนสเตอร์ เขายอมให้ปาร์ตี้ของผู้เล่นกิลด์มิดซัมเมอร์ได้แสดงคุณค่าของพวกเขา และตัวชายหนุ่มก็จะสามารถจดจ่อกับการทำความเสียหายจากด้านหลัง แทนที่จะทำงานหนักเพื่อจะทั้งล่อและจัดการมอนสเตอร์แล้วปล่อยให้ทุกคนนั่งมอง
“ฉันขอโทษ…ฉันไม่คิดว่าสมาชิกกิลด์จะไม่เป็นมิตรกับคุณขนาดนี้…”
กลุ่มผู้เล่นกิลด์มิดซัมเมอร์ได้เข้าโจมตีบอส เซียวเฟิงกำลังรอให้พวกคนในกิลด์มิดซัมเมอร์ทำให้บอสจดจ่ออยู่กับพวกของตัวเอง และจากนั้นชายหนุ่มก็จะสามารถโจมตีได้ แต่หลิวเฉียงเหว่ยก็ปลีกตัวมาอยู่ข้างเซียวเฟิงในเวลานี้พร้อมกลิ่นกล้วยไม้และกระซิบคำขอโทษต่อเซียวเฟิง
ซือเยี่ยจิ๋งไม่ได้ร่วมโจมตี เธอเองก็อยู่ไม่ไกล เธอเหลียวมองไปที่หลิวเฉียงเหว่ย จากนั้นก็ส่งสายตาทำลายล้างใส่เซียวเฟิงทันที ซึ่งทำให้ชายหนุ่มสับสน
“ไม่เป็นไร”
เซียวเฟิงส่ายหัวและพูดอย่างไม่ใส่ใจ เขาเห็นนักรบโล่ของกิลด์มิดซัมเมอร์กำลังยั่วยุเพื่อทำให้ความสนใจของอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณนั้นอยู่ในสภาวะคงที่แล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่รอช้าอีกต่อไป เขาโบกคทานักปราชญ์ที่เสียหาย และปล่อยสกิลโฮลี่ไลท์และชาโดว์เวิร์ดใส่อันเดดโซลของแม่ทัพโบราณ
ดูเหมือนว่าหลิวเฉียงเหว่ยยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เธอก็ยอมแพ้ไปเมื่อเห็นเซียวเฟิงเริ่มโจมตีบอส
-9,201!
ทันใดนั้น ความเสียหายเกือบหมื่นก็พุ่งขึ้นมาจากอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณ นี่คือเอฟเฟกต์เพิ่มความเสียหาย 20% ของสกิลโฮลี่ไลท์ มันเห็นได้ชัดเลยว่าพลังชีวิตของอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณลดลงไปอย่างมาก
-450!
-450!
-450!
จากนั้นความเสียหายหลักร้อยก็ลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นความเสียหาย 1% ของพลังชีวิตต่อวินาทีจากเอฟเฟกต์ชาโดว์เวิร์ด ระยะเวลาเทียบเท่ากับค่าจิตวิญญาณของเซียวเฟิงหารด้วย 10 เนื่องจากค่าจิตวิญญาณของเซียวเฟิงตอนนี้มี 200 หน่วยกว่า กล่าวคือมันอยู่ได้ประมาณ 20 วินาที นับเป็นความเสียหายรวม ๆ มากกว่า 9,000 หน่วย!
นี่หมายความว่าสกิลทั้งสองของเซียวเฟิงสามารถทำลายพลังชีวิตของบอสได้มากกว่าหนึ่งในสามส่วน!
“โฮ!”
ด้วยความเสียหายอันทรงพลังจากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ความสนใจของอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณก็เปลี่ยนไปในทันที นักรบโล่ที่ล่อมันไว้ก็ถูกกระแทกด้วยสกิลกวาด จากนั้นมันก็วิ่งไปหาเซียวเฟิง
“นักรบโล่สำรองรีบใช้สกิลยั่วยุเร็วเข้า! ดึงความสนใจบอสกลับมา!”
ซันนี่รีบตะโกน เขาก็เหมือนกับกลุ่มผู้เล่นของกิลด์มิดซัมเมอร์ พวกเขามองไปที่เลขความเสียหายที่สูงลิ่วเหนือหัวบอสซึ่งตรงข้ามกับความเสียหายไม่กี่สิบหน่วยของพวกเขา แม้ว่าจะเตรียมใจไว้มาก แต่หน้าผากของพวกเขาเองก็มีเหงื่อออก และลำคอของพวกเขาก็แห้ง
ความเสียหายของเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นเกินระดับพวกเขาไปอย่างสมบูรณ์ ในตอนแรก พวกเขาก็ประเมินฉายาอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียไว้สูงมาก แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้เล่นที่อยู่บนจุดสูงสุดที่สามารถเผชิญหน้ากับกิลด์กลอรี่ได้ด้วยตัวคนเดียว เขาเกือบจะไร้เทียมทานที่สุดในเขตฮัวเซียแล้ว!
“โฮ! เจ้าผู้บุกรุกที่น่ารังเกียจ! วิญญาณอันเดดของข้าจะสาปแช่งเจ้า! ตลอดไป!”
แถบพลังชีวิตของอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณก็ว่างเปล่าพร้อมกับเสียงคำราม ร่างกายของมันก็ระเบิดกลายเป็นไฟวิญญาณและหายไป ใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งนาที บอสระดับเงินเลเวล 25 ก็ถูกจัดการไปแล้ว!
“เฮ้ย! ม้าศึกอันเดดระดับหายาก!”
นอกเหนือจากการตายของอันเดดโซลของแม่ทัพโบราณแล้ว ไอเทมหลายอย่างก็ดร็อปลงมาพร้อม ๆ กัน จากนั้นก็มีคนตะโกนด้วยความตื่นเต้นตกใจทันที!
จะเห็นได้ว่าในบรรดาไอเทมต่าง ๆ ที่ตกลงบนพื้น มีม้าอันเดดตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งอยู่ด้วย ซึ่งคล้ายกับม้าที่อันเดดโซลของแม่ทัพโบราณเป็นเจ้าของ แต่ตัวนี้ดูมีชีวิต ดูเจ๋ง และดูเท่มาก!
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าดันเจี้ยนนี้จะดร็อปสัตว์ขี่หายากด้วย! มันมีค่ามาก! น่าเสียดายจริง ๆ”
หลิวเฉียงเหว่ยกล่าวอย่างรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เธอเสียดายที่ดันเจี้ยนนี้ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของเมืองเทียนหลง มิฉะนั้น มันจะสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับกิลด์มิดซัมเมอร์ได้โดยอาศัยเพียงแค่ม้าศึกอันเดดนี้อย่างเดียวเท่านั้น มันไม่เพียงแต่เป็นสัตว์ขี่หายาก แต่ยังมีรูปลักษณ์ที่เท่มากอีกด้วย สามารถจิตนาการมูลค่าในตลาดได้ง่าย ๆ
ปาร์ตี้ของกิลด์มิดซัมเมอร์ทั้งหมดต่างจ้องมองไปที่ม้าศึกอันเดด และความปรารถนาก็ปรากฏขึ้นในแววตาของทุกคน สัตว์ขี่ระดับหายากจะต้องมีการเพิ่มค่าสถานะ และที่สำคัญที่สุดคือมันดูเท่มาก ๆ ถ้ามีคนบอกว่าเขาไม่ต้องการมัน คนคนนั้นก็คงโกหกแน่นอน เลยเกิดปัญหาเรื่องการแบ่งไอเทม
ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่มีใครบางคนมองไปที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ก่อน จากนั้นสายตาของทั้งปาร์ตี้ก็จับจ้องไปที่เซียวเฟิง
ทุกคนรู้ดีถึงข้อดีของการเปิดภารกิจดันเจี้ยนนี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ด้วยตัวเอง กิลด์มิดซัมเมอร์ใช้ประโยชน์จากการให้เขาพาลงดันเจี้ยน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะรับของที่ดร็อปมาได้
“ฉันใช้มันไม่ได้ แบ่งกันเองเถอะ” ทว่าเซียวเฟิงก็กล่าวเช่นนั้น เขามีเสี่ยวเสวียที่เป็นสัตว์ขี่ระดับทองและเหนือกว่าสัตว์ขี่ระดับหายากนี้อยู่แล้ว
จากนั้นคนกลุ่มนี้นึกได้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ผูกขาดตำแหน่งอันดับ 1ในรายการสัตว์ขี่ มาตรฐานของเขาแตกต่างกับคนทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง
ประโยคนี้เป็นเสียงสวรรค์สำหรับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ในเสี้ยววินาที ทุกสายตาก็หันกลับมายังม้าศึกอันเดดด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้น ในเวลานี้ ความไม่พอใจกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่มีแต่เดิมได้หายไปจนสิ้น