บทที่ 336
บทที่ 336

คำพูดนั้นทำให้ถังหยินหัวเราะออกมาดัง ๆ เขาเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ข้าจะไปส่งเจ้าเอง วันนี้ยังอีกยาวไกล” หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดราวกับว่าเขากำลังพึมพำกับตัวเอง “ตอนนี้อากาศของเบสซ่าคงหนาวมาก หลังออกจากแคว้นแล้ว เจ้าควรจะหาเสื้อหนา ๆ มาใส่”

มันยากมากที่จะได้ยินคำพูดหวาน ๆ จากปากของถังหยิน ดังนั้นจึงทำให้นางประหลาดใจไม่น้อย ก่อนที่ชัวน่าจะยิ้มหวานให้เขาและพูดว่า “ข้าชินแล้วล่ะ ก็อาศัยอยู่ที่เบสซ่ามาเกือบ 20 ปีแล้วนี่”

ถังหยินพยักหน้า พูดเบา ๆ “มันย่อมดีกว่าที่จะให้ความสนใจมากขึ้น”

“เจ้าจะมาที่เบสซ่าเมื่อไหร่ ?” ชัวน่าเปลี่ยนหัวข้อและถามออกมา

“อ๋อ ?” ถังหยินไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวออกมาว่า “ไม่เกิน 1 ปี”

“ได้ ! ข้าจะรอเจ้า ! ” ชัวน่าพยักหน้าและพูดราวกับว่านางให้สัญญา

ถังหยินมองชัวน่าที่ยิ้มแย้ม และสบดวงตาสีเขียวหยกของนางครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วจึงก้มศีรษะลง “ข้าจะไปแน่นอน !”

ชัวน่าจากไปภายใต้การคุ้มกัน ส่วนถังหยินก็ไม่มีเวลาพอจะจัดการความเศร้าโศก เขาต้องทิ้งอารมณ์ความรู้สึกที่ว่าไว้ข้างหลัง และกลับเข้าสู่การต่อสู้ในทันที !

กองทัพใหญ่ออกเดินทางตั้งแต่เช้า ก่อนที่ไม่กี่วันต่อมาจะมาถึงภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์

เมื่อสังเกตภูมิประเทศของภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์ดี ๆ สถานที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในชัยภูมิที่ดีไม่น้อย ด้วยมันมีความสูงชันและอยู่ติดกับเส้นทางหลัก

ถังหยินพยักหน้าอย่างลับ ๆ เมื่อเห็นโดยรอบจนทั่วแล้ว ก่อนที่เขาจะกลับไปที่ค่าย และเรียกแม่ทัพทุกคนเข้ามา

ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ จากนั้นทำการหยิบก้อนหินขึ้นมา และวางมันลงบนพื้นพร้อมกับลากเส้นด้วยนิ้ว ก่อนจะเอียงศีรษะและพูดกับมูฉิง “ท่านแม่ทัพมูจะนำทหารออกไป เพื่อแสร้งโจมตีค่ายที่เชิงเขา ในขณะที่ข้าจะนำกองทัพของข้าเองเร่งขึ้นภูเขาเพื่อโจมตีค่ายศัตรูและล่อให้มันใช้รถศึก”

ใบหน้าของมูฉิงเปลี่ยนไป เขาพูดแทรกและโค้งคำนับทันที “นายท่าน ท่านสามารถใช้คลื่นศรทะลวงเป็นสัญญาณได้ !”

คลื่นศรทะลวงที่ว่าเป็นคันธนูและลูกศรที่สั่งทำพิเศษ หางของมันว่างเปล่าและมีรูสลักอยู่ ทำให้หลังจากที่มันถูกยิงออกไป มันจะเปล่งเสียงกรีดร้องอันแหลมคมในอากาศ เหมาะแก่การส่งสัญญาณ

ถังหยินพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ ! เราจะใช้เสียงของลูกศรเป็นสัญญาณ !”

ทันใดนั้นกู่เยว่ก็พลันชิงกล่าวว่า “นายท่าน ครั้งนี้มันอันตรายเกินไป ข้าจะนำทัพให้เอง !”

อีกฝ่ายใช้รถศึกและหินบนภูเขา มันอันตรายเกินไป หากมีข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจได้รับบาดเจ็บหนักได้ ดังนั้นถังหยินจึงกังวลมากเกี่ยวกับกู่เยว่ “ครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้จริง ๆ ข้าเพียงแค่ทดสอบความแข็งแกร่งของศัตรูเท่านั้น”

เมื่อเห็นว่าท่าทีแน่วแน่ของถังหยิน กู่เยว่ก็ไม่เถียงอีกต่อไปและยกมือขึ้น ทว่าก็เป็นถังหยินที่ถามขึ้นมาก่อน “กองทัพปิงหยวนตามมาด้วยหรือไม่ ?”

“ขอรับ นายท่าน !” มูฉิงและกู่เยว่กล่าวขณะที่พยักหน้าพร้อมกัน

“ดีมาก !” ถังหยินเว้นช่วง ก่อนจะกล่าวต่อ “เอาละ ไปพักผ่อนเสีย ไว้ค่อยโจมตีในตอนกลางคืน !”

“ขอรับท่าน !” แม่ทัพโดยรอบตอบรับโดยพร้อมเพรียงกัน

ไม่มีอะไรจะพูดในระหว่างวันอีกแล้ว ดังนั้นเมื่อตกกลางคืนกองทัพเทียนหยวนจึงออกจากค่ายตามคำสั่งของถังหยินและเริ่มเข้าใกล้ค่ายของกองทัพเปิง

ครั้งนี้กองทัพเทียนหยวนไม่เหมือนกองทัพฉีเฟิงที่เปิดการโจมตีในทันที หลังจากเข้าสู่ระยะ กองทัพเทียนหยวนก็พลันหยุดเคลื่อนไหว ก่อนที่พวกทหารจะดึงลูกศรออกมาและให้สหายข้าง ๆ จุดไฟแล้วจึงทำท่าเล็งไปที่กองทัพเปิง

ทันใดนั้นลูกศรนับหมื่นก็พลันพุ่งออกมาจากขบวนทัพของเทียนหยวน พุ่งตรงเข้าใส่ค่ายของกองทัพเปิง

ไม่ว่าจะเป็นกำแพงหรือค่ายทหาร ถ้าพวกเขาโดนลูกศรเข้าไป หากไม่ดับทันเวลาไฟก็จะลุกลามออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อทหารรีบออกจากที่กำบังเพื่อช่วยดับไฟ พวกเขาก็จะถูกฝนลูกธนูและกลายเป็นเหมือนเม่นอย่างรวดเร็ว !!

ลูกธนูในระลอกนี้เฉียบคมมาก ไม่เพียงแต่มันจะเดินทางไปได้ไกลเท่านั้น ลูกธนูยังว่องไวอีกด้วย จนแทบไม่มีช่องว่างให้หลบ และเทียบได้กับการโจมตีของพวกหนิงเลยทีเดียว !

กองพันของกองทัพเปิงถูกกองทัพเทียนหยวนยิงอย่างดุเดือด ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้นิ่งเฉย ทำการยิงสวนกลับไปเช่นกัน แต่เมื่อเทียบฝีมือกันแล้วนั้น พวกเปิงก็ไม่อาจเทียบได้กับฝั่งกองทัพเทียนหยวนเลย !

การยิงธนู ใช้คมหอก และทักษะดาบนั้นต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ทว่าทหารเปิงพวกนี้แทบจะเป็นคนธรรมที่ถูกบังคับให้มารบ แล้วแบบนี้การโจมตีของพวกเขาจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ?

…ลูกศรที่ยิงโดยกองทัพเปิงไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสกับทหารแถวหน้าสุดของกองทัพเทียนหยวนเลยด้วยซ้ำ !!!

และเมื่อถังหยินเห็นจังหวะเหมาะสม เขาก็ไม่รอช้า ยกชูดาบขึ้นฟ้าแล้วร้องตะโกนออกมา “เทียนหยวนประจันบาน !!”

ตามเสียงตะโกนของเขา กองทัพเทียนหยวนทั้ง 5 หมื่นนายกับกองทัพรอบ ๆ อีกราว ๆ 2 หมื่นนายก็พากันหยิบหอกและดาบขึ้นมา ก่อนจะร้องคำรามขณะที่พุ่งไปข้างหน้า ! ส่วนที่เหลือก็ยังคงอยู่ที่เดิมและใช้ธนูเพื่อสนับสนุน

แม้ว่าจะเป็นการหยอกไก่และไม่ได้ระดมพลทั้งหมดมา แต่การรุกของทหารราบก็ยังคงรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้กองทัพเปิงไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้เลย !

อีกด้านหนึ่ง ถังหยินก็ได้นำกองกำลังใต้บังคับบัญชาโดยตรง 2 หมื่นนายเดินวนรอบฐานบริเวณเชิงเขา ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว !!!

ชายหนุ่มไม่ได้นำทหารมากนัก และข้างนอกมันก็มืดแล้ว ทำให้เมื่อมองลงมาจากยอดเขา ก็จะเห็นเพียงมวลสีดำด้านล่างแต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีศัตรูกี่คน จีหยิงที่อยู่ในค่ายจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีศัตรูจำนวนเท่าใดที่พุ่งเข้ามาหาเขา !

อย่างไรก็ตาม จีหยิงก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาหันไปสั่งให้ทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาช่วยกันผลักรถศึกสิบคันออกมาเตรียม เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของศัตรู

ในไม่ช้าพวกทหารกองทัพเปิงกว่าร้อยคนก็ได้ผลักรถศึกนับสิบคันออกไป ก่อนที่รถศึกจะค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้น และเร่งความเร็วจนเป็นดั่งสายฟ้าที่ผ่าเสียงดังก้องพุ่งลงจากภูเขา !!!

ถังหยินมีดวงตาสำหรับมองในความมืด ดังนั้นเขาจึงมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน และเมื่อเห็นรถศึก 10 คันพุ่งลงมาจากภูเขาดวงตาของเขาก็พลันหรี่ลง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโบกมือให้ทหารที่อยู่ข้างหลัง “ออกไปให้พ้น รถศึกของศัตรูกำลังลงมา !”

เมื่อได้ยินคำเตือนของถังหยิน ทหารผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงที่เตรียมการอย่างดีจำนวน 2 หมื่นนายทั้งหมดก็พากันย้ายไปที่ด้านข้างของเนินเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อเรื่องเป็นเช่นนั้น กู่เยว่ที่มาพร้อมกับถังหยินก็ได้หยิบคันธนูและลูกศรของเขาขึ้นมาทันที ก่อนตั้งท่าจะปล่อยลูกศรออกไปเพื่อแจ้งกองทัพที่อยู่ด้านล่างภูเขา

เมื่อเห็นเช่นนั้น ถังหยินก็พลันขยับคว้าจับข้อมือกู่เยว่และส่ายหัว “อย่าเพิ่งยิงธนู !”

ศัตรูใช้รถศึกเพียงสิบคันเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่การหยั่งเชิง หากเขายิงธนูเพื่อเตือน …มันจะเป็นการกระตุ้นความระมัดระวังของศัตรูอย่างแน่นอน !

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู่เยว่ก็ตกใจ เขาพูดอย่างกระวนกระวาย “นายท่าน ถ้าเรายังไม่ยิงธนูออกไปตอนนี้ พวกเราจะเสียเปรียบนะขอรับ !”

ถังหยินไม่ตอบกลับ เขาผลักกู่เยว่ออกไปและพูดว่า “ถอยไปก่อน !” เมื่อพูดจบ เขาก็หันไปเรียกคนผู้หนึ่ง “จ้านหู !”

“อยู่นี่ !” ตามคำตอบที่ดังและชัดเจน จ้านหูก็ได้พาร่างใหญ่ของเขาออกมาจากฝูงทหารที่อยู่ข้างหลัง

“เจ้ากับข้า มาช่วยกันสกัดกั้นรถศึกด้วยกัน !” ในขณะที่ถังหยินพูดเขาก็ได้เปลี่ยนดาบในมือให้กลายเป็นเคียว

“ขอรับ นายท่าน !” จ้านหูรับคำ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ถังหยินและวางค้อนขนาดใหญ่ของตนลงบนพื้น จนทำให้เกิดเสียงดังตึ้ง

ในไม่ช้า รถศึกคันแรกก็ได้พุ่งเข้าหาถังหยินเหมือนพายุทอร์นาโด !

ทว่าถังหยินไม่ได้หลบ เขายืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะใช้เคียวในมือตวัดออกพลางตะโกนว่า “หยุด !”

แคร้ง ! แคร้ง !

เคียวถูกแทงเข้าไปที่ด้านหน้ารถศึก ทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และเกิดเสียงที่อึกทึกตามมาติด ๆ

ถังหยินไม่รู้ว่าแรงกระแทกนั้นรุนแรงแค่ไหน แต่เขารู้สึกราวกับว่าตนเองแทงใบมีดเข้ากับหัวรถจักรความเร็วสูง ทำให้ร่างของชายหนุ่มที่สวมใส่เกราะปราณถอยหลังไป 1 จั้ง พร้อมกับเกราะปราณบริเวณมือที่แตกออก ก่อนจะตามมาด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากรอยแตกของเกราะปราณที่หยดลงบนพื้น