ตอนที่ 571 วางแผน
เสียงเซวียนหยวนโม่เจ๋อชะงักไป ก่อนเอ่ยว่า “สำนักศึกษามีอาจารย์คอยชี้แนะ ย่อมดีกว่าเจ้าฝึกบำเพ็ญเองลำพัง แต่เจ้าต้องจำไว้ ไม่ว่าสำนักศึกษาใดก็อย่าได้รับใครเป็นอาจารย์”
ได้ยินคำพูดนี้ แม้เฟิ่งจิ่วจะสงสัยในคำที่เขาบอกว่าอย่าได้รับใครเป็นอาจารย์ แต่ก็ไม่ถามอะไรมาก อยากให้เธอรับเป็นอาจารย์นั้นไม่ง่ายนัก มาตรฐานเธอค่อนข้างสูง คนธรรมดาไม่มีทางเข้าตาเธอแน่นอน
“อืม ข้ารู้” เธอขานรับ พอลองคิดว่าจะเข้าเรียนในสำนักศึกษา และกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง ก็พลันมีความรู้สึกตื่นเต้นเฝ้ารอคอย
ทว่าชะงักไปแค่พักหนึ่ง สีหน้าเธอก็แปลกขึ้นอีก ถามว่า “ท่านคิดว่าข้าควรเป็นลูกศิษย์หรืออาจารย์ดี?” แน่นอนว่าต้องเป็นอาจารย์ทางด้านยา หนำซ้ำด้วยระดับยา เธอเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาหกดาราก็เหลือเฟือแล้ว
เขามองอย่างลึกล้ำไปที่นาง เสียงทุ้มต่ำค่อยๆ เปล่งออกมา “ไม้เด่นเกินไพรย่อมถูกลมพัดหักโค่น โลกใบนี้มีผู้แข็งแกร่งมากมาย คนที่ยังห่างชั้นในตอนนี้ต่างเข้าใจดี วันใดเจ้าเข้าไปยังสำนักศึกษาหกดาราจงเก็บรัศมีบนร่างไว้จะดีที่สุด ตัวตนเหล่านั้นก็อย่าให้ใครรู้”
เห็นเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม คำพูดมีการสั่งสอน เฟิ่งจิ่วจึงเก็บเสียงหัวเราะไว้ ก่อนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “อืม ข้ารู้แล้ว ท่านสบายใจเถอะ! แม้ข้าทำอะไรตามใจ บางครั้งยังหลงตัวเองไปบ้าง แต่เรื่องนี้ข้ารู้ดี”
เรื่องอะไรทำได้หรือไม่ได้? ในใจเธอล้วนมีความคิดของตนเอง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ผู้เฒ่าเฟิ่งก็มาหาพวกเขา เมื่อรู้ว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อคือผู้แข็งแกร่งท่านนั้นที่ช่วยตระกูลเฟิ่งไว้ จึงคารวะกล่าวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สำหรับเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่กำลังคิดว่าจะเอาอกเอาใจคนตระกูลเฟิ่งอย่างไร กลับไม่กล้ารับการคารวะจากผู้เฒ่า
เขาพาฮุยหลางกับอิ่งอีออกไป บอกว่ามีธุระต้องไปจัดการ จะเข้ามาค่ำๆ ด้วยเหตุนี้จึงหายไปจากสายตาของผู้เฒ่าอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาแม้อยากจะคารวะก็หาตัวไม่เจอ
“ท่านปู่ ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ มองเขาเป็นคนรุ่นเดียวกันกับข้าก็ได้ เขาไม่กล้ารับการคารวะจากท่านหรอก” เฟิ่งจิ่วพูดยิ้มๆ แล้วประคองเขาไปนั่งลงในศาลา
“เขาชอบเจ้าใช่หรือไม่? ข้าเห็นว่าสายตาที่เขามองเจ้าไม่ธรรมดาเท่าไร” ผู้เฒ่าแม้อายุมากแล้ว แต่สายตากลับเฉียบแหลมยิ่ง แวบเดียวก็มองออกถึงความผิดปกติระหว่างทั้งสองคน
มุมปากเฟิ่งจิ่วกระตุก มองเขาอย่างจนใจ “ท่านปู่ ท่านไม่ต้องคุยเรื่องข้าเลย เรามาพูดเรื่องท่านน้าซู่ซีกันดีกว่า!”
ได้ยินเช่นนี้ ผู้เฒ่าเฟิ่งเหนียมอายขึ้นมาทันที ใบหน้าชราแดงก่ำเล็กน้อย สีหน้าเขินอาย “ระ เรื่องนั้น แม่หนูเฟิ่ง! นะ นี่น่ะ…”
“ท่านปู่ ท่านไม่ต้องเขินหรอก อายุพวกท่านสองคนต่างกันไม่มาก เพียงแต่รูปโฉมท่านน้าซู่ซียังรักษาไว้ในสภาพดีที่สุดเท่านั้น ข้าจะบอกท่านนะ ข้ารู้เรื่องพวกท่านตั้งแต่แรกแล้ว ท่านน้าซู่ซีเป็นผู้หญิงที่หายากนัก ท่านปู่อย่าทำให้นางเสียใจเลย”
“ได้ๆ ข้ารู้แล้ว” เขาพยักหน้า หลานสาวพูดถึงเพียงนี้ก็ยังขัดเขินอยู่ดี
“ข้าคิดว่าหลังจากกลับราชวงศ์เฟิ่งหวงจะช่วยท่านปรุงยาบรรลุขั้น ขอแค่บรรลุถึงระดับนักรบทรงเกียรติก็หนุ่มลงได้หลายสิบปีแล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร ความคิดนี้ไม่เลวใช่หรือไม่?” เธอมองเขาอย่างยิ้มแย้ม ด้วยพรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญประกอบกับยาของเธอ การบรรลุระดับนักรบทรงเกียรติคงไม่ยากเย็นอะไร
ผู้เฒ่าเฟิ่งได้ยินเช่นนี้ก็ซาบซึ้งในใจ หลานสาวช่วยวางแผนเสียดิบดี ยังมีอะไรต้องพูดอีก?
เขายื่นมือไปตบๆ มือนาง เบ้าตาแดงเล็กน้อย “แม่หนูเฟิ่ง ขอบใจเจ้ามาก”
………………………………………………….
ตอนที่ 572 กลับราชวงศ์เฟิ่งหวง
เมื่อได้ยิน เฟิ่งจิ่วนิ่งไปพักหนึ่ง บอกด้วยรอยยิ้มว่า “เห็นท่านปู่มีคนรู้ใจดีๆ อย่างท่านน้าซู่ซีอยู่ด้วย ข้าดีใจกับท่านมาก รอหลังจากท่านปู่กับท่านน้าซู่ซีแต่งงานกัน ข้าคงไม่ต้องอยู่ราชวงศ์เฟิ่งหวงไปตลอดแล้ว”
“ไม่อยู่ที่นั่น? เช่นนั้นเจ้าจะไปไหน” ท่านปู่ตกใจ รีบถามไป
เธอแย้มยิ้ม “ข้าจะไปฝึกบำเพ็ญที่สำนักศึกษาเจ้าค่ะ! อืม ถึงเวลานั้นจะไปสำนักศึกษาหกดาราก่อน พี่สีหลิ่นก็จะไปด้วย”
พอได้ยินว่าจะไปสำนักศึกษา ผู้เฒ่าเฟิ่งถึงจะโล่งอกได้ “ไปสำนักศึกษาก็ดี ที่นั่นมีอาจารย์คอยดูแล ข้าก็วางใจได้”
หลานปู่สองคนคุยกันอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งช่วงเย็นหลินป๋อเหิงเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขา เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อถึงจะเข้ามาพร้อมกัน พวกเขาอยู่เมืองซานเจียงไม่นาน หลังจากเที่ยวเล่นสองสามวันก็เตรียมตัวจากไป
หลินป๋อเหิง ซู่ซี และหลินเฉิงจื้อมาส่งพวกเขาถึงนอกเมือง เมื่อเห็นเรือเหาะลำหรูหรา ดวงตาทั้งสามคนต่างฉายแววแปลกใจ นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งจิ่วจะมีเรือเหาะลำหรูหราเช่นนี้ ต้องรู้ไว้ว่าเรือเหาะที่หรูหราเช่นนี้ แม้แต่ลำของตระกูลพวกเขายังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
เรือเหาะเช่นนี้ลำพังแค่มีเงินยังซื้อไม่ได้เลย นี่อาจจะไม่ใช่ของเฟิ่งจิ่ว แต่เป็นของชายชุดคลุมดำผู้นั้น
“พี่ใหญ่ ซู่ซี เฉิงจื้อ พวกเจ้ากลับไปเถอะ! ไม่ต้องไปส่งแล้ว” ผู้เฒ่าเฟิ่งเอ่ย สายตาหยุดลงบนร่างซู่ซีพร้อมบอกว่า “ซู่ซี ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องรอนาน”
ซู่ซีเผยรอยยิ้มอ่อนโยน พยักหน้ากล่าว “เดินทางระมัดระวัง ข้าจะรอท่านกลับมา”
“ท่านอาเฟิ่ง ทุกท่าน เดินทางดูแลตัวเองกันด้วย” หลินเฉิงจื้อยิ้มพลางประสานมือคารวะ
“เหอะๆ ดูเจ้าสิ ข้าบอกเสียดิบดีว่าจะส่งเจ้ากลับไป ตอนนี้กลับบอกว่าไม่ต้องไปส่งแล้ว” หลินป๋อเหิงส่ายหน้า “ในเมื่อมีแม่หนูเฟิ่งกับคุณชายหลิงเดินทางไปด้วย ซานหยวน ข้าไม่ไปส่งแล้ว พวกเราจะรอจดหมายเจ้าอยู่ที่นี่”
“ขอรับ”
ผู้เฒ่าเฟิ่งพยักหน้า มองซู่ซีแวบหนึ่ง แล้วบอกกับพ่อลูกตระกูลหลินว่า “ขอพี่ใหญ่กับเฉิงจื้อดูแลซู่ซีให้มากๆ รอข้ากลับมาจะขอบคุณพวกท่านแน่นอน”
“ท่านอาเฟิ่งวางใจเถอะ! พวกเราจะดูแลท่านน้าเป็นอย่างดี” หลินเฉิงจื้อกล่าว
ส่วนซู่ซีแค่ยิ้มเล็กน้อย ใบหน้ามีความสุขใจที่ไม่อาจปิดบัง ในใจกลับอาลัยอาวรณ์อยู่รางๆ หากไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ก็อยากตามเขาไปราชวงศ์เฟิ่งหวงด้วยจริงๆ
“ไปเถอะๆ! หากเจ้ายังจู้จี้ต่อไปฟ้าคงใกล้มืด” หลินป๋อเหิงยิ้มหยอกล้อ ทำท่าสื่อให้พวกเขารีบขึ้นเรือเหาะ
“ท่านปู่หลิน ท่านอาหลิน ท่านน้าซู่ซี พวกเราจะพบกันอีกในไม่ช้า” เฟิ่งจิ่วเอ่ย มองพวกเขาคราหนึ่งแล้วถึงจะหันกายขึ้นเรือเหาะไป
ผู้เฒ่าเฟิ่งแม้ไม่อยากจากไป แต่ยามนี้ก็เดินขึ้นเรือเหาะเช่นกัน รอจนเรือเหาะบินขึ้นถึงจะโบกมือให้พวกเขา และทำท่าทางให้พวกเขากลับไป
มองเห็นเรือเหาะลอยไกลออกไป หายไปกลางอากาศ หลินป๋อเหิงจึงมองน้องสาวข้างกาย “ซู่ซี พวกเรากลับกันเถอะ!”
หลินเฉิงจื้อข้างๆ เผยรอยยิ้มออกมา “จริงด้วยท่านน้า อีกไม่นานท่านอาเฟิ่งจะกลับมารับท่านแน่”
ซู่ซียิ้มๆ พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปพร้อมกับพวกเขา…
ราชวงศ์เฟิ่งหวง
ผู้เฒ่าไม่อยู่ บุตรสาวก็ไม่อยู่ ทำให้เฟิ่งเซียวที่เดิมมีสีหน้าเคร่งขรึมใบหน้าบึ้งตึงมาตลอดตั้งแต่นางจากไป เห็นชัดว่าอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าใด จนกระทั่งวันนี้ได้ยินเสียงระรื่นขององครักษ์ดังมาจากด้านนอก
“นายท่าน ท่านผู้เฒ่ากับคุณหนูใหญ่กลับมาแล้วขอรับ!”
………………………………………………….