ตอนที่ 18 โดนหลอกแล้ว

Mars เจ้าสงครามครองโลก

ในที่สุดงานแต่งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ก็สิ้นสุดลง

ความจริงที่เย่เซิ่งเทียนเป็นเจ้าบ่าว ทำให้พวกตระกูลอันดับต้นๆ ในเมืองเฉียนถัง อย่างตระกูลหมิง ตระกูลซุน ตระกูลหนานกง ตระกูลเฉินและตระกูลอู๋รู้สึกหวาดกลัว ต่อมาด้วยข่าวที่สำนักงานจ่งตูเผยแพร่ออกมา ความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉาริษยา

เหล่าคุณชายตระกูลอันดับต้นๆ โดนลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยา อย่างเย่เซิ่งเทียน ทำให้ตกใจจนคุกเข่าลงบนพื้น ซุนหมินตกใจจนฉี่ราด!

แต่สุดท้ายเย่เซิ่งเทียนกลับไม่ใช่เจ้าเทพ แค่เคยบังกระสุนให้เจ้าเทพ งานแต่งนี้ คือสัญญาที่เจ้าเทพให้ไว้กับเย่เซิ่งเทียน!

ดังนั้น ความอิจฉาริษยากลับกลายเป็นความอับอาย!

ใช่ มันคือความอับอาย!

เว้นแต่ตระกูลจ้าวที่ไม่มีท่าทีใด ตระกูลอื่นล้วนโกรธจนทนไม่ไหว!

โดยเฉพาะพวกคุณชายใหญ่ คุกเข่าให้ไอ้ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยา นี่เป็นการตบหน้าตระกูลใหญ่เหล่านี้!

ทำให้พวกเขากลายเป็นตัวตลกในเมืองเฉียนถัง!

โดยเฉพาะตระกูลหมิง คำนับเย่เซิ่งเทียนต่อหน้าคนเยอะแยะ กลายเป็นตัวตลกอย่างสมบูรณ์แบบ!

แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถโวยวายในงานได้ ไม่งั้นจะเป็นการไม่ไว้หน้าเจ้าเทพ!

หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง พวกเย่เซิ่งเทียนกลับบ้าน หวางซีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝัน ทั้งหมดมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก!

เธอเป็นเจ้าสาวที่โดนจับจ้อง และคนรักของเธอ ปรากฏตัวท่ามกลางการโดนจับจ้อง ขอเธอแต่งงาน!

“เซิ่งเทียน นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม”

หวางซีน้ำตาไหล จ้องเย่เซิ่งเทียน

“เรื่องจริง”

เย่เซิ่งเทียนจูบหน้าผากใสของเธอ

“เขินๆๆๆ” ซือซือรีบเอามือปิดตา แต่ตาโตหลังซอกนิ้วกลับสั่นไหว

“ถือว่าคุณผ่านด่านแล้ว”

หลี่หลานที่กำลังอุ้มซือซือ พูดออกมาแบบขุ่นเคือง

ขณะนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น นายหญิงใหญ่หวางพาหวางหงมา

หลี่หลานรีบวางซือซือลง และไปเปิดประตู เธอพูดอย่างตกใจ “แม่ พี่ มาทำไมเหรอ”

นายหญิงใหญ่หวางยิ้มเหมือนดอกไม้ พูดว่า “พวกเราตั้งใจมาเคลียร์ความเข้าใจผิด”

แล้วพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ฉันไล่พวกเธอออกจากตระกูล เพราะความโกรธ และโกรธที่เย่เซิ่งเทียน ทำให้ซีเอ๋อร์เสียใจมานาน แล้วยังเถียงฉัน เฮ้อ ย่าคนไหนไม่รักหลานสาวตัวเองบ้างล่ะ

หวางหงก็ยิ้มเช่นกัน “ใช่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ซีเอ๋อร์โดนเย่เซิ่งเทียนทำให้เสียใจมาหลายปี พวกเราก็โกรธ ตอนนี้ดีกันแล้ว ในเมื่อเขาอยากใช้ชีวิตอย่างสงบ แถมยังชดเชยงานแต่งให้เธออย่างยิ่งใหญ่ เราจะโกรธอีกทำไมล่ะ”

เมื่อได้ยิน หลี่หลานกับหวางซี สองแม่ลูก ไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง คิดไม่ถึงว่านายหญิงใหญ่หวางกับหวางหง จะมาเพราะเรื่องนี้

“แม่ ไม่ต้องหรอก เราไม่รู้ความเอง……” หลี่หลานตื้นตันจนพูดไม่รู้เรื่อง นายหญิงใหญ่มาที่นี่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรก

หวางซีรีบพูดว่า “ขอบคุณคุณย่า ขอบคุณลุงใหญ่ ฉันทำให้พวกคุณกังวลใจ”

ทว่าเย่เซิ่งเทียนไม่เชื่อว่าพวกเขามีเจตนาดี พูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อพวกคุณคำนึงถึงซีเอ๋อร์ งั้นก็เอาบริษัทหัวหยวนของพ่อตาผมคืนมา”

“อย่าพูดไร้สาระ!”

แม่ของหวางซียังคงใสซื่อ โดนนายหญิงใหญ่กดขี่มาตลอด ตอนนี้นายหญิงใหญ่วางท่าทีลง และมาหาถึงที่ กลับไม่ถือสาหาความกับเรื่องผิดใจที่ผ่านมาแล้ว

หวางหงหัวเราะแล้วพูดว่า “เซิ่งเทียนพูดถูก เดิมทีให้ซีเอ๋อร์อยู่ในบริษัทมาสองสามปี เพราะต้องการทดสอบ ว่าเธอจะควบคุมบริษัทหัวหยวน ได้ดียิ่งกว่าหรือเปล่า ตอนนี้ซีเอ๋อร์โตแล้ว ฉันก็สามารถมอบบริษัทหัวหยวนให้เธออย่างวางใจ

“จริง จริงเหรอ”

ความรักที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้หวางซีกับหลี่หลานอึ้งไป

แต่ไม่นานก็เข้าใจ มันเกิดจากงานแต่งครั้งนี้

นายหญิงใหญ่หวางดึงมือหวางซีให้นั่งลง แล้วพูดว่า “ซีเอ๋อร์ ย่ารู้ความสามารถของแก คนเก่งย่อมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น ที่ทำกับแกขนาดนั้นมาสองสามปี ก็เพราะต้องการทดสอบแก ยังดีที่แกรับแรงกดดันได้ไม่เลว และทดสอบผ่านมาได้ เฮ้อ ย่าสงสารแก”

หวางซีขอบตาแดงระเรื่อ

เธอไม่เชื่อคำหลอกลวงของนายหญิงใหญ่หวางสักนิด

แต่งานแต่งครั้งนี้ รวมถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เธอเดาได้ว่าเย่เซิ่งเทียนคือเจ้าเทพ

แต่เธอคิดว่าตัวเอง ไม่สามารถทำให้เย่เซิ่งเทียนแปดเปื้อนได้

เธอไม่กล้าจินตนาการ เซิ่งเทียนเป็นเจ้าเทพ ต้องผ่านความตายมาเท่าไร

ตำแหน่งเจ้าเทพ เป็นสิ่งที่เซิ่งเทียนแลกมาด้วยชีวิต เธอจะทำให้ชื่อเสียงของเซิ่งเทียนเสียหาย เพราะตัวเธอเองไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป พวกตระกูลหวางที่เห็นแก่อำนาจและประโยชน์ ต้องมาทำลายชื่อเสียงเซิ่งเทียนแน่นอน

หวางซีแอบบอกตัวเอง จะให้เซิ่งเทียนรู้ไม่ได้ ว่าตัวเองเดาตัวตนของเขาได้ และจะให้พวกหน้าไม่อายในตระกูลหวาง รู้ตัวตนที่แท้จริงของเซิ่งเทียนไม่ได้!

ดังนั้น ตัวเองต้องแสร้งทำต่อไป

ซีเอ๋อร์ ตอนนี้ยังเหลือบททดสอบสุดท้าย ก่อนที่เจ้าเทพจะรับตำแหน่ง สำนักงานจ่งตูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า เจ้าเทพจะสร้างเมืองใหม่แห่งหนึ่ง พรุ่งนี้เป็นงานประกวดราคา ถึงตระกูลหวางของเราจะโดดเด่นในสายตาคนทั่วไป แต่ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปในงานประกวดราคา ดังนั้น บททดสอบสุดท้ายก็คือ

เห็นนายหญิงใหญ่หวางกับหวางหงดีขนาดนี้ หลี่หลานรีบรับปากทันที “แม่ พี่ใหญ่ วางใจเถอะ ซีเอ๋อร์ต้องมีรายชื่อเข้าไปในงานประกวดราคาแน่นอน”

นายหญิงใหญ่หวางพูดอย่างจริงจัง “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เกี่ยวกับอนาคตของตระกูลหวาง และอนาคตของตัวซีเอ๋อร์เองด้วย แน่นอนว่าตอนนี้เย่เซิ่งเทียนมีความสัมพันธ์กับเจ้าเทพ รายชื่อเข้าไปในงานประกวดราคา คงไม่ยากสำหรับเธอ”

หวางซีคิดครู่หนึ่ง พูดอย่างฮึกเหิมว่า “คุณย่าวางใจเถอะ หนูต้องมีรายชื่อในงานประกวดราคา”

“พอแล้ว ไม่ต้องแสร้งทำ มีแต่จะทำให้คนสะอิดสะเอียน”

เย่เซิ่งเทียนแสยะยิ้มเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้น

นายหญิงใหญ่หวางฝืนยิ้ม “ช่างเถอะ ในเมื่อเซิ่งเทียนไม่เชื่อ เจ้าใหญ่ เรากลับกันเถอะ แต่เก็บบริษัทไว้ให้ซีเอ๋อร์”

“ทำไมคุณพูดแบบนี้! ได้รับการสั่งสอนบ้างไหมเนี่ย!”

หลี่หลานโกรธจนตบเย่เซิ่งเทียน

หวางซีพูดตำหนิ “เซิ่งเทียน ทำไมคุณพูดแบบนี้ ย่ากับลุงใหญ่ทุกข์ใจนะ”

เย่เซิ่งเทียนแอบถอนหายใจ แม่ยายกับซีเอ๋อร์ โดนสองแม่ลูกนี่ตบตาแล้ว ตอนนี้พูดอะไรก็ไร้ประโยชน์

ในเมื่อพวกเธอไม่เชื่อตัวเอง งั้นก็ให้พวกเธอเห็นธาตุแท้ของคนตระกูลหวางเองแล้วกัน

“ย่าอย่าโกรธนะ เซิ่งเทียนไม่ได้หมายความแบบนั้น” หวางซีรีบอธิบายแทนเย่เซิ่งเทียน

เธอหวังว่า งานแต่งของตัวเองกับเย่เซิ่งเทียน จะได้รับการอวยพรจากคนในครอบครัว

“ซีเอ๋อร์เป็นผู้ใหญ่มาก คฤหาสน์เขตจวนสวรรค์ที่ตระกูลจ้าวมอบให้ ฉันให้คนดูแลเรียบร้อยแล้ว พวกเธอเตรียมตัวไว้ เมื่อได้เอกสารรับรอง ก็ย้ายเข้าไปได้เลย ฉันจะรอข่าวดีที่บ้านนะ”

พูดจบ นายหญิงใหญ่หวางกับหวางหงจึงกลับไป

หวางซีพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เซิ่งเทียน คุณไม่ควรพูดแบบนั้นกับย่า”

เย่เซิ่งเทียนเหนื่อยใจ

หลี่หลานพูดว่า “ตอนนี้คุณติดต่อไปสิ ถึงใช้น้ำใจของเจ้าเทพหมดแล้ว แต่รายชื่อในงานประกวดราคา ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

“ได้ ขอผมถามก่อน”

เย่เซิ่งเทียนไม่สนว่าคนตระกูลหวางจะมาไม้ไหน ขอแค่ตัวเองอยู่ ตระกูลหวางทำอะไรไม่ได้แน่นอน

มีแต่แม่ยายกับซีเอ๋อร์ที่จะทุกข์ระทม

แต่ก็จนปัญญา

เย่เซิ่งเทียนรีบโทรหาเวินเฉิน หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง มีคนเอาเอกสารรับรอง ในการเข้าร่วมงานประกวดราคามาให้

หลังได้เอกสารรับรอง สายโทรศัพท์ของเวินเฉิน ทำให้เย่เซิ่งเทียนตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

ความอาฆาตในแววตา พลุ่งพล่านออกมาทันที

ขนาดอุณหภูมิรอบๆ ยังดูเหมือนลดลงไปหลายองศา

ความเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ทำให้หลี่หลานกับหวางซีตัวสั่น เห็นความผิดปกติของเย่เซิ่งเทียน

“เซิ่งเทียน คุณไม่สบายเหรอ”

“ผมไม่เป็นไร ผมขอออกไปสักแป๊บ”

เย่เซิ่งเทียนรีบเก็บความอาฆาตเอาไว้ ออกไปด้วยสีหน้าอึมครึม

ป้ายหลุมศพของแม่ โดนคนสาดเลือดสุนัขใส่!!

เขาจะไปฆ่าคน!

หวางซีไม่ได้คิดอะไรมาก โทรหานายหญิงใหญ่หวางอย่างมีความสุข

“คุณย่า หนูได้เอกสารรับรองในงานประกวดราคาแล้ว หนูกำลังเตรียมตัว ไปร่วมงานประกวดราคาพรุ่งนี้ คุณย่ามีอะไรจะสั่งอีกไหม”

ปลายสาย นายหญิงใหญ่ยิ้มอย่างน่ากลัว “ดีๆๆ เป็นหลานสาวที่ดีจริงๆ ฉันจะให้เปียวเอ๋อร์ไปเอาเอกสารรับรอง เธอไม่ต้องไป ให้เปียวเอ๋อร์ได้ไปเปิดหูเปิดตา”

“หนูไม่ต้องไปเหรอ”

หวางซีที่กำลังดีใจมาก รู้สึกผิดหวังทันที

“ย่าแกว่าไงบ้าง” หลี่หลานถามอย่างอดไม่ไหว

“ย่าบอกว่า ให้หวางเปียวไป” หวางซีพูดหงอยๆ

“หา ให้หวางเปียวเหรอ” หลี่หลานพูดอย่างสิ้นหวัง “งั้น งั้นก็ไม่เป็นไร ใครไปก็เหมือนกัน เพราะแกได้เอกสารรับรองมา แกผ่านด่านแล้ว”

ไม่นาน หวางเปียวมาเอาเอกสารรับรอง หลังจากได้มา เขาพูดเย้ยหยันว่า “ก็ยังเป็นครอบครัวโง่ๆ เหมือนคนซื่อบื้อ คำพูดไม่กี่คำก็เชื่อแล้ว มิน่าล่ะถึงได้ร่วมนอนกับไอ้สารเลวเย่เซิ่งเทียนได้”

หวางซีอึ้งไป “คุณหมายความว่ายังไง!”

หวางเปียวชี้หวางซีกับหลี่หลาน แล้วด่าว่า “หมายความว่าไงงั้นเหรอ คนต่ำตม ย่าหลอกแกไง ยังคิดจะรับช่วงดูแลบริษัทหัวหยวนต่อ ฝันไปซะเถอะ!”

“ดูท่าพวกแก คงจะย้ายไปอยู่คฤหาสน์เขตจวนสวรรค์ ที่ตระกูลจ้าวมอบให้สินะ คนไม่รู้ดีชั่ว เอี๋ยนเอี๋ยนไปเอามาแล้ว! พวกแกเหมาะจะอยู่ในคฤหาสน์เขตจวนสวรรค์เหรอ แม้แต่บ้านนี้ ย่าก็เอาคืนมาแล้ว!”

อะไรนะ!!

หวางซีกับหลี่หลานเหมือนโดนฟ้าผ่า!