ตอนที่ 157 คนซื่อก็โกรธเป็น

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน

ตอนที่ 157 คนซื่อก็โกรธเป็น

ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าจูเกรี้ยวกราดใส่แม่นางเฉิน ทั้งทุบตีและด่าทอหลายกระบวนท่าด้วยความโกรธจนหัวหมุน ครั้นถูกหยุนชิ่วเอ๋อเอ่ยเตือนจึงมีปฏิกิริยากลับมา

เมื่อสองแม่ลูกอันไร้เหตุผลส่งสายตาให้กัน แม่เฒ่าจูพลันกระโดดขึ้นจากม้านั่งตัวยาวพร้อมดึงตัวหยุนลี่เต๋อไว้ เงยหน้าด่าทอเขาด้วยน้ำตานองหน้า “เจ้าหมาป่าตาขาว เจ้ามันไร้จิตสํานึก! เมื่อตนเองมีชีวิตสุขสบายแล้ว คงอยากให้พวกเรารีบตาย ๆ ไปซะ ที่เจ้าปล่อยให้เจ้าสามรับเงินแทนคงอยากจะให้ข้ากับพ่อเจ้าตายทั้งเป็น! เดรัจฉานที่ไม่มีมโนธรรมเช่นเจ้าจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!”

หยุนลี่เต๋อถูกแม่เฒ่าจูจับตัวไว้แน่นแต่ไม่กล้าออกแรงดิ้นรนแรงนักเพราะเกรงว่าจะเป็นการผลักร่างของอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไป ร่างกายของเขาเหงื่อแตกพลั่ก ได้แต่ยืนนิ่งด้วยอาการตะลึงงัน “มิใช่เช่นนั้น! ท่านแม่คนผู้นั้นไม่เคยบอกว่าจะให้เงินห้าตําลึง แต่เป็นน้องสาม…”

เดิมทีเรื่องนี้ไม่ควรเกิดปัญหา ทว่าเป็นเพราะหยุนลี่เซียวโวยวายขึ้นราวกับจงใจโยนความผิดทั้งหมดให้กับหยุนลี่เต๋อ

หยุนชิ่วเอ๋อเดินไปข้างหน้าและยกมือผลักเขาพร้อมตะโกนว่า “พี่รอง ท่านจะแก้ตัวด้วยเหตุใด ท่านอยากให้ท่านแม่โกรธจนตายใช่หรือไม่? มันเป็นเงินเพียงเงินแค่ห้าตําลึง คงไม่ทำให้ครอบครัวของท่านเดือดร้อนกระมัง! รีบหยิบมันออกมาเสีย หากท่านพ่อท่านแม่โกรธจนเป็นอันใดขึ้นมา ข้าคงไม่อาจปล่อยท่านไว้ได้!”

“…” หยุนลี่เต๋อที่ถูกแม่เฒ่าจูกับหยุนชิ่วเอ๋อจับตัวไว้ทั้งร้อนทั้งโมโหและไม่รู้ว่าจะหาคำพูดใดมาอธิบายเข้าใจ

แม้หยุนลี่เต๋อจะเป็นคนซื่อแต่เขาไม่ได้โง่เขลาจึงเข้าใจดี ทั้งหมดนี้ต้องเป็นเพราะพวกนางรู้ว่าเงินที่หยุนลี่เซียวเอาไปคงไม่มีทางคายคืนออกมาได้อีก สุดท้ายจึงหันหัวหอกมาทางตนเองเพื่อต้องการหาเงินมาทดแทนในส่วนนั้น

ในใจของหยุนลี่เต๋อรู้สึกไม่ดีนัก

หลังจากแยกครอบครัวออกมา แม่เฒ่าจูไม่แม้แต่จะมอบข้าวฟ่างให้ ขณะที่หยุนลี่เต๋อซึ่งเป็นชายร่างกายกํายําแข็งแกร่งทำได้เพียงน้ำตาไหลรินเมื่อมองภรรยาและลูก ๆ ของตนเองต้องหิวจนไส้กิ่ว

ทว่าเมื่อความเป็นอยู่เริ่มดีขึ้นมาบ้าง คนผู้นี้กลับใช้ข้ออ้างของความเป็นแม่สร้างเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน และตอนนี้กำลังคิดหาวิธีเอาเงินจากตนอีก

หากจะพูดถึงเรื่องความกตัญญู หยุนลี่เต๋อก็จะอดถามตัวเองไม่ได้เช่นกัน แม้จะแยกกันอยู่แล้วทางครอบครัวของเขายังคงคอยจัดหาอาหารการกินส่งไปให้ไม่เคยขาดตกบกพร่อง แต่กลับต้องโดนด่ากลับมาอย่างไม่หยุดหย่อน

อีกอย่างสำหรับเรื่องการงานในนาของที่บ้าน หยุนลี่จงไม่เคยคิดที่จะเหลียวแลมันเลยแม้แต่น้อย หรือพูดอีกอย่างคือทั้งเจ้าสามกับหยุนลี่จงเป็นคนเกียจคร้านไม่เอาการเอางาน ส่วนผู้เฒ่าหยุนก็อายุมากแล้ว ดังนั้นเมื่อผู้ชายหลายคนในบ้านไม่ทำงาน ทุกอย่างย่อมกลายมาเป็นความรับผิดชอบของหยุนลี่เต๋อ

แม้กระนั้นหยุนลี่เต๋อที่เป็นผู้แบกรับภาระไว้บนบ่าจนหนักอึ้งแต่ไม่เคยปริปากบ่นคนนี้กลับกลายเป็นผู้ที่บิดามารดาไม่รัก

พี่ชายคนโตเป็นปรมาจารย์ด้านวิชาการ ในอนาคตจะได้เป็นขุนนาง เขาคือความหวังแห่งความสุขของผคนในครอบครัว ดังนั้นทุกคนย่อมไม่กล้าก้าวล่วง ส่วนน้องสามเป็นอันธพาลที่โกงได้แม้กระทั่งเงินของบิดาตนเอง เวลานี้จึงมีเพียงหยุนลี่เต๋อที่ซื่อตรงและกตัญญู และเป็นคนที่ดีที่สุดที่สามารถจัดการทุกอย่างภายในครอบครัวได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแม่เฒ่าจูย่อมปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อก่อนครอบครัวมีเงินเก็บ มีที่ดินทำกิน บุตรชายคนโตและคนที่สามต่างยำเกรงและไม่กล้าสร้างความขุ่นเคืองใจ แม่เฒ่าจูจึงมีความมั่นใจมากว่าลูกสะใภ้ของนางทุกคนล้วนอยู่ในโอวาท

ทว่าตอนนี้ทรัพย์สินของครอบครัวที่สะสมมานานหลายสิบปีถูกนำออกมาใช้จ่ายจนแทบหมดสิ้น มิหนำซ้ำที่ดินที่มีก็กำลังจะกลายเป็นของผู้อื่น ส่งผลให้หยุนลี่จงที่ยังไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโตไม่เห็นนางเป็นแม่ในสายตา ส่วนเจ้าสามยังใช้ข้ออ้างเรื่องที่หยุนลี่จงได้เปรียบน้อง ๆ มาสร้างปัญหาอีก แม่เฒ่าจูเห็นทุกอย่างกับตาตัวเองทำให้รับไม่ได้กับการกระทำเหล่านั้นของบุตรชายทั้งสอง เมื่อแม่เฒ่าจูรู้สึกผิดทำให้ยิ่งลนลานและโวยวายหนักขึ้น ดังนั้นจึงต้องการจับหยุนลี่เต๋อซึ่งมีความกตัญญูมากที่สุดเอาไว้

ครั้นแม่เฒ่าจูเห็นว่าหยุนลี่เต๋อยังคงสงบนิ่งอยู่หลังจากพยายามข่มขู่เขาด้วยวาจา เอวของนางจึงตั้งตรงและเชิคอของตนเองสูงขึ้นพร้อมดึงชายเสื้อของหยุนลี่เต๋อด้วยมือทั้งสองพลางเบิกตากว้างราวกับบุรุษผู้นี้ไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ ทว่าเป็นศัตรูที่อยากจะถลกหนังออกมา

“เจ้ามันเดรัจฉาน ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก! ปีกกล้าขาแข็งไม่ใส่ใจแม่ของตัวเอง! เจ้าคงอยากให้ข้าตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด! ได้ ได้! หลังจากนี้ต่อให้อดตายข้าก็จะไม่กินอาหารของเจ้า! พอใจรึยัง? ทำเช่นนี้เท่ากับใช้มีดพันเล่มทิ่มแทงข้า! คนอกตัญญูเช่นเจ้าตายไปต้องตกนรกขุมที่สิบแปด…”

หยุนลี่เต๋อเห็นเพียงการขมุบขมิบจากริมฝีปากอันบางเฉียบของแม่เฒ่าจู จึงรู้สึกวิงเวียนศีรษะไปชั่วขณะ นั้นนอกจากเสียงอื้ออึงที่ฟังไม่ได้ศัพท์แล้ว หูของหยุนลี่เต๋อไม่ได้ยินอันใดเลย

“พี่รอง เหตุใดถึงยังยืนอึ้งอยู่อีกเล่า! จะต้องให้ท่านแม่คุกเข่าขอร้องท่านเลยใช่หรือไม่? ไม่กลัวที่จะอายุสั้นหรอกรึ!” หยุนชิ่วเอ๋อผลักเขาพร้อมออกคำสั่ง “รีบพูด! รีบรับคําของท่านแม่ซะ!”

“…” หยุนลี่เต๋อยังคงไม่พูดอันใดออกมา

“พี่รอง! หูของท่านหนวกไปแล้วรึ! ต่อหน้าท่านแม่ท่านทําเช่นนี้ได้อย่างไร?! ท่าน…”

เมื่อหยุนชิ่วเอ๋อเห็นว่าหยุนลี่เต๋อยังคงไม่แยแส นางจึงสาปแช่งอย่างดุเดือด และทันใดนั้นเงาดําพลันปรากฏขึ้นจากด้านหลังนาง

“อ๊า…” ยังพูดไม่ทันจบนางกลับส่งเสียงกรีดร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก

สิ่งที่เห็นมีเพียงเอ้อหลางถือไม้คานสำหรับตักน้ำฟาดไปที่หยุนชิ่วเอ๋อจนล้มลงไปกองกับพื้น เขาไม่พูดพร่ำทําเพลงอันใดและเขาพุ่งตัวเข้าไปตบหน้าอีกฝ่ายในทันที

แม้แม่เฒ่าจูจะตกใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ ทว่ามือยังคงจับหยุนลี่เต๋อเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

สำหรับหยุนชิ่วเอ๋อ นางขดตัวเป็นก้อนกลมและไม่แม้แต่จะสมารถตะโกนออกมาได้ และทําได้เพียงส่งเสียงร้องครวญครางออกมา

ดวงตาเอ้อหลางแดงก่ำราวกับเสียสติในตอนที่ใช้ไม้คานที่ทั้งหนาและยาวกระหน่ำตีลงไปไม่ยั้งไปทั่วทุกหนแห่งบนร่างของหยุนชิ่วเอ๋อ

ภาพนี้ทำให้แม่นางเหลียนและหยุนเชวี่ยที่กําลังกังวลอยู่ในห้องต่างตะลึงงัน เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าเอ้อหลางซึ่งปกติเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายและเชื่อฟังเป็นที่สุดจะมีด้านที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมเช่นนี้

เวลานี้แม่นางเหลียนที่หมอบอยู่ตรงหน้าต่างกรีดร้องออกมาก่อน “ท่านพี่! เหตุใดถึงยังยืนอึ้งอยู่! รีบห้ามเขาสิ!”

เนื่องจากเสียงนี้ทำให้หยุนลี่เต๋อมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา จึงรีบสะบัดแขนอันกํายําจนหลุดออกจากการถูกพันธนาการของแม่เฒ่าจูและรีบดึงตัวหลานชายออกมา

“ชิ่วเอ๋อ! ชิ่วเอ๋อของข้า!” แม่เฒ่าจูตบต้นขาของบุตรสาวพร้อมร้องไห้ออกมา “เจ้าเดรัจฉาน วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า!!!”

เอ้อหลางที่ถูกลากออกไปกัดฟันกรอดด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฉับพลันเขากออกแรงดิ้นรนอย่างแรงจนสามารถหลุดออกมา จากนั้นเอ้อหลางพุ่งไปตรงหน้าหยุนชิ่วที่นอนอยู่บนพื้นและยกขาขึ้นเตะสองทีอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะหันกลับไปมองหยุนลี่เต๋อแวบหนึ่งแล้ววิ่งหนีไป

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา แต่วิธีที่หยุนชิ่วเอ๋อถูกทุบตีนั้นช่างรุนแรงและไร้ความปรานี

แม้ก่อนหน้านี้หยุนเชวี่ยจะเคยทําไม่ดีมาก่อนด้วยการแอบใช้ท่อนไม้ทุบนาง แต่ครั้งนี้ไม่อาจเทียบเคียงได้อย่างสิ้นเชิง

ประการแรกคือในตอนนั้นมันเป็นเพียงท่อนไม้ที่หยิบขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่สิ่งนี้คือไม้คานซึ่งสามารถแบกรับน้ำหนักได้มากกว่าหนึ่งร้อยชั่ง อีกทั้งหยุนชิ่วเอ๋อยังเป็นหญิงสาวที่มีอายุเพียงสิบกว่าปี ส่วนอีกฝ่ายที่ทุบตีหยุนชิ่วเอ๋อเป็นเด็กหนุ่มที่มีความแข็งแกร่ง เช่นนี้ทําให้หยุนชิ่วเอ๋อร้องไม่ออกจนต้องหมอบลงกับพื้นและแน่นิ่งไป

“เอ้อหลาง ไอ้สารเลว มันหนีไปแล้ว! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้! ชิ่วเอ๋อ ชิ่วเอ๋อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” แม่เฒ่าจูคุกเข่าอยู่ข้างบุตรสาวอันเป็นที่รักขณะร่ำไห้ด้วยน้ำเสียงที่แทบจะทำให้ฟ้าดินสะเทือน

หยุนลี่เต๋ออยากจะช่วยพยุงร่างหยุนชิ่วเอ๋อขึ้นมา แต่ทันทีที่หญิงสาวถูกแตะที่แขน นางถึงกับร้องไห้และขดตัวแน่น

สำหรับผู้เฒ่าหยุนที่ได้ยินเสียงโวยวายของแม่เฒ่าจูกับหยุนชิ่วเอ๋อกวนใจมาเป็นเวลานาน ครั้นเสียงนั้นเงียบไปจึงออกมาจากห้อง และเมื่อเห็นภาพตรงหน้าทำให้เกือบล้มลง แต่โชคดีที่มือข้างหนึ่งจับกรอบประตูไว้แน่นจึงสามารถทรงตัวได้

ในทันใดประตูห้องฝั่งตะวันออกที่แม้ฟ้าร้องยังไม่ขยับพลันเปิดออก จากนั้นแม่นางจ้าวรีบเบียดตัวออกมาด้วยมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าและแสร้งทําเป็นตกใจ “ห๊า? ชิ่วเอ๋อเป็นอันใดไป?”