เยี่ยเฟิงลุกขึ้นอย่างยากลำบาก “นางคือพระชายาของเทพสงคราม หากพวกเจ้าสังหารนาง เทพสงครามไม่ปล่อยพวกเจ้าแน่”

“ปัง”

ผู้นำกองธงกล้วยไม้ง้างมือตบหน้าเขาเต็มแรง ทำให้หูของเยี่ยเฟิงมีเลือดสดไหลพราก และไม่รู้ว่าแก้วหูของเขาจะเสียหายหรือเปล่า

ผู้นำกองธงกล้วยไม้คว้าคอเสื้อเขา แล้วดึงเข้าใกล้ใบหน้าเหลี่ยมอันโหดร้ายของตน ผู้นำกองธงกล้วยไม้คล้ายกับภูตผีที่โผล่มาจากนรก พูดลอดไรฟันทีละคำ

“เจ้าใส่ใจนางขนาดนี้เลยรึ? เพื่อนางแล้ว เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า เพื่อนางแล้ว เจ้ายอมสละชีวิตของตัวเอง เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ ข้าว่าเจ้าคงลืมฐานะของตัวเองแล้วจริง ๆ”

เสียงเสื้อฉีกขาด

เสื้อที่เต็มไปด้วยเลือดของเยี่ยเฟิงถูกกระชากออก

ยามนี้ผู้นำกองธงกล้วยไม้ใช้แววตากระหายเลือดระคนอหังการจ้องมองเขา

เยี่ยเฟิงกระวนกระวายใจ ภาพในอดีตโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง

เขาบังร่างกายตัวอย่างทุรนทุราย “เจ้าจะทำอะไร”

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ”

“ปล่อยข้า ปล่อย……”

เยี่ยเฟิงรู้สึกอยากตาย

ในป่าหนาทึบแห่งนี้มีคนอยู่มากมาย โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้ากู้ชูหน่วนด้วย หากยามนี้ถูก…….ยังไม่สู้ปลิดชีพเขาทิ้งเลย

“หุบเขาพิศวิญญาณมีคนปรนนิบัติมากมาย แต่ข้าก็โปรดปรานเจ้าคนเดียว แต่เจ้ากลับบังอาจสมคบคิดกับคนนอก บุกโจมตีหุบเขาพิศวิญญาณ และยังคิดจะเอาชีวิตข้าด้วย เสียแรงที่ข้าโปรดปรานเจ้าเพิ่มขึ้นทุกวัน”

ได้ยินคำว่าโปรดปราน ดวงตาเยี่ยเฟิงเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาล

“คำโปรดปรานที่เจ้าว่าก็คือการทรมานข้าซ้ำ ๆ เจ้าเคยดีต่อข้าเมื่อไหร่? อยู่ในหอคุมขังพญาหงส์สิบสามปี ไม่มีวันไหนเลยที่เจ้าไม่เฆี่ยนตีข้า หากสิ่งที่เจ้าเรียกว่าโปรดปรานคือการทำร้ายข้า ข้าไม่เอาจะดีกว่า”

“สารเลว ข้าเฆี่ยนเจ้าถือว่าเป็นเกียรติของเจ้า เจ้าควรซาบซึ้งใจถึงจะถูก”

เดิมทีอาการเยี่ยเฟิงก็สาหัสแล้ว แล้วจะทานต้านผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งได้เยี่ยงใด ผู้นำกองธงกล้วยไม้ที่มีพละกำลังมหาศาล ลงมือไม่กี่ที เขาก็กระดุกกระดิกไม่ได้แล้ว

เขาไม่อาจทนความเจ็บปวดจากการหยามเหยียบได้ เขาอ้าปากเตรียมจะกัดลิ้นตัวเองตาย

ทว่าผู้นำกองธงกล้วยไม้เห็นแล้วก็รีบตัดกรามเขาทิ้ง

เจ็บ……

เจ็บจนน้ำตาไหลริม

แต่ถึงจะเจ็บกายเพียงใดก็สู้ความเจ็บปวดในใจไม่ได้

ทำไม ทำไมเขาถึงหนีไม่พ้น ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์ซ้ำ ๆ เช่นนี้กับเขาด้วย

ทำไมความตายยังเป็นสิ่งที่เขาเอื้อมไม่ถึงด้วย

ผู้นำกองธงกล้วยไม้ตักเตือน “ถ้าเจ้ากล้าตาย ข้าจะให้กู้ชูหน่วนกับยายเฒ่าตาบอดตายไม่สู้อยู่”

น้ำตาไหลพรู ทัศนียภาพพร่าเลือนของเยี่ยเฟิงมองสวีซานเหนียงกำลังต่อสู้กับกู้ชูหน่วนอยู่

กู้ชูหน่วนหลบไปพลาง จ้องมายังเขาพลาง ซึ่งดวงตานางกำลังมีเพลิงโกรธลุกโชน คล้ายกับรู้สึกโกรธขึ้งแทนเขา

นางอยากเข้าไปช่วยเขาหลายครั้ง ทว่าสวีซานเหนียงดันขวางทางนางเสียทุกครั้ง

เยี่ยเฟิงเยียดยิ้มเย้ยหยัน หลับตาอย่างสิ้นหวัง หางตามีน้ำตาหยดลงไป เขารอให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้ทารุณเงียบ ๆ

“ไร้ยางอาย”

กู้ชูหน่วนปาลูกดอกชิ้นสุดท้ายออกไป

ทว่าลูกดอกไปไม่ถึงตัวผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็กระเด็นลอยไปอีกทางเสียแล้ว

สวีเจิ้นกับประมุขวิญญาณมืดยืนดูละครอย่างหน้าระรื่น

สวีซานเหนียงแย้มยิ้มกล่าว “แม่หนู คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า อย่าสนใจสิ่งอื่นสิ”