ตอนที่ 529 แฟนหนุ่มที่กำลังทำงาน
กลางดึก ภายในบาร์แห่งหนึ่ง
ฉีเซ่าหยวนเพิ่งออกไปได้ไม่นานก็ได้รับสายจากเว่ยสวีเฟิง อีกฝ่ายนัดให้เขาไปที่บาร์เพื่อดื่มเหล้า
คิดว่าเรื่องในคืนนี้คงสร้างความสะเทือนใจให้เขาไม่น้อย
เว่ยสวีเฟิงกรอกเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่ “ฉันนึกว่าครั้งนี้จะได้เจอบอส จริงๆ แล้วเสียอีก แถมยังใช้เวลาตั้งหลายวันเพื่อเตรียมของขวัญให้เป็นพิเศษอีกด้วย…”
ฉีเซ่าหยวนตบบ่าเว่ยสวีเฟิง “ระงับความเศร้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงเถอะนะ!”
เว่ยสวีเฟิงกลอกตาค้อนเขาอย่างอารมณ์เสีย “หรือนายไม่ผิดหวังเลยสักนิด ไม่เสียใจสักนิดเลยเหรอ? นายมันแฟนคลับตัวปลอม! ไม่คู่ควรที่จะชอบบอสเลย!”
ฉีเซ่าหยวนใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “อะไร?? ฉันเนี่ยนะเป็นแฟนคลับตัวปลอม?”
เป็นโจรที่ร้องจับโจรเอง ช่างร้ายกาจจริงๆ …
“ถ้าไม่ใช่แฟนคลับตัวปลอมแล้วจะเป็นอะไรได้อีก? นายเตรียมของขวัญอะไรให้บอส? กลับเป็นของเลียนแบบซะได้!” เว่ยสวีเฟิงพร่ำบ่น
ฉีเซ่าหยวนแสดงสีหน้าอับจนคำพูด เอาของเลียนแบบให้ของเลียนแบบ มีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?
เพียงแต่น่าเสียดายที่เว่ยสวีเฟิงไม่มีทางรู้ว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวปลอม!
ฉีเซ่าหยวนไม่ได้อธิบาย เขามองเว่ยสวีเฟิงที่เมาเละเทะด้วยความรู้สึกเห็นใจอย่างยิ่ง “ที่จริงนะ นายไม่ได้เสียหายเลยสักนิด! ที่ควรได้เจอก็ได้เจอไปแล้ว…”
อันที่จริงการมาร่วมงานครั้งนี้ บรรดาแขกผู้มีเกียรติพวกนั้นได้เห็นเยวาตัวจริงไปแล้ว ไม่มีปัญหาเลยสักนิดเดียว!
…
หลินเยียนเสียเวลากว่าครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็ไล่ซุนซั่วหรันที่ทำตัวเกาะติดแจไปได้เสียที จากนั้นก็รีบกลับไปที่คฤหาสน์เมฆ
หลินเยียนหาเอกสารฉบับนั้นในลิ้นชักตามที่เผยอวี้เฉิงบอกเอาไว้จนเจอ จากนั้นก็รีบไปที่เจเอ็ม คอร์เปอเรชั่น
ภายในตึกใหญ่ของบริษัทปราศจากผู้คนแล้ว เฉิงมั่วซึ่งรออยู่ด้านล่างตึกมาตั้งแต่แรกพาหลินเยียนขึ้นไปชั้นบนสุด
“ดึกขนาดนี้แล้วคุณเผยยังทำงานล่วงเวลาอีกเหรอ?” หลินเยียนถาม
เฉิงมั่วผงกศีรษะ “ใช่ครับ ช่วงนี้บริษัทค่อนข้างยุ่ง คุณหลิน เชิญทางนี้ครับ”
ทั้งสองคนสนทนาไปพลางเดินออกจากลิฟต์ไปพลาง เดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานที่อยู่สุดระเบียงทางเดิน
“ก็อกๆๆ ”
เฉิงมั่วเคาะประตูห้องทำงาน “ประธานเผย คุณหลินมาแล้วครับ”
“เข้ามาได้” เสียงแหบพร่าน่าฟังของชายหนุ่มดังออกมาจากด้านในห้องทำงาน
หลินเยียนเดินตามเฉิงมั่วเข้าไป
ชั่วพริบตาที่ผลักประตู สิ่งที่ปรากฏภายในดวงตาก็คือบานหน้าต่างขนาดยักษ์บานหนึ่ง ด้านนอกคือแสงไฟจากอาคารบ้านเรือนต่างๆ แสงไฟนีออนสว่างวิบวับ ส่วนภายในนั้น เบื้องหน้าเป็นแสงโคมไฟหรุบหรู่ ชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานด้วยท่าทางสบายๆ และเกียจคร้าน เสื้อสูทพาดอยู่บนพนักเก้าอี้ด้านหลัง แขนเสื้อถูกพับขึ้นอย่างลวกๆ ทบหนึ่ง ส่วนบนโต๊ะนั้นก็เต็มไปด้วยเอกสารสารพัดอย่าง
หลินเยียนมาห้องทำงานเผยอวี้เฉิงเป็นครั้งแรก และได้เห็นเผยอวี้เฉิงที่กำลังอยู่ในโหมดทำงานในบริษัทเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน
มิน่าคนเขาถึงพูดว่าผู้ชายที่กำลังทำงานอยู่เซ็กซี่มากที่สุด…
หลินเยียนในตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงอนาคตของตัวเองอยู่บ้างแล้วจริงๆ เผยอวี้เฉิงที่ดึงค่ามาตรฐานแฟนหนุ่มให้สูงขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดแบบนี้ วันหลังถ้าเธอเลิกรากับเผยอวี้เฉิง ยังจะมีความรักต่อไปได้อีกเหรอ…
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมาถึงแล้ว ชายหนุ่มถึงเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร นิ้วมือเรียวยาววางปากกาหมึกซึมที่อยู่ในมือลง จากนั้นก็ถอดแว่นตากรอบทอง นวดหัวคิ้วพร้อมพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษนะคุณหลินที่ต้องรบกวนกลางดึก เพราะมันสำคัญมากๆ เลยได้แต่ต้องฝากฝังเธอ”
หลินเยียนได้สติกลับคืนมา รีบโบกมือพร้อมตอบกลับไปว่า “ไม่รบกวนๆ ก็แค่เอาของมาส่งเองค่ะ!”
หลินเยียนพูดพลางรีบเดินเอาเอกสารไปให้ “คุณเผย คุณลองดูสักหน่อยว่าใช่เอกสารหรือเปล่าค่ะ?”
เผยอวี้เฉิงเพียงกวาดตามองลวกๆ ครั้งหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็วางลงด้านข้าง
หลินเยียนเห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ของสำคัญมากขนาดนี้ คุณเผยคุณเปิดดูสักหน่อยเถอะค่ะ ถ้าฉันหยิบผิดมาล่ะคะ?”
ตอนที่ 530 คุณหลิน ที่สำคัญน่ะคือคุณ
เผยอวี้เฉิง “ไม่มีทางผิด”
หลินเยียนแน่ใจว่าเมื่อกี้เผยอวี้เฉิงไม่ได้มองเอกสารฉบับนั้นแม้แต่แวบเดียวด้วยซ้ำ
ขณะที่กำลังจะพูดต่อไป ขณะนี้เองเฉิงมั่วที่อยู่ด้านข้างก็กวาดตามองเห็นเอกสาร จากนั้นก็พูดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ “นี่ไม่ใช่เอกสารที่ยกเลิกไปแล้วฉบับนั้นเหรอครับ…ประธานเผย ทำไมคุณถึงยังต้องการ เอกสารฉบับนี้อีกล่ะ…”
หลินเยียนเมื่อได้ยินก็บังเกิดความงุนงง “หา? ยกเลิก?”
อย่าว่าแต่หลินเยียนเลย แม้แต่เฉิงมั่วเองก็งุนงงเช่นเดียวกัน ตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองน่าจะพูดมากไปแล้ว
ประธานจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาทำแบบนี้ จะต้องมีเหตุผลอันล้ำลึกของเขาเองถึงจะถูก ดังนั้นจึงรีบก้มหน้าเงียบงันไม่พูดไม่จาทันที
“แต่คุณเผยบอกว่าสำคัญมากเลยนะ…” หลินเยียนพูดด้วยความสงสัย
เผยอวี้เฉิงเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า “คุณหลินเข้าใจผิดแล้ว ที่ฉันพูดว่าสำคัญน่ะหมายถึงคนที่ส่งเอกสาร”
หลินเยียนกะพริบตา “หา…?”
“ฉันแค่อยากเจอคุณหลิน ดังนั้นไม่ว่าคุณหลินจะเอาอะไรมาก็เหมือนกันทั้งนั้น” เผยอวี้เฉิงพูดต่อ ดวงตาที่อยู่ด้านหลังแว่นตากรอบทองน่าลุ่มหลงเฉกเช่นราตรีที่อยู่นอกหน้าต่าง
รู้ดีว่าไม่อาจทำตัวอ้อมค้อมกับหลินเยียน ดังนั้นเผยอวี้เฉิงจึงไม่ได้ปิดบังเจตนาของตัวเองแม้แต่น้อย
จริงดังคาด ตอนนี้ในที่สุดหลินเยียนก็เข้าใจเลย เธอไอสำลักขึ้นมาทันที “แค่กๆๆ…”
พับผ่าสิ! เผยอวี้เฉิงตรงไปตรงมาเกินไปแล้วรึเปล่า ต่อให้เธอค่อนข้างชินแล้วก็ตาม แต่ก็ยังรับไม่ไหวอยู่บ้างเช่นกัน…
จะอ้อมค้อม…สักหน่อยไม่ได้หรือไง
เอาเถอะ ถ้าอ้อมค้อมมากเกินไป สงสัยว่าเธอคงฟังไม่เข้าใจจริงๆ…
ส่วนเฉิงมั่วที่อยู่ด้านข้างซึ่งเดิมทียังพยายามครุ่นคิดถึงเจตนาของประธาน ตอนนี้กำลังกำลังก้มหน้ากลืนน้ำลายดูคนจีบกันอย่างเงียบๆ
เสียทีที่เขาเค้นสมองคิดมาตั้งนาน แต่ดันคิดไม่ถึงว่าประธานจะ…มีเจตนาล้ำลึกมากขนาดนี้จริงๆ…
หลินเยียนลูบไปหน้าที่ร้อนลวกโดยอัตโนมัติ รู้สึกว่าตัวเองช่างไม่ได้เรื่องเสียเหลือเกิน
ถึงอย่างไรก็คบกันมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว เธอมีอะไรให้ตื่นกลัวกันนะ!
ก็แค่มาเยี่ยมที่บริษัทเท่านั้นเองนี่นา!
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติของการคบกันอย่างนั้นเหรอ
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอได้รับการฝากฝังจากซิงเฉิน ยังต้องเพิ่มค่าความรู้สึกดีๆ ให้มากขึ้นอีก…
ดังนั้นหลินเยียนจึงสูดลมหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่งเพื่อทำให้ตัวเองสงบเยือกเย็น จากนั้นก็ยิ้มแย้มพร้อมเอ่ยปากพูดขึ้นมาทันที “แค่ก คุณเผย ถ้าคุณอยากเจอฉัน อันที่จริงก็บอกฉันตามตรงเลยก็ได้นี่คะ ที่จริงแล้วฉันก็คิดถึงคุณมากเหมือนกัน ฉันแค่กลัวว่าถ้ามาบริษัทแล้วจะไม่สะดวกเท่านั้นเอง…”
เผยอวี้เฉิงมองหญิงสาวด้วยท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ไม่หรอก ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ”
เฉิงมั่วลูบจมูก แอบคิดในใจว่าต้องไม่อยู่แล้ว ต่อให้ไม่สะดวก เขาก็เชื่อว่าเพื่อความสะดวกแล้ว ประธานจะให้เจเอ็ม คอร์เปอเรชั่นหยุดการทำงานชั่วคราวแน่
“จริงสิคะ คุณเผย คุณยังต้องทำงานอีกนานแค่ไหน ไม่อย่างนั้นฉันรอคุณก็ได้ เดี๋ยวพวกเราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน!” หลินเยียนเอ่ย
เมื่อได้ยินประโยคที่ว่า ‘กลับบ้านพร้อมกัน’ สายตาเผยอวี้เฉิงก็เผยความตื่นตะลึงออกมาวูบหนึ่ง
เหมือนเขาจะคาดไม่ถึงว่าวันนี้หลินเยียนกลับเป็นฝ่ายรุกเข้าหาขนาดนี้ สายตาที่ร้อนแรงจนแผดเผาคนได้ตกอยู่บนร่างของหญิงสาว หลังจากผ่านไปเนิ่นนานถึงพูดด้วยเสียงแหบต่ำออกมา “ได้”
เฉิงมั่วเห็นเผยอวี้เฉิงรับปากก็อดประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ อีกประเดี๋ยวพวกเขายังต้องรีบไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินนี่นา…
เพียงแต่เฉิงมั่วยังไม่ทันเอ่ยปากเตือนก็ถูกสายตาของเผยอวี้เฉิงทำให้ตกใจจนต้องรีบกลืนคำพูดกลับลงไป ไม่กล้าพูดมากอะไรอีก
สาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้เขาอยู่ข้างกายประธานได้ นั่นคือเขาพูดน้อย…
ดังนั้นเขาจะพยายามรักษาจุดเด่นของเขาต่อไปดีกว่า ดูออกแต่ไม่เปิดโปง…