“เช่นนั้นท่านคิดว่า…” เยี่ยเม่ยมองไป๋หลี่ซือซิว นางมิได้เอ่ยต่อ
นางเชื่อว่าด้วยความฉลาดของเขา ย่อมเข้าใจว่านางอยากถามอะไร
ไป๋หลี่ซือซิวสีหน้าสับสนเล็กน้อยมองเยี่ยเม่ยทีหนึ่ง เอ่ยเสียงเบาว่า “องค์หญิง ท่านอยากฟังความจริงหรือไม่”
“ท่านว่ามา!” เยี่ยเม่ยตอบรับ จากนั้นก็เอ่ยว่า “หากไม่อยากฟังความจริง ข้าคงไม่ตามท่านมาแล้ว”
ไป๋หลี่ซือซิวก็เข้าใจเช่นกัน ที่เยี่ยเม่ยเรียกตัวเขามาก็เพราะต้องการฟังความเห็นเขา
เพียงแต่ความเห็นนี้…
เขาเงียบเล็กน้อยมองเยี่ยเม่ยตอบ “ถึงคำตอบนี้จะโหดร้ายกับท่านอยู่บ้าง แต่ว่าความจริงก็คือ ท่านแต่งงานกับเป่ยเฉินอี้เป็นหนทางที่เร็วที่สุด!”
เมื่อเขาให้คำตอบ นางก็พลันเงียบลงไป
ซือหม่าหรุ่ยเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย นางลุกขึ้นเอ่ยว่า “จะแต่งกับเป่ยเฉินอี้ได้อย่างไร ตอนนั้นเพราะคนผู้นี้ อาซีถึงถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนี้ หรือยังจะให้เขาทำร้ายอาซีอีกครั้งกันเชียว ต่อให้เขาบอกว่าจะฆ่าตัวตาย ต่อให้…ไม่ว่าอย่างไรเรื่องราวในปีนั้น จะให้คนทนรับได้อย่างไร ท่านจะให้อาซีแต่งกับเขาได้หรือ”
ความจริงซือหม่าหรุ่ยก็เข้าใจว่าการวิเคราะห์ของไป๋หลี่ซือซิวไม่ผิดพลาด
อย่างนั้นคำพูดของเป่ยเฉินอี้ก็ต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน แต่ถือเสียว่านางทำอะไรด้วยอารมณ์ก็แล้วกัน นางรับไม่ได้จริงๆ คนที่ทำร้ายอาซีถึงขั้นนี้ มาถึงวันนี้ให้อาซีแต่งกับเขา หรือว่ายังจะต้องคลอดลูกให้เขาอีกด้วย
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ซือหม่าหรุ่ยรู้สึกไม่ดี คล้ายตกอยู่ในฝันร้ายฉากหนึ่ง
นางรับไม่ได้ แล้วอาซีจะรับได้หรือ
เยี่ยเม่ยหลับตาลง
ความจริงคำตอบของไป๋หลี่ซือซิวหาได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาของเยี่ยเม่ย หลังจากนางลองแยกแยะดูแล้ว ก็ได้บทสรุปเช่นนี้เหมือนกัน
ฐานะของเป่ยเฉินอี้ในราชสำนักเป่ยเฉิน ในใจของขุนนางและปวงประชาในวันนี้ไม่มีใครเทียบเคียงได้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่อาจเทียบได้
นั่นเพราะว่าการกระทำทั้งหลายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ฮ่องเต้ไม่อาจมอบอำนาจให้กับเขา ส่วนขุนนางก็ไม่มีใครสักคนที่ไว้ใจเขา ดังนั้นตามแนวคิดของเป่ยเฉินอี้ การเป็นพระชายาอี้อ๋องถึงเป็นเส้นทางลัดที่ง่ายที่สุด
ส่วนเสินเซ่อเทียน จุดยืนของเขาชัดเจนว่าโอนเอียงไปทางฮ่องเต้แล้ว
หากเยี่ยเม่ยแต่งให้เขาจริงๆ ไม่เพียงไม่ได้รับอะไรเลย ซ้ำภายหน้าอาจต้องใช้ชีวิตภายใต้การจับตามองของเสินเซ่อเทียน ไม่แน่ว่าหากไม่ระวัง พานจะถูกจับพิรุธ ล้วงเป้าหมายของนางออกมาได้
ส่วนกูเยว่อู๋เหิน…
ก็ถือเป็นหนทางถอยของนางสายหนึ่ง
ในยามที่ไม่คิดเลือกใครเลยก็เลือกกูเยว่อู๋เหิน ไม่ว่าอย่างไรระหว่างนางกับเขาก็เป็นเรื่องโกหก ฉะนั้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่ต้องคิดมาก
ดังนั้น
หากมองผลประโยชน์แล้ว เป่ยเฉินอี้ถึงเป็นตัวเลือกแรก
เรื่องเหล่านี้เยี่ยเม่ยวิเคราะห์ได้แต่แรกแล้ว แต่ว่านางกลับคิดฟังคำตอบของไป๋หลี่ซือซิว นางหวังว่าเขาจะมอบคำตอบที่ต่างออกไป นั่นก็เพราะเหมือนอย่างที่ซือหม่าหรุ่ยเอ่ย นางไม่อาจทนแต่งงานกับเป่ยเฉินอี้
แต่นางรับรู้แล้วว่าคราวนั้นเป่ยเฉินอี้ทอดทิ้งราชโองการฉบับนั้น ทิ้งตำแหน่งฮ่องเต้ในมือเพื่อช่วยนางกับครอบครัว แต่ว่านางยังไม่อาจให้อภัยเขาได้เหมือนเดิม คิดภาพชีวิตของตัวเองอยู่ร่วมกับคนผู้นี้ทุกวันไม่ออก
เยี่ยเม่ยลุกขึ้น เดินไปยืนที่หน้าต่าง สองมือไพล่หลัง ทอดสายตามองดอกไม้ใบหญ้าในสวน
ในขณะนี้จิตใจสับสน
แต่ไรมานางไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่งนางจะเอาเรื่องแต่งงานขึ้นมาถกในเชิงหาผลประโยชน์ร่วมกับสหายหรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาก่อนเลย เดิมทีนางคิดว่างานแต่งงานของนางต้องเกิดเพราะความรัก
แต่มาถึงวันนี้นางแบกหนี้แค้นของบ้านเมือง นางจึงพบว่าที่แท้ตัวเองในตอนนี้ก็ยอมรับการกระทำเพื่อผลประโยชน์ได้…
ในที่สุดนางก็กลายเป็นพวกขุนนางการเมืองไร้หัวจิตหัวใจ ใช้การแต่งงานชิงอำนาจ ผูกสมัครพรรคพวก เมื่อเดินไปถึงเป้าหมายของตนแล้วใช่ไหม
ในเสี้ยววินาทีนี้ เยี่ยเม่ยเคว้งคว้างเหลือเกิน
ไป๋หลี่ซือซิวมองแผ่นหลังของนาง รู้อยู่ในใจว่าเยี่ยเม่ยในเวลานี้กำลังต่อสู้ กำลังสับสน สถานการณ์ตอนนี้มีบทสรุปเพียงสองอย่าง ทางแรกคือนางเลือกเป่ยเฉินอี้ เลือกหนทางแก้แค้นที่ไวที่สุด เป็นเส้นทางที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด
ทางที่สอง นางไม่เลือกใครทั้งนั้น ถอยกลับมาเลือกกูเยว่อู๋เหิน จัดงานแต่งปลอมๆ ขึ้นมา เช่นนั้น..ก็เดินไปตามเส้นทางที่นางควรเดิน ก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเป็นไปได้หรือไม่
นางคงไม่เหลือทางเลือกที่สามอีกแล้ว อย่างไรเสียนางก็แค้นคนของเป่ยเฉินทั้งตระกูล
ดังนั้นนางไม่ควรแต่งกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ไม่กล้าแต่งให้กับคนที่นางรัก ทางเดียวก็คือต้องดูว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะเกลี้ยกล่อมเยี่ยเม่ยได้อย่างเป่ยเฉินอี้หรือเปล่าแล้ว
เยี่ยเม่ยยืนอยู่ริมหน้าต่าง ถามโดยไม่หันกลับมาว่า “ท่านเสนาบดี ท่านอยากให้ข้าแต่งกับเป่ยเฉินอี้ ใช่หรือไม่”
ไป๋หลี่ซือซิวเงียบไปสักพัก
มองแผ่นหลังเยี่ยเม่ย ตอบไปตามสัตย์ “ใช่! องค์หญิง เป้าหมายของท่านและข้าคือฟื้นฟูบ้านเมือง เพื่อทำลายเป่ยเฉิน พวกเราไม่มีเหตุผลที่ต้องทิ้งเส้นทางลัด แล้วเลือกทางที่ไกลยิ่งกว่า ข้าเป็นขุนนาง ข้าหวังว่าท่านจะเลือกเส้นทางที่มีผลประโยชน์ต่อพวกเรา!”
ซือหม่าหรุ่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่ว่านางก็ไม่เอ่ยขัดขึ้นมา
อย่างไรเสียนางก็หาใช่พวกขุนนางปกครอง ไม่ฉลาดเช่นไป๋หลี่ซือซิว แต่นางก็แค่ไม่อาจยอมรับผลเช่นนี้ ที่แท้บางครั้งชนชั้นปกครองก็เป็นเช่นนี้เอง
ทั้งๆ ที่ไม่ยินยอมพร้อมใจเลยสักน้อย แต่เพื่อผลประโยชน์ เพื่ออำนาจไม่อาจไม่เลือกได้
มิน่า
คนตั้งมากมายคิดอยากเข้าไปอยู่ในราชสำนัก ทว่าคนจำนวนไม่น้อยในราชสำนักกลับอยากไปใช้ชีวิตอย่างสุขสงบ ไม่เข้าสู่วังวนโลกหล้า
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เยี่ยเม่ยพยักหน้าตอบว่า “ท่านเสนาบดี ข้าจะใคร่ครวญให้ดี”
คำพูดของไป๋หลี่ซือซิวไม่ผิด ในเมื่อนางเข้าใจไป๋หลี่ซือซิว ก็เข้าใจว่าเส้นทางนี้เป็นหนทางที่ดีที่สุด อย่างนั้นตนเองที่เห็นการแก้แค้นมาอันดับแรก ทำไมถึงไม่เลือกกันเล่า หรือว่าเมื่อเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ในใจนางยังเฝ้ารออะไรอีก?
ยังหวังว่าอนาคตตัวเองจะแต่งงานเพราะความรักได้
อยู่ร่วมกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ ?!
เป็นไปไม่ได้ ถึงทำได้แต่นางก็ไม่ยินยอม
จากน้ำเสียงของเยี่ยเม่ย ไม่ว่าไป๋หลี่ซือซิวหรือว่าซือหม่าหรุ่ยล้วนฟังออก เยี่ยเม่ยตั้งใจพิจารณาคำพูดของไป๋หลี่ซือซิวอย่างจริงจัง หรืออาจบอกได้ว่า…
นางมีแนวทางตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว
ไป๋หลี่ซือซิวพยักหน้า เขาลุกขึ้นเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว!”
“อืม” เยี่ยเม่ยผงกหัว
หลังจากไป๋หลี่ซือซิวเดินไปถึงหน้าประตู เท้าพลันชะงัก เขาหาได้หันกลับมา เอ่ยกับเยี่ยเม่ยจากตรงหน้าประตูว่า “องค์หญิง ถึงแม้เป่ยเฉินอี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ว่าสุดท้ายหากท่านไม่เลือกเขา ข้าก็ไม่โทษท่าน บรรดาคนที่เตรียมจะกอบกู้บ้านเมืองก็ไม่โทษท่านเช่นเดียวกัน เพราะการที่ท่านไม่เลือกเขาก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์”
หากเป็นผู้อื่น องค์หญิงไม่เลือกเพราะไม่มีความรัก บางทีพวกเขาอาจโทษนาง แต่อีกฝ่ายคือเป่ยเฉินอี้…