บทที่ 283 ต่อสู้กับอาชูร่า

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

กรอบ!

ดูเหมือนว่าในเวลาเพียงชั่วพริบตาจะเกิดเสียงดังก้องกังวานขึ้นแทบจะพร้อมกัน เย่เทียนเฉินหักคอมือสังหารชั้นยอดทั้งสองไปแล้ว บนใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มไร้พิษภัย แต่ไม่มีท่าทางอย่าล้อเล่นแม้แต่น้อย กลับเคร่งขรึมจริงจังอย่างมาก ชั่วขณะนี้เขาได้ทิ้งนิสัยอันธพาลไปโดยสมบูรณ์ เปลี่ยนเป็นเทพสั่งหาร นี่ไม่เพียงแต่จะเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของสิบสามจ้าวสวรรค์ จึงจำเป็นจะต้องชนะ จำเป็นจะต้องกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่สำคัญก็คือ เขาสัมผัสได้ว่าคนที่รอเขาอยู่เบื้องหน้าคนนั้นแข็งแกร่งมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เย่เทียนเฉินมีความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะแพ้หรือจะชนะ

ศพของมือสังหารชั้นยอดทั้งสองถูกเย่เทียนเฉินโยนไปที่พื้น ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ให้ความรู้สึกเหมือนตายตาไม่หลับ ดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่า มือสังหารชั้นยอดอย่างพวกเขาทั้งสอง เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนเฉินจะไม่อาจทำอะไรได้ แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ขวางไม่ได้!

ความจริงหากพูดถึงความสามารถของเย่เทียนเฉินในตอนนี้ไม่นับว่าแข็งแกร่งมากนัก ความสามารถของพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันเทียบเท่าได้กับขอบเขตราชันนักรบของพรรควรยุทธโบราณเท่านั้น เย่เทียนเฉินเคยเห็นผู้แข็งแกร่งแห่งพรรควรยุทธโบราณที่มีความสามารถในขอบเขตราชานักรบบนโลกนี้มาบ้าง อย่างเช่นเฮยเมี่ยน และเปาเทียนหลง พวกเขาต่างก็เป็นยอดฝีมือในขอบเขตราชันนักรบ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นคนที่มีศักยภาพที่จะทะลวงขอบเขตขึ้นไปได้มากที่สุด

เพียงแต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินเหยียบย่างขึ้นมาบนเกาะทะเลทรายนั้น ก็ได้กระตุ้นความสามารถในขอบเขตจอมราชันของตนจนถึงขีดสุดแล้ว ในเมื่อพาสิบสามจ้าวสวรรค์มา เช่นนั้นก็ไม่มีที่ให้ไว้ไมตรีแม้แต่ครึ่งส่วน ถ้าคืนนี้ไม่กำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยน พรุ่งนี้ตระกูลเย่ก็จะพบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงเตรียมพร้อมไว้อย่างดี จะทำการฆ่าล้างครั้งใหญ่

บนเกาะทะเลทรายที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนทั้งตระกูลซ่อนตัวอยู่ จนถึงตอนนี้ต่างก็เต็มไปด้วยเสียงปืน เสียงกรีดร้องฆ่าฟัน เสียงระเบิด กระทั่งมีแสงจากเปลวเพลิงที่เกิดจากการต่อสู้อันดุเดือดรุนแรงด้วย หากไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินได้กางเขตแดนปิดกั้นครอบคลุมเกาะทะเลทรายทั้งหมดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เกรงว่าทุกคนที่อยู่รอบทะเลซือไห่คงจะตื่นตกใจไปนานแล้ว

สิบสามจ้าวสวรรค์ แต่ละคนแยกย้ายกันลงมือ เย่เทียนเฉินไม่จำเป็นต้องกังวลโดยสิ้นเชิง เขาสามารถเชื่อถือความสามารถของพวกอู๋เสวี่ยได้ ยิ่งไปกว่านั้นจากพลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขา ถึงแม้ว่ามือสังหารชั้นยอดแต่ละคนบนเกาะทะเลทรายแห่งนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่แข็งแกร่งกว่าสิบสามจ้าวสวรรค์ ถ้าหากสมาชิกของสิบสามจ้าวสวรรค์ไม่สามารถเอาชนะในภารกิจแบบนี้ได้ ซึ่งเป็นการต่อสู้ครั้งแรกเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นวันข้างหน้าต้องการจะขยับขยายอำนาจออกไป ก่อเรื่องสร้างชื่อให้ยิ่งใหญ่ พวกเขาจะทำได้อย่างไร? นี่เป็นการฝึกฝน เป็นการฝึกฝนด้วยความเป็นความตาย

เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปในป่าเล็กๆ อย่างเชื่องช้า ที่นั่นเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด ดูเหมือนเขาจะมั่นใจได้แล้วว่า คนที่อยู่ในป่าเล็กๆ แห่งนี้ คงจะเป็นยอดนักสู้ของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน แข็งแกร่งจนขนาดที่เขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะคนคนนี้ได้

ไม่ผิดจากที่คาด ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินถึงบริเวณชายป่าเล็กๆ ก็เห็นชายอายุประมาณสี่สิบกว่าปีคนหนึ่งยืนอยู่กลางป่า หันหน้าให้เย่เทียนเฉิน คนคนนี้ก็คืออาชูร่า เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินแล้ว การต่อสู้ครั้งใหญ่สะเทือนฟ้าระหว่างยอดฝีมือกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เย่เทียนเฉินมีลางสังหรณ์ว่า นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวที่สุดที่เขาเคยได้พบตั้งแต่มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เป็นตายไม่อาจคาดเดา

“แกคือเย่เทียนเฉินใช่ไหม?” ทั่วทั้งตัวของอาชูร่าถูกปกคลุมด้วยชุดสีดำตัวใหญ่ มีเพียงดวงตาทั้งสองข้างที่ปรากฏให้เห็น

“อืม ไม่รู้ว่าแกชื่ออะไร?” เย่เทียนเฉินถาม

“อาชูร่า!” อาชูร่าพูดเสียงเย็น

เย่เทียนเฉินพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร อาชูร่าเองก็ไม่พูดอะไรอีกเช่นเดียวกัน ต่างสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย การดวลกันระหว่างยอดฝีมือ หากพูดจามากความก็เป็นการรนหาที่ตายเท่านั้น ยอดฝีมือที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มาก วัดกันที่ฝีมือ

ตู้ม!

ตู้ม!

อาชูร่าและเย่เทียนเฉินเคลื่อนไหวพร้อมกัน ทั้งสองพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า ในป่าเล็กๆ เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น เมื่อเริ่มต้นทั้งสองก็ไม่มีลูกไม้อะไร และไม่ได้ใช้พลังพิเศษ นี่เป็นการรักษาพลังของตน และเป็นการวัดความสามารถของอีกฝ่าย

ปัง!

หมัดทั้งสองปะทะกัน หมัดของอาชูร่าและเย่เทียนเฉินปะทะกับหมัดของอีกฝ่ายอย่างแรง ทั้งสองถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป แผ่นหลังของเย่เทียนเฉินชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ส่วนอาชูร่าชนเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง ทั้งสองมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง คิดไม่ถึงว่าความสามารถของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้

“แกแข็งแกร่งมาก!” อาชูร่าพูดอย่างเรียบเฉย

“แกเองก็แข็งแกร่งมาก!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ต้น สายตาของทั้งสองก็ไม่ละออกไปจากอีกฝ่ายเลย การต่อสู้ของยอดฝีมือที่แท้จริง เป็นไปได้มากกว่าแพ้ชนะจะเกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตา ต่อให้เป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งวินาทีก็สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ การต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ใช้เวลาไปไม่ถึงสองนาทีเท่านั้น แต่ทั้งสองก็ถูกอีกฝ่ายโจมตีแล้ว เพียงแต่ไม่รุนแรงถึงชีวิตก็เท่านั้น นั่นเป็นเพราะทั้งสองต่างก็ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษหรือเคล็ดวิชาสังหารออกมา

ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินเดินไปข้างหน้าสองก้าว ออกห่างไปจากต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง เมื่อครู่นี้ตอนที่หมัดทั้งสองปะทะกัน เขาถูกกระแทกจนไปชนกับต้นไม้ใหญ่ ในตอนที่เขาผละออกมาจากต้นไม้ ต้นไม้ต้นนั้นก็ปรากฏเสียงลั่นราวเจ็บปวด และหักโค่นลงอย่างรุนแรง มันถูกชนจนหักไปแล้ว

ส่วนอาชูร่าก็ยืดตัวขึ้น แผ่นหลังของเขาเองก็ชนเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่เช่นเดียวกัน ก้อนหินก้อนนั้นถึงกับถูกเขาชนจนแตกเป็นแปดส่วน ทั้งหมดกลายเป็นเศษหินร่วงลงสู่พื้น การดวลกันของทั้งสองคนดูเหมือนจะปกติ ไม่มีการบาดเจ็บอะไร นั่นเป็นเพราะทั้งสองต่างก็เป็นยอดฝีมือ ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นมือสังหารชั้นยอด ถ้าเจอกับการโจมตีเช่นนี้ก็คงสิ้นชีพไปนานแล้ว

“หลังจากวันนี้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะต้องถูกลบชื่อออกไป ฉันแค่ไม่เข้าใจว่ายอดฝีมืออย่างแก ทำไมต้องถวายชีวิตให้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนด้วย?” เย่เทียนเฉินถามขึ้นด้วยความสงสัย มีความรู้สึกเสียดายวีรบุรุษอยู่บ้าง มิฉะนั้นเขาคงไม่พูดอะไรมาก พุ่งเข้าไปฆ่าอย่างรุนแรงนานแล้ว

“ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีบุญคุณที่เลี้ยงดูฉันมา ต่อให้มันทำเรื่องเลวร้ายไปมาก แต่ฉันก็จำเป็นต้องปกป้อง!” เขาพูดขึ้น ทันใดนั้นดวงตาของอาชูร่าเปลี่ยนไป

“งั้นแกกับฉันก็ต้องสู้กันจนถึงที่สุด ฉันชนะแกก็ตาย ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะถูกทำลาย ถ้าแพ้ฉันก็ตาย สิบสามจ้าวสวรรค์ก็จบสิ้น!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินเข้มงวดจริงจังขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินเห็นความสำคัญของคู่ต่อสู้ จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่รู้สึกถึงจุดอ่อนอะไรของอาชูร่าเลย ความสามารถแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าตนไม่ออกแรงเต็มที่ คงไม่สามารถเอาชนะเขาได้โดยเด็ดขาด

ในตอนที่พูดมือขวาของเย่เทียนเฉินก็ปรากฏง้าวฟางเทียนขึ้นมาด้านหนึ่ง นี่เป็นอาวุธที่เขาชอบมาก ในตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก มีง้าวฟางเทียนที่ทำจากโลหะเทพด้ามนี้เป็นอาวุธของเย่เทียนเฉิน เพียงแต่น่าเสียดายที่แตกสลายไปในการต่อสู้กับสัตว์อสูรอันแข็งแกร่งแล้ว ง้าวฟางเทียนในมือของเย่เทียนเฉินตอนนี้เป็นง้าวที่เขาใช้พลังพิเศษอันแข็งแกร่งรวบรวมขึ้นมาเป็นรูปลักษณ์ เป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่เปลี่ยนเท็จให้เป็นจริงอย่างหนึ่ง

อาชูร่าขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมากแต่ก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มอายุยี่สิบปีคนนี้จะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้ได้ ท่าทางเขาจะต้องลงมือเต็มที่ซะแล้ว

ซู่ม!

ในมือขวาของอาชูร่าปรากฏดง้าวเล่มใหญ่ขึ้นมา ด้านบนมีมังกรสีเขียวตัวเขื่องอยู่ตัวหนึ่ง ถ้าหากมีด้ามก็จะกลายเป็นง้าวชิงหลง(อาวุธของกวนอู)อย่างแท้จริง

ง้าวชิงหลงเล่มนี้เป็นสสารที่แท้จริง ไม่เหมือนกับง้าวเทียนฟางในมือขวาของเย่เทียนเฉินที่ใช้พลังพิเศษสร้างขึ้นจากเท็จเป็นจริง มีความแตกต่างกันในแก่นแท้ พลังทำลายล้างก็ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากขนาดไหน ก่อนหน้านี้เย่เทียนเฉินเคยคิดว่าจะหา “วัตถุดิบเทพ” จำนวนหนึ่งในโลกแห่งนี้เพื่อสร้างอาวุธให้ตนเอง และทำให้อาวุธนั้นทะลวงขอบเขตไปพร้อมกับตนและยกระดับไปพร้อมกัน เพียงแต่น่าเสียดายที่เป็นเหมือนกับจางอีเต๋อพูด หลิงชี่(พลังวิญญาณ)ในโลกแห่งนี้บางมาก รวมกับที่เส้นทางบ่มเพาะของธรรมชาติก็เปลี่ยนแปลงไปนานแล้ว กระทั่งไม่เหมาะสมที่จะทำการบ่มเพาะด้วยซ้ำ ยังคิดจะหาวัตถุดิบเทพอะไรนั่นมาหลอมอาวุธได้อีกหรือ นั่นเป็นแค่จินตนาการเท่านั้น ดังนั้นเย่เทียนเฉินทำได้เพียงฝืนใช้พลังพิเศษสร้างอาวุธออกมา เพื่อต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง

ฉัวะ!

ไม่มีคำพูดจาที่มากเกินความจำเป็น หากพูดมากภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็เป็นการสิ้นเปลืองเวลาและชีวิตเท่านั้น อาชูร่าสะบัดง้าวออกไปครั้งหนึ่ง ไอดาบอันมโหฬารทะลวงออกไปไกลหลายร้อยเมตร จนอากาศฉีกขาด มุ่งสังหารไปยังเย่เทียนเฉิน

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงไอดาบที่แข็งแกร่งขนาดนี้ กระทั่งพลังทำลายล้างที่ปรากฏออกมายังแข็งแกร่งยิ่งกว่าดาบเจ็ดดาวของหลินตวนมาก และนี่เป็นแค่การสะบัดออกไปมั่วๆ ของอาชูร่าเท่านั้น ไม่ได้โจมตีสังหารอย่างเต็มกำลัง

ตู้ม!

ขี้ขลาดตาขาวย่อมไม่ใช่นิสัยของเย่เทียนเฉิน โดยเฉพาะเมื่อเจอกับการต่อสู้ครั้งใหญ่แบบนี้ ถ้าหากถอยก็จะถูกอีกฝ่ายหาจุดอ่อนพบและพริบตาเดียวหัวของคุณก็จะตกลงพื้น ง้าวฟางเทียนเปล่งประกาย เย่เทียนเฉินเองก็ใช้มือทั้งสองจับด้ามง้าว ฟันออกไปโดยตรง

ตู้ม!

เสียงระเบิดดังคับฟ้า ไอดาบอันยิ่งใหญ่และพลังโจมตีที่ออกจากง้าวเทียนฟางปะทะเข้าด้วยกัน พลังพิเศษอันแข็งแกร่งพุ่งกระจายออกไป พลังการโจมตีของง้าวฟางเทียนที่ทะยานออกไประเบิดเบื้องหน้าอาชูร่าจนเกิดหลุมบ่อขนาดใหญ่ ส่วนไอดาบที่โจมตีออกมาจากง้าวชิงหลง ก็ฟันต้นไม้ขาดไปหลายต้นและล้มลงอย่างรุนแรง คมกริบและราบเรียบอย่างหาใดเปรียบ

“ดูท่าแกคงจะปกป้องตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเอาไว้ไม่ได้แล้ว มาเข้าร่วมกับสิบสามจ้าวสวรรค์ของฉันเป็นยังไง?” เย่เทียนเฉินต้องการให้อาชูร่าอุทิศตนให้เขาจริงๆ ยอดฝีมือแบบนี้ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการความสามารถในการต่อสู้ของเขา

“ฉันไม่มีทางเลือก นอกจากจะฆ่าฉันซะ ฉันถึงจะสามารถยืนดูตะกูลกล่าวถูกทำลายไปเฉยๆ ได้!” อาชูร่าพูดอย่างเย็นชา

“แบบนี้ดูท่าจะคุยกันไม่ได้แล้ว กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่ฉันพามาตอนนี้คงจะฆ่าเข้าไปถึงบ้านของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแล้ว ส่วนฉันก็หยุดแกไว้ได้ แกช่วยเซวียนเยวี๋ยนเสวียนอวี่ไม่ได้หรอก!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างคาดหวัง

“ฉันพูดแล้ว นอกจากจะฆ่าฉันซะ ถ้าหากตระกูลเซวียนเยวี๋ยนถูกทำลาย นั่นก็เป็นเพราะฉันตาย!” อาชูร่าพูดอย่างแน่วแน่

ฉัวะ!

มือขวาของเย่เทียนเฉินกำง้าวเทียนนฟางแน่น เพียงพริบตาง้าวเทียนฟางก็ขยายใหญ่ขึ้นมาก ทั้งหมดต่างสร้างขึ้นจากพลังพิเศษให้กลายเป็นจริง ใบไม้รอบๆ เย่เทียนเฉินเคลื่อนไหวโดยไร้แรงลม ทำให้อาชูร่าตกใจจนถอยลงไปหนึ่งก้าว ความสั่นสะท้านที่ชายหนุ่มคนนี้นำพามาให้เขามากเหลือเกิน ความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ถึงกับสามารถทำให้ง้าวเทียนฟางมีพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ คืนนี้ดูท่าเขาอาชูร่าจะต้องเจอกับการต่อสู้เป็นตายแล้ว

…………..