เยี่ยเฟิงพ่นเลือดสดออกมา
ไม่รอให้เขาตอบสนองทัน หน้าอกก็โดนเหยียบแรง ๆ เนื่องจากเหยียบแรงมาก ทำให้ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กด้วย จากนั้นกระดูกซี่โครงก็หัก ความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่เข้าอย่างจัง
“หากเจ้าขอร้องข้า ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้”
เยี่ยเฟิงเบือนหน้าหนี ไม่ว่าจะเจ็บบริเวณหน้าอกเพียงใดก็ไม่ส่งเสียงสักคำ
ต้องใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในขุมนรกกว่าสิบสามปี เขาผ่านมานับไม่ถ้วนแล้ว
อันที่จริงไม่ว่าเขาจะขอความเมตตาอีกฝ่ายเช่นไรก็ไม่เกิดประโยชน์ ทางกลับกัน อีกฝ่ายจะยิ่งคึกคะนอง เหยียดหยามและทารุณเขามากขึ้น
กู้ชูหน่วนวางท่านยายเยี่ยลง กำหมัดจนเกิดเสียงกร๊อบๆ พลางตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด “ปล่อยเขา”
“ปล่อยเขาหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรให้ข้าปล่อยเขา?” ผู้นำกองธงกล้วยไม้ชำเลืองมองกู้ชูหน่วนอย่างดูหมิ่น
นอกจากนางจะมีฐานะพระชายาเทพสงครามกับเพื่อนของจอมมารแล้ว นางมีคุณสมบัติอันใด?
เหตุใดจึงจองหองเยี่ยงนี้
สวีซานเหนียงบีบคอทหารอารักขาใกล้ตัวตายหนึ่งคน นางเดินทอดน่องอย่างดัดจริตมาหากู้ชูหน่วน
“รีบทำไม คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าต่างหาก”
“พระชายารีบหนีไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารอารักขาเหลือเพียงสองคน ทั้งยังได้รับบาดเจ็บด้วย ทหารอารักขาสองคนนี้ เมื่อศัตรูจะถือไพ่เหนือกว่า ทว่าก็หาได้ห่วงความปลอดภัยของตนไม่ แต่คำนึกถึงกูชู้หน่วนเป็นอันดับแรก
กู้ชูหน่วนข่มอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็น “มาเจรจากันเถอะ ขอแค่ปล่อยเยี่ยเฟิงกับพวกเขา ข้าจะไปตามหาระฆังวิญญาณสะบั้นมามอบให้พวกท่านด้วยตัวเอง”
“เจ้ายังไม่รู้ว่าผู้ใดขโมยระฆังวิญญาณสะบั้น ไม่รู้ว่าต้องหาไปถึงกี่ปีกี่ชาติ?”
สองวันก่อนข้าก็พึ่งรู้จากปากฝูกวงโดยบังเอิญ
เมื่อลั่นประโยคนี้ออกมา วิญญาณทั้งเจ็ดแห่งหุบเขามืดก็เกือบหลงกล เพราะนิกายเทพอสูรตามหาไข่มุกมังกรมาโดยตลอด
ทว่าสตรีผู้นี้ช่างจำนรรจา ใครจะรู้ว่านางพูดจริงหรือไม่
กู้ชูหน่วนพูดต่อไปว่า “สามวัน ให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะเอาระฆังวิญญาณสะบั้นมามอบให้พวกเจ้าภายในสามวันแน่”
“อย่าว่าแต่สามวันเลย แม้แต่เวลาน้ำชาสามจอกก็ไม่ได้ ฐานะเจ้าพิเศษ วันนี้ต้องตายเท่านั้น นังหนู อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดแผนอันใดอยู่ เจ้าถ่วงเวลาก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เทพสงครามเจอปัญหาใหญ่ เขาไม่มีเวลาว่างหรอก”
ประมุขวิญญาณมืดกวาดสายตามองรอบ ๆ มั่นใจว่าไม่มีคนนอก จึงพูดโพล่งเสียงเย็นเยียบ “สังหารพวกเขาทันที จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย”
“นังหนูคนนี้เหยียบหัวข้ามาหลายหนแล้ว มอบนางให้ข้า ข้าจะดูว่าเข็มเงินของนางร้ายกาจ หรือว่าหัตถ์โลหิตของข้าร้ายกาจกันแน่”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว กู้ชูหน่วนก็เข้าใจดีกว่าใครอื่น
คนพวกนี้อยากให้พวกนางตาย พวกเขารีบร้อนจะทำลายหลักฐานของศพ
หากคิดจะรอดออกไป นอกจากเอาชนะพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ทหารอารักขาคิดจะเข้าปกป้องกู้ชูหน่วน ทว่าใบหน้าของสวีเจิ้นพลันเผยรอยยิ้มกระหายเลือด ถือง้าวกรีดนภากระโจนเข้าไปเป็นคนแรก
วรยุทธ์สวีเจิ้นสูงมาก ทหารอารักขาทั้งสองนายต้องรับมือสุดความสามารถ
เมื่อทหารอารักขาไปอีกทาง ตอนนี้ผู้ที่ยังไม่โดนจับก็เหลือเพียงกู้ชูหน่วนกับท่านยายเยี่ยที่ไม่ได้สติ
“แม่หนู พี่สาวรับรองว่าจะให้เจ้าหลั่งโลหิตเป็นสายธาร”
สวีซานเหนียงยิ้มอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นหัตถ์โลหิตก็พุ่งทะยานเข้าหา
กู้ชูหน่วนเอียงกาย หลบหัตถ์โลหิตได้สำเร็จ
“โครม……”
พื้นกลายเป็นหลุมจากฝีมือหัตถ์โลหิตทันที ในหลุมส่งกลิ่นไหม้ออกมา คล้ายกับว่ากระทั่งดินก็ยังถูกเผามอดไหม้เลย
“โครม โครม โครม”
ปล่อยหัตถ์โลหิตอีกหลายครั้ง ทว่ากู้ชูหน่วนแค่หลบ ไม่ได้สู้กับอีกฝ่าย
ถึงแม้นางจะหลบได้ทุกครั้ง แต่ทหารอารักขาทั้งสองคนก็เป็นห่วงอย่างสุดแสน และด้วยความที่พวกเขาไม่ได้จดจ่อกับการต่อสู้ จึงถูกสวีเจิ้นใช้ง้าวกรีดนภาแทงทะลุศีรษะ จนตายอย่างเนจอนาถในท้ายที่สุด