ตอนที่ 573 มีชีวิตชีวา
แม้เฟิ่งเซียวนายท่านของพวกเขาเป็นผู้ครองแคว้น และคุณหนูใหญ่มีศักดิ์เป็นองค์หญิง ทว่าคนพวกนี้ที่ติดตามข้างกายมาหลายปีก็ยังเรียกว่านายท่านกับคุณหนูใหญ่ด้วยความเคยชิน เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร นายท่านยังคงเป็นนายท่าน และคุณหนูใหญ่ก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขา
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งเซียวลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ แล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไป “เจ้าบอกว่าเสี่ยวจิ่วกับท่านผู้เฒ่ากลับมากันแล้วหรือ”
“ขอรับ มาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว ข้าน้อยได้รับข่าวจึงเข้ามารายงานทันที”
“ท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพเป็นอย่างไร ยังสบายดีหรือไม่” ใจเฟิ่งเซียวว้าวุ่นอยู่บ้าง แม้เสี่ยวจิ่วจะบอกตลอดว่าคนที่ลักพาตัวผู้เฒ่าไปคงไม่ใช่ศัตรู แต่ไม่เห็นบิดากลับมาอย่างปลอดภัย จึงยังคงไม่วางใจ
องครักษ์วัยกลางคนเอ่ยยิ้มๆ ว่า “นายท่านโปรดวางใจ ได้ยินคนเบื้องล่างบอกว่าท่านผู้เฒ่ามีชีวิตชีวา สภาพจิตใจดีเต็มร้อยขอรับ”
“ฮ่าๆๆๆ! ดีๆๆ กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดี กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว!” เขาก้าวยาวเดินออกไป คิดจะไปต้อนรับหน้าประตูวังด้วยตนเอง
ในขณะเดียวกันนี้ เฟิ่งจิ่วที่เปลี่ยนกลับเป็นชุดผู้หญิงสวมกระโปรงขาวกำลังประคองผู้เฒ่าเฟิ่งเดินเข้าประตูเมืองอวิ๋นเยวี่ย ด้านหลังมีเพียงเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาจูงเหล่าไป๋และอสูรกลืนเมฆาตามมาด้วย ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับฮุยหลางรวมถึงอิ่งอีสามคนก้าวเข้าพระราชวังไปก่อน
เธอจอดเรือเหาะไว้หน้าประตูวังตรงๆ แต่ลงจากเรือเหาะตั้งแต่นอกเมือง เพื่อจะเดินเข้าเมืองอวิ๋นเยวี่ยพร้อมๆ กับท่านปู่ และบอกทุกคนว่าท่านปู่กลับมาแล้ว!
หลังจากแต่ละตระกูลในเมืองได้ยินข่าวนี้ ก็ต่างพากันตกตะลึง
“อะไรนะ ผู้เฒ่าเฟิ่งกลับมาแล้ว?”
“ทำไมจู่ๆ ถึงกลับมา? ไม่ใช่ว่าหายตัวไปอย่างลึกลับหรือ”
“เขากลับมากับใคร? แล้วช่วงนี้ไปอยู่ไหนมา? โดนใครลักพาตัวไป?”
แต่ละคำถามดังออกมาจากแต่ละตระกูล ผู้เฒ่าเฟิ่งยามนี้เป็นจักรพรรดิหลวง[1]แห่งราชวงศ์เฟิ่งหวงแล้ว สิ่งที่ตระกูลเฟิ่งประสบพบเจอในช่วงนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเหลือเชื่อจริงๆ
เฟิ่งเซียวที่วินิจฉัยว่าจะหมดสติไม่ฟื้นจู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมา ซ้ำยังบรรลุขั้นกลายเป็นจักรพรรดินักรบ และกลายเป็นผู้ครองแคว้นแทนที่คนตระกูลมู่หรง ยามนี้นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าเฟิ่งที่ไม่รู้แจ้งเบาะแสยังบอกว่ากลับมาแล้ว?
เรื่องแปลกใหม่เช่นนี้ แต่ละคนล้วนสงสัย รู้ว่าพวกเขากำลังเข้าประตูเมืองมา ดังนั้นจึงพากันรีบออกไปดูเสียหน่อย คนตระกูลเฟิ่งมีศักดิ์เป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่ใช่ว่าคนจากตระกูลเช่นพวกเขาอยากจะเยี่ยมเยียนก็พบได้
“ท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง ท่านกลับมาแล้ว!”
“ผู้เฒ่าเฟิ่งอะไร? ตอนนี้เป็นจักรพรรดิหลวงแล้ว”
ชาวบ้านในเมืองที่รู้จักเขาต่างพากันทักทายเขา เมื่อมีคนเอ่ยถึงฐานะเขาตอนนี้ที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกคนจึงเปลี่ยนคำเรียกเป็นจักรพรรดิหลวงแทน
“เหอะๆ ข้ากลับมาแล้ว ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงเสียแล้ว” ผู้เฒ่ากล่าวทักทายชาวบ้านในเมืองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นเหล่าคนท่าทางยินดีมีสุข รอยยิ้มบนหน้ายิ่งกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ท่านปู่ ทุกคนเห็นท่านกลับมาล้วนดีใจกันมากเลยเจ้าค่ะ!” เฟิ่งจิ่วพยุงเขาเดินไปทางประตูราชวัง ใบหน้ามีรอยยิ้มอิ่มเอมเช่นกัน
“จริงด้วย! ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีเพียงนี้ ทุกคนต่างรู้จักกัน ต้องดีใจเป็นธรรมดา” เขาพยักหน้าอย่างทอดถอนใจ เห็นร่างที่คุ้นเคยมาทางด้านนี้จากไกลๆ เมื่อเห็นร่างนั้นดวงตาเขาพลันเป็นประกาย
“ตาเฒ่าเกิ่ง! ตาแก่อย่างเจ้าออกจากการเก็บตัวฝึกบำเพ็ญแล้วรึ ฮ่าๆๆ!” ผู้เฒ่าเฟิ่งเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า กอดกับผู้เฒ่าเกิ่งที่ออกมาต้อนรับพร้อมตบๆ บ่ากันและกัน
………………………………………………….
ตอนที่ 574 การรวมตัวหน้าประตูวัง
“เหล่าเฟิ่ง เจ้ากลับมาแล้ว!”
ผู้เฒ่าเกิ่งหัวเราะเสียงดัง พินิจมองจากบนลงล่าง เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร สภาพจิตใจกลับดียิ่งด้วยซ้ำ จึงถามด้วยความแปลกใจโดยพลัน “ช่วงนี้เจ้าไปไหนมา ดูท่าทางคงไม่ได้ลำบากกระมัง? ทำไม่ถึงเห็นเจ้าอารมณ์ดีกว่าข้าเสียอีก?”
ได้ยินคำพูดนี้ ผู้เฒ่าเฟิ่งไม่รู้จะตอบอย่างไร มาเจอหน้าเพื่อนเก่า บอกว่าเขาว่าตนจะแต่งงาน คำพูดนี้เอ่ยยากอยู่บ้าง รู้สึกว่าน่าอายเกินไปจริงๆ
ครั้นเห็นท่านปู่ยิ้มอักอ่วนอยู่ตรงนั้น เฟิ่งจิ่วเม้มริมฝีปากยิ้มทันใด “ท่านปู่เกิ่ง”
“เหอะๆ แม่หนูตระกูลเฟิ่ง! เจ้าไปตามหาปู่ที่ไหน? ดูท่าทางแปลกๆ ถามเขาแล้วยังทำหน้าเขินอายอีก” ผู้เฒ่าเกิ่งเอ่ยอย่างรู้สึกแปลกใหม่ ทั้งยังพินิจมองผู้เฒ่าเฟิ่งเป็นครั้งคราว
เฟิ่งจิ่วยิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวอย่างมีลับลมคมในว่า “ท่านปู่เจอเรื่องน่ายินดีจึงอารมณ์ดีนัก ท่านปู่เกิ่ง เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับชั่วคราวนะเจ้าคะ แต่อีกไม่นานข่าวก็จะออกมาแล้ว ถึงเวลานั้นรับประกันว่าท่านต้องตกใจจนเนื้อเต้น” เธอฉีกยิ้ม
ผู้เฒ่าเฟิ่งนิ่งอึ้งไป จากนั้นค่อยหัวเราะลั่น “ดีๆๆ เช่นนั้นข้าจะรอ ดูซิว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีอะไรกันแน่” เสียงเขาชะงักไป “พวกเจ้าเพิ่งกลับมา ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าเสียเวลากลับวัง รอมีเวลาแล้วค่อยคุยกันเถอะ”
“ดี เช่นนั้นพวกเราจะกลับไปก่อน รออีกสักสองวันข้าค่อยไปดื่มเหล้ากับเจ้าที่บ้านตระกูลเกิ่ง” ผู้เฒ่าเฟิ่งพูดพลางตบๆ บ่าสหาย จากนั้นเดินไปพร้อมกับหลานสาว
บนถนน คนจากตระกูลไม่น้อยเข้ามาแสดงความยินดี เขาก็คารวะตอบกลับไปตลอดทาง ให้ทุกคนเห็นว่าเขากลับมาอย่างปลอดภัย จนกระทั่งมาถึงพระราชวัง เห็นผู้คนที่เฝ้ารออยู่ตรงประตูวัง ผู้เฒ่าเฟิ่งซาบซึ้งใจอย่างไร้สาเหตุ
อย่างไรเขาก็นึกไม่ถึง ว่าจะมีวันที่ลูกหลานตระกูลเฟิ่งขึ้นรับตำแหน่งผู้ครองแคว้นแทนที่ตระกูลมู่หรง และยิ่งไม่นึกว่าเขาออกไปครั้งเดียวกลับมา ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
“ท่านพ่อ!”
เฟิ่งเซียวเข้ามาต้อนรับ เห็นบิดาปลอดภัยไม่เกิดเรื่องอะไร ใจที่เป็นห่วงมาตลอดก็ปล่อยวางได้ในที่สุด เอ่ยอย่างตื่นเต้นและยินดีว่า “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้วขอรับ!”
“ท่านพ่อ บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าท่านปู่จะไม่เป็นอะไร?” ตอนเฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ ก็ได้ยินพวกหลัวอวี่ที่เดินตามมาล้อมเข้ามาคารวะอย่างยินดี
“ข้าน้อยคารวะนายท่าน!”
“ลุกขึ้นเถอะ!” เฟิ่งจิ่วโบกๆ มือ ให้สัญญาณพวกเขาลุกขึ้น
“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว!” หลัวอวี่มองนาง กล่าวว่า “ท่านไม่อยู่พวกเราต่างเป็นห่วงอยู่ตลอด และหวังว่านายท่านจะกลับมาได้โดยเร็ว”
“กลับมาจัดการพวกเจ้าโดยเร็วหรือ?” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ สายตามองผ่านบนร่างพวกเขา
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา บรรยากาศรื่นเริงกระจายอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน
“ดี เข้าไปในวังกันก่อน คุยกันตรงนี้เหมือนเป็นอะไรไปเสียแล้ว” เฟิ่งเซียวกล่าว มายังข้างกายผู้เฒ่าพลางบอก “ท่านพ่อ ช่วงที่ท่านไม่อยู่เกิดเรื่องมากมาย ไม่รู้เสี่ยวจิ่วบอกท่านหรือยัง หากไม่ละก็ ประเดี๋ยวข้าจะบอกท่านอย่างละเอียด”
“เรื่องที่นี่ข้ารู้หมดแล้ว แม่หนูเฟิ่งก็เล่าให้ฟัง เจ้าทำได้ถูกต้องแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น การตัดสินใจเช่นนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง” ผู้เฒ่าเฟิ่งเดินไปด้านในกับเขาพลางกล่าว “แค่ไม่นึกว่าแม่หนูเฟิ่งจะมีความกล้าหาญเช่นนี้ ถึงกับยกเจ้าขึ้นรับตำแหน่งผู้ครองแคว้น”
………………………….……………………….
[1] จักรพรรดิหลวง ในที่นี้คือพระเจ้าหลวง หรือกษัตริย์ที่สละราชสมบัติให้รัชทายาทเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทน