ตอนที่ 579 แต่ว่าฉันชอบพี่ / ตอนที่ 580 คู่หมั้นของฉันขี้หึงมาก

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 579 แต่ว่าฉันชอบพี่

 

 

“แต่เขาทิ้งคำพูดหนึ่งไว้อย่างตรงไปตรงมามากว่าเธอคือคนที่เขาอยากแต่งงานด้วย ฉันเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา เขาบอกฉันว่าเพราะรักและเคารพจึงหวังว่าฉันจะชอบเธอ ฉันจะยอมให้พวกเธอคบกัน ถ้าฉันไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย เขาก็ยังจะแต่งกับเธอ คำพูดนี้ฟังแล้วก็โมโหขึ้นมา…”

 

 

ราวกับว่าหาพันธมิตรเจอแล้ว ชายแก่แฉหลานชายของตนเอง

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้าเห็นด้วย “นอกจากเอาแต่ใจนิดหน่อยแล้วยังค่อนข้างน่าเบื่อด้วย ถามอะไรเขาไปตอบสั้นได้ก็สั้น ถ้าไม่รู้จักเขาดีก็จะคิดว่าเขาเป็นผู้ต้องหาทุกวินาทีเลยเสียจริงๆ”

 

 

ตอนที่พูดแบบนี้ในสมองของเธอปรากฏภาพตอนที่รู้จักฟังจือหันเป็นครั้งแรก

 

 

ชายแก่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้แล้ว “ทำไมถึงเป็นผู้ต้องหากันล่ะ”

 

 

“ฉันจะบอกท่านให้นะคะ…” อวี๋กานกานขยับที่นั่ง ใกล้กับชายแก่เข้าไปนิดหน่อย “ตอนที่เพิ่งฟื้นจากการประสบอุบัติเหตุที่โรงพยาบาลจู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งบอกกับฉันว่าเขาเป็นสามีฉัน ตอนท้ายยังบังคับจะอยู่บ้านฉัน รู้รหัสบ้านฉัน…”

 

 

เธอเล่ารายละเอียดยิบย่อยตอนที่รู้จักกับฟังจือหันให้ชายแก่ฟังทั้งหมด

 

 

ไม่คาดคิดเลยว่าชายแก่ฟังอยู่ จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “ไม่ผิดเลย เป็นสไตล์ของตระกูลฟัง! ผู้หญิงคนเดียวก็รับมือไม่ได้ งั้นยังจะคู่ควรกับผู้ชายของตระกูลฟังของเราเหรอ?!”

 

 

อวี๋กานกานมีสีหน้าจนปัญญา “…”

 

 

เธอกำลังฟ้องอยู่โอเคไหม

 

 

ชายแก่กลับยินดีปรีดา ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันเสียจริง!

 

 

“เขามีความกล้า ชาญฉลาดใจเย็นและเด็ดขาดอยู่เสมอ!” สีหน้าของชายแก่มีตัวอักษรตัวหนาเขียนไว้ว่า รีบมาชมฟังจือหันรีบมาชมสิ!

 

 

อวี๋กานกานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “…”

 

 

ขณะเดียวกันฟังจือหันเจอกับหลิงนีที่ระเบียงทางเดินเข้า

 

 

พูดอย่างมั่นใจยิ่งกว่าว่าหลิงนีรออยู่ตรงนี้ เห็นฟังจือหันก็เดินเข้ามาหาในทันที “พี่หัน”

 

 

ฟังจือหันหยุดย่างก้าว ห่างมากกว่าสองเมตรและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “มีธุระอะไร”

 

 

หลิงนีมีสีหน้าวิตกกังวล จะพูดแต่ก็หยุดไปเสีย

 

 

เธอเม้มปาก อยากจะพูดแต่กลับไม่รู้จะพูดอะไร ใบหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น เหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาหมดแล้ว

 

 

ฟังจือหันเหมือนจะทนไม่ค่อยไหวแล้ว “ถ้าไม่มีธุระอะไร งั้นฉันขอตัวก่อน”

 

 

เห็นฟังจือหันจะไปแล้ว หลิงนีรีบพูดออกมา “รอก่อน ฉันมีเรื่องจะพูดกับพี่”

 

 

ฟังจือหันมองเธออีกทั้งรักษาระยะห่างตามมารยาทพร้อมกับรออย่างเงียบๆ ให้เธอพูดออกมา “…”

 

 

หลิงนีเอ่ยถามอย่างปวดใจ “ปู่ฟังชอบหมอแผนจีนคนนั้นมาก เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ให้พี่หมั้นกับเธอเหรอ”

 

 

ฟังจือหันขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเย็นชา “นี่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเธอ”

 

 

สีหน้าของหลิงนีแปรเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าขาวซีดดาวกับไร้สีเลือด ปลายจมูกแสบพร่า น้ำเสียงขมขื่น “ฉะ ฉัน…ฉันนึกว่าพวกเรา…”

 

 

พวกเรา? สองคำนี้เดิมไม่เหมาะใช้ระหว่างพวกเขาอยู่แล้ว

 

 

ฟังจือหันไม่สนใจเธอ เอียงตัวหลบเธอต้องการจะจากไป

 

 

หลิงนีหันไปเรียกเอาไว้ “ฉันนึกว่าระหว่างพวกเราไม่เหมือนกับคนอื่น แต่วันนี้ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมพี่ถึงได้…”

 

 

เธอชอบเขาขนาดนั้น ชอบตั้งแต่เล็กจนโต เขาค่อนข้างเย็นชา พูดน้อย พูดกับใครก็ไม่เกินสองประโยค แต่ความสัมพันธ์กับเธอก็ไม่แย่เลย

 

 

ตอนที่คนอื่นล้อพวกเขา เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ

 

 

เธอนึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นมิตรภาพที่พัฒนาไป ไม่เชิงคนรัก ขาดแค่เวลาเท่านั้น

 

 

ฟังจือหันหยุดเดิน หันไปมองเธอ “วันนี้เป็นงานหมั้นของฉัน คำพูดที่ไม่เหมาะกับสถานการณ์ขอร้องอย่าได้พูดอีก”

 

 

“แต่ว่าฉันชอบพี่ ไม่มีทางที่พี่จะไม่รู้ ฉันรอพี่มาโดยตลอด รอพี่อยู่เสมอ…” หลิงนีพูดพลางร้องไห้ออกมาอย่างเสียการควบคุม

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 580 คู่หมั้นของฉันขี้หึงมาก

 

 

สีหน้าของฟังจือหันเย็นชายิ่งขึ้น ถึงขั้นค่อนข้างทนไม่ไหวแล้ว

 

 

สายตาที่ทอดไปบนตัวของหลิงนีราวกับน้ำแข็งจับตัวหนาชั้นหนึ่ง “ฉันมีคู่หมั้น เมื่อนานมากแล้วฉันก็เคยบอกไปให้เธอช่วยอยู่ห่างจากฉันหน่อย ฉันไม่อยากให้คู่หมั้นของฉันเข้าใจผิด”

 

 

หลิงนีน้ำตานองหน้า ยืนอึ้งอยู่กับที่

 

 

คู่หมั้น?!

 

 

เมื่อนานมากแล้วคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาจะเคยพูดแบบนี้จริง แต่ไม่มีใครคิดว่าเป็นความจริง ทุกคนต่างคิดว่าเขาพูดแค่เป็นการหลบเลี่ยงเท่านั้น

 

 

เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามเขาก็อยู่คนเดียว ไม่ต้องพูดถึงเด็กผู้หญิงข้างกายเลย แม้แต่เงาของเด็กผู้ชายก็ไม่มีสักคน

 

 

ไปไหนมาไหนลำพัง จับกลุ่มไม่บ่อย

 

 

เป็นไปไม่ได้เลย คนที่เขาพูดถึงทั้งหมดในตอนนั้นจะเป็นหมอแผนจีนคนนี้เหรอ?!

 

 

หมอแผนจีนคนนี้แน่นอนว่ารักษาอาการป่วยของชายแก่จนหายดี ชายแก่ถึงได้แนะนำให้พวกเขารู้จักกัน

 

 

หลิงนีพูดอย่างขุ่นเคือง “พี่ใช่ฟังจือหันไหม พี่กลับพูดโกหกเพื่อผู้หญิงคนนี้ เมื่อกี้ตอนที่เธอเข้ามาก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไม่มีใครรู้จักเลย ยืนอยู่กลางห้องจัดเลี้ยงด้วยท่าทางเงอะงะ ถ้าเธอเป็นคู่หมั้นของพี่ จะเป็นไปได้ยังไงที่พี่ให้เธอมาบ้านฟังคนเดียว?!”

 

 

“เธอเป็นใคร ทำไมฉันต้องบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ และเธอมีสิทธิอะไรมารู้เรื่องพวกนี้!” ฟังจือหันไม่อยากจะพูดกับเธอให้มาก

 

 

ขณะนั้นจางอี๋เสวี่ยซึ่งหลบอยู่ด้านข้างทนฟังไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงเดินออกมาซักถาม “ฟังจือหัน เพื่อหมอแผนจีนคนหนึ่ง นายก็ไม่ควรพูดกับหลิงนีแบบนี้ พวกนายสองคนเป็นคู่รักตั้งแต่เด็กที่เติบโตมาด้วยกัน!”

 

 

“เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับคู่หมั้นต่างหากที่เป็นคู่รักตั้งแต่เด็กเติบโตมาด้วยกัน ส่วนเธอ…” สายตาของฟังจือหันจับไปที่ตัวหลิงนี ใบหน้าหล่อนั้นอวดดีฉายแววประชดจางๆ “ไม่สนิทเลยสักนิด”

 

 

ทุกคำทุกประโยคราวกับมีดคมแทงลงมากลางใจ สีหน้าของหลิงนี “พรึ่บ” ซีดเผือดดุจหิมะในชั่วพริบตา

 

 

ข้างกายยังมีจางอี๋เสวี่ย ทำไมเขาถึงไม่เห็นแก่หน้าเลยสักนิด พูดจาเหน็บแนมแบบนี้

 

 

ฟังจือหันก้าวออกไปมุ่งไปข้างหน้าต่อ

 

 

แต่ก่อนเขานึกว่าพูดเป็นนัยก็ชัดเจนพอแล้ว ไม่คิดเลยว่ามีบางคนที่คิดไปเองว่าใช่แบบนี้

 

 

จริงที่วิธีการสำหรับปฏิเสธผู้หญิงบางส่วนที่ชอบตามตื๊อไม่อาจอ้อมค้อมจนเกินไป ไม่อย่างนั้นรังแต่จจะทำให้คุณอึดอัดใจ

 

 

“พี่หัน…พี่ไม่ได้ชอบฉันเลยสักนิดจริงๆ เหรอ ต่อให้พวกเราไม่ใช่คู่ตั้งแต่เด็ก แต่ก็ถือว่าโตมาด้วยกัน หรือพี่มองไม่เห็นความจริงใจที่ฉันมีให้พี่เลยจริงๆ หมอแผนจีนคนนั้นมีอะไรดี หน้าตาเย่อหยิ่ง คิดว่าตัวเองรักษาโรคได้จะเก่งสักเท่าไหร่เชียว ที่จริงก็แค่คนชั้นต่ำคนหนึ่ง”

 

 

“หุบปาก!”

 

 

ร่างสูงโปร่งผึ่งผายหยุดนิ่ง

 

 

ฟังจือหันพูดขัดคำพูดของเธอ เอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เห็นแก่หน้าตาของผู้ใหญ่ตระกูลหลิง วันนี้ฉันจะไม่เถียงกับเธอ แต่ว่ารบกวนจำไว้ด้วยว่าเธอก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปพูดจาต้องมีขอบเขต ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเป็นภัยต่อตัวเองเป็นภัยต่อทั้งตระกูล”

 

 

เขาไม่ได้หันหน้ามา แค่ใช้หางตาเหลือบมองทั้งคู่แวบเดียว “คู่หมั้นของฉันเป็นคนขี้หึง เห็นฉันคุยกับผู้หญิงคนอื่นก็จะทะเลาะกับฉัน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา งั้นแม้แต่หน้าตาของผู้ใหญ่ตระกูลหลิงฉันก็ไม่ไว้หน้าแน่!”

 

 

ครั้งนี้เดินออกไปโดยไม่หันหน้ากลับมาแล้ว

 

 

มองแผ่นหลังฟังจือหันที่เลือดเย็นและจากไปโดยไร้ความอาลัยอาวรณ์ ครู่เดียวหลิงนีก็ร้องไห้ออกมา

 

 

ทำไมเป็นแบบนี้

 

 

ไม่จริง ทุกอย่างเป็นแค่ข้ออ้าง!

 

 

แต่ว่าใช้ข้ออ้างแบบนี้กับเธอไม่ใช่ว่ากำลังปฏิเสธเธอหรอกเหรอ

 

 

เธอสลักผู้ชายคนนี้เอาไว้ในใจ ประทับลงบนกระดูกและเลือด แต่เธอกลับเป็นแค่มุมเล็กมากๆ ที่พื้นหลังชีวิตของผู้ชายคนนี้ แม้กระทั่งทิวทัศน์ก็ยังไม่นับ

 

 

ช่างน่าสลดใจน่าเศร้าใจเหลือเกิน!