ก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีคาดเดาเอาไว้แล้วว่ามู่หรูเหยียนต้องเกี่ยวข้องกับกู่พิษ จึงปรุงยาเอาไว้จำนวนไม่น้อยเพื่อป้องกันกู่พิษ แต่นางไม่ได้คิดเลยว่าราชาไป๋กู่จะปรากฏตัวขึ้นในแคว้นจื่อเยี่ยเช่นนี้
ช่างน่าเสียดาย… ยาพิษที่นางมีอยู่ใช้ไม่ได้ผลกับมัน
นางต้องทำการทดลองทีละขั้นตอนเพื่อที่จะปรุงยาพิษขึ้นมาต่อสู้กับพิษของกู่พิษ ราชาไป๋กู่ตัวนี้
ทว่า……
ณ เวลานี้นางโดนราชาไป๋กู่ไล่ตามอยู่ ไม่มีโอกาสที่จะที่จะปรุงยาได้สบาย ๆ เลย
จวินโม่ซีกล่าว “ข้ามีบางอย่างที่สามารถจับเจ้าตัวน่าขยะแขยงนี้ได้ แต่มันวิ่งเร็วอย่างมาก เกรงว่าอาจจะจับมันไม่ทัน”
มู่เฉียนซี “มันคือสิ่งใดรึ ? แต่ก็เอาเถอะ เจ้ารีบเอามันออกมาเร็ว!”
จวินโม่ซีหยิบเอาบางอย่างออกมา มันคล้าย ๆ กับแหจับปลา เขากล่าวว่า “นี่เป็นอาวุธวิญญาณระดับโลกเลยเชียว! มันจะจับเจ้านั่นเพียงแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้มันวิ่งเร็วมาก ข้าจะจับมันทันได้อย่างไรกันเล่า ?”
“เจ้าสอนข้าใช้เร็วเข้า ข้าจับมันได้แน่” มู่เฉียนซีเร่งเร้า
จวินโม่ซีเอ็ดทันควัน “เจ้าจะทำได้อย่างไรกัน ? ถึงแม้ว่าพลังของเจ้าจะเพิ่มขึ้น แต่เจ้าก็ยังอ่อนแอกว่าข้าอยู่ดี หากข้าใช้ไม่ได้ เจ้าก็ใช้มันไม่ได้หรอก”
— สวบ! สวบ! สวบ! —
ราชาไป๋กู่พุ่งเข้าหาทั้งสองอีกครั้ง ทั้งสองรีบหลบมันทันที
มู่เฉียนซีเกรี้ยวโกรธ นางตะโกน “จวินโม่ซี เจ้าหยุดพูดจาไร้สาระสักประเดี๋ยวได้หรือไม่ ? หากไม่ทันการเราได้ตายกันหมดแน่!”
ฉับพลันทันใดตาข่ายเล็กสีเงินถูกโยนขึ้นในอากาศ จวินโม่ซีรีบกล่าว “เจ้าส่งพลังวิญญาณเข้าไปด้านในแล้วมันจะใหญ่ขึ้น แล้วเราก็จะจับมันได้ จากนั้นเจ้าใช้พลังวิญญาณควบคุมเอาไว้ มันจะออกมาไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว” มู่เฉียนซีพยักหน้ารับคำ แววตานางมุ่งมั่น
“สาวน้อย ระวัง!”
เมื่อจวินโม่ซีหันไปมอง เจ้าราชาไป๋กู่ก็เข้าไปใกล้นางแล้ว ร่างที่เต็มไปด้วยดวงตาของมันอ้าปากกว้างเตรียมที่จะกลืนมู่เฉียนซีเข้าไปในท้อง
มู่เฉียนซีในเวลานี้ นางรับรู้ได้ถึงกลิ่นเน่า ๆ น่าขยะแขยงที่ใกล้เข้ามาทุกที
ในสถานการณ์สุดวิกฤต นางตะโกนออกมา “อาถิง!”
“ข้ารู้แล้ว” อาถิงตอบรับด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
“หยุดเวลาเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเวลาก็ได้หยุดลง ราชาไป๋กู่ที่กำลังจะกลืนมู่เฉียนซีหยุดนิ่งลงเช่นกัน ผู้คนที่กำลังต่อสู้ก็หยุดนิ่งแข็งค้างราวกับรูปปั้นก็มิปาน
ในช่วงที่เวลาหยุดเดิน มีเพียงเจ้าของศาลานิรันดร์เท่านั้นที่ไม่มีผลต่อคำสั่งหยุดเวลา
มู่เฉียนซีรีบทำให้ตาข่ายของจวินโม่ซีใหญ่ขึ้นและจับราชาไป๋กู่เอาไว้ จากนั้นนางรีบกระโดดถอยหลังไป เอาราชาไป๋กู่ที่อยู่ในตาข่ายให้กับจวินโม่ซี
— ตูม! —
เวลากลับมาเดินอย่างปกติ
เมื่อจวินโม่ซีเห็นตาข่ายที่อยู่ในมือถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง “ยังไม่ทันได้หายใจแท้ ๆ มู่เฉียนซี เจ้าจับมันมาได้อย่างไรกัน ?”
มู่เฉียนซีกล่าวรวบรัด “เจ้าไม่ต้องถามมาก ดูมันไว้ให้ดี ๆ ล่ะ ข้าจะไปเตรียมยาสูตรใหม่ก่อน”
“ได้!” จวินโม่ซีขานรับ เขารีบอัดพลังวิญญาณธาตุอัคคีเข้าไปบนตาข่าย จากนั้นเปลวไฟลุกฮือโหมกระหน่ำอยู่บนตาข่าย เจ้าราชาไป๋กู่ที่อยู่ในตาข่ายกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โฮกกกก!”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
มันพยายามต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อให้หลุดพ้นจากตาข่ายนั้น
— ตูม! —
จวินโม่ซีพยายามอย่างอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมมัน เวลาเดียวกันนั้น มู่เฉียนซีอยู่ข้าง ๆ เขา นางเริ่มปรุงยาในทันที
จวินโม่ซีเห็นว่าราชาไป๋กู่กำลังดิ้นรนอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงเตือนมู่เฉียนซีว่า “สาวน้อย เจ้าเร่งมือหน่อยก็จะเป็นการดี ข้าคิดว่าข้าคงคุมมันได้อีกไม่นาน”
“เงียบไว้ ข้ากำลังเร่งมือ”
ในสนามรบที่วุ่นวายเช่นนี้ อีกทั้งตรงหน้ายังมีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์ ทว่ามู่เฉียนซีก็ยังคงทำการปรุงยาอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกขั้นตอน นางต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียว ต้องไม่เกิดความผิดพลาดใด ๆ บางทีนางอาจจะไม่มีเวลาได้ปรุงยาครั้งที่สองอีกแล้ว
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
มู่เฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญญาณออกมาจากในพื้นที่ของนาง นางเลือกใช้พลังธาตุวารีที่เป็นสารของเหลวที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้นางไม่มีเวลาใช้เปลวไฟหลอมแล้ว
มู่เฉียนซีเข้าสู่โลกแห่งการปรุงยาอย่างสมบูรณ์ เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ จวินโม่ซีเองก็พยายามมาจนถึงขีดจำกัดสูงสุดของเขาแล้ว
ขณะเดียวกันนั้น ร่างชุดดำผู้หนึ่งเข้ามาโจมตี!
เขากำลังจะโจมตีมู่เฉียนซี ทว่าจวินโม่ซีรีบชิงโจมตีร่างชุดดำผู้นั้นเอาไว้ก่อนโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย ด้วยพลังของจวินโม่ซีที่โจมตีอย่างแรง ร่างชุดดำผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อีกด้านหนึ่งของจวินโม่ซี ราชาไป๋กู่กลับดิ้นรนออกมาจากตาข่ายนั้นได้!
— ฉึก! กึก! แควก! —
ตาข่ายขนาดใหญ่ที่ไร้การควบคุมของพลังวิญญาณ ถูกราชาไป๋กู่ทำลายกระเจิง ร่างของมันพุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซีอย่างไม่รอช้า
จวินโม่ซีเข้าไปขวางเอาไว้ไม่ทัน เขาทำได้เพียงแค่ภาวนาให้ปาฏิหาริย์เมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ในขณะที่ราชาไป๋กู่กำลังจะกลืนร่างของมู่เฉียนซี ทันใดนั้นกระบี่วิญญาณพิฆาตสีดำตกลงมาจากท้องฟ้า มันพุ่งเข้าใส่ร่างของราชาไป๋กู่ จวินโม่ซีเห็นพลันตกใจอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง
“โอ้! ช่างเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างยิ่ง”
— ปัง! —
อีกทางด้านหนึ่ง โอวหยางหว่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างของนางตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ดูน่ากลัว
“อ๊า!”
เมื่อเห็นหลานสาวผู้เป็นที่รักตกอยู่ในอันตราย มู่อวู่ซวงไม่สนใจโอวหยางหว่านที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส เขารีบขว้างศาสตราวุธออกไป ตัวเขาเองก็รีบรุดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
จวินโม่ซีมองมู่อวู่ซวงด้วยสายตาแปลกใจเป็นอย่างมาก สองขาของนายท่านสามใช้การไม่ได้ กลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ช่างทรงพลังยิ่งนัก
ในขณะที่มู่อวู่ซวงพุ่งพรวดเข้ามานั้น กระบี่วิญญาณพิฆาตที่พุ่งเข้าหาราชาไป๋กู่ก็กลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง มู่อวู่ซวงพยายามใช้กระบี่วิญญาณพิฆาตฆ่ามัน เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าปกป้องซีเอ๋อร์เอาไว้ อย่าให้ใครทำร้ายนางได้ ข้าจะจัดการกับกู่บ้าตัวนี้ ข้าจะช่วยถ่วงเวลาให้ซีเอ๋อร์เอง”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
หลังจากที่ต่อสู้กับโอวหยางหว่านมาครู่ใหญ่ มู่อวู่ซวงรีบมารับมือกับราชาไป๋กู่
เขาผู้เป็นอากำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อช่วยถ่วงเวลาให้กับหลานสาวมู่เฉียนซี ก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้กับโอวหยางหว่าน เขาเสียพลังไปมาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปกป้องหลานรักเอาไว้ให้ได้ มิเช่นนั้นมู่เฉียนซีนางได้รับอันตรายเป็นแน่!
— บูม! —
ภายในชั่วพริบตาเดียว เส้นผมสามพันเส้นของมู่อวู่ซวงก็ได้กลายเป็นสีเงิน อีกทั้งดวงตาข้างหนึ่งก็ยังได้เปลี่ยนเป็นสีม่วง
หางตาของจวินโม่ซีเหลือบไปเห็น เขาตกใจเป็นอย่างมาก ‘เกิดอะไรขึ้นกับมู่อวู่ซวงกันแน่ ?’
พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น ในขณะเดียวกันนั้น พิษที่ขาของเขาก็กำลังจะระเบิดออก
นั่นเขา…
กว่าจะนำเอาสมุนไพรวิญญาณระดับเก้ามาช่วยเขาไว้ได้นั้นมันไม่ง่ายเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้แล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา มีหวังมู่เฉียนซีคงต้องตรอมใจตายเป็นแน่แท้
จวินโม่ซีที่กำลังคุ้มกันมู่เฉียนซีอยู่ เวลานี้ได้แต่ภาวนาให้นางเร่งมือ ‘สาวน้อยเร่งมือเข้าสิ! เร่งมือเข้า! จะถ่วงไว้ไม่อยู่แล้ว อ๊าก!!!’
มู่เฉียนซีเร่งมือสุดชีวิต นางรู้ดีว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตเพียงใด นางทำการปรุงยารวมกันครั้งสุดท้าย สองมือของนางทำงานมือเป็นระวิงราวกับมือผีปีศาจที่มีมือนับหมื่นเร่งผสมยา ในที่สุดนางก็ปรุงยาออกมาสำเร็จและเริ่มบรรจุยาใส่ขวด
ทันทีที่นางออกมาจากโลกแห่งการปรุงยา ร่างในชุดขาวตกลงมาจากอากาศต่อหน้าต่อตานาง
“ท่านอา!” นางรีบรุดเข้าไปคว้าร่างมู่อวู่ซวงเอาไว้
จวินโม่ซีกล่าวอย่างจนปัญญา “สาวน้อย ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็เอาเจ้ากู่บ้าตัวนี้ไม่อยู่ มันร้ายกาจนักจนท่านอาของเจ้าต้องลงมือ แต่เราจะมามัวตกใจมิได้ เจ้ารีบเตรียมพร้อมเร็วเข้า ข้าจะต้านเอาไว้ให้”
จวินโม่ซีพุ่งพรวดเข้าไปจู่โจมราชาไป๋กู่อีกครั้ง
มู่เฉียนซีรีบพยุงตัวมู่อวู่ซวงนั่งลงบนรถเข็น เวลานี้เส้นผมสีเงินสามพันเส้นของมู่อู่ซวงกลับมาเป็นสีดำเฉกเช่นเดิมแล้ว ทว่าริมฝีปากของเขานั้นกลายเป็นสีม่วง และใบหน้าก็ซีดเซียวยิ่งนัก
.