ตอนที่ 158 แม่นางจ้าวใส่ไฟ

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน

ตอนที่ 158 แม่นางจ้าวใส่ไฟ

จากนั้นแม่นางเหลียนกับหยุนลี่เต๋อช่วยกันพาหยุนชิ่วเอ๋อที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นกลับขึ้นเตียง

ยามนี้ต้องอาศัยแสงไฟภายในห้อง ในที่สุดหยุนเชวี่ยจึงมองเห็นใบหน้าของอาหญิงได้อย่างชัดเจนทำให้เกือบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้

เนื่องจากดวงตาทั้งคู่ของอีกฝ่ายบวมเป่งราวกับหัวหมู อีกทั้งแก้มยังปูดโปนขึ้นจนน่ากลัว ทำให้ความอัปลักษณ์ของหยุนชิ่วเอ๋อเด่นชัดยิ่งกว่าครั้งก่อนเสียอีก

“ฮือ ฮือ…” หยุนชิ่วเอ๋อนอนราบอยู่บนเตียง ริมฝีปากยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุดและส่งเสียงพูดอะไรบางที่ไม่สามารถฟังได้ชัดเจน

“คนสารเลว! เจ้าสามเป็นเดรัจฉานผู้เดียวไม่พอ เขายังให้กำเนิดลูกเดรัจฉานตัวน้อยมาสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวเราอีก พวกเขาไม่เคยทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีสักครั้ง! นี่ข้าสร้างกรรมอันใดมา…” แม่เฒ่าจูเอ่ยสาปแช่งขณะนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง

“ไอหยา เหตุใดชิ่วเอ๋อของเราถึงต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ จุ๊จุ๊ ดูใบหน้าอันงดงามนี้สิ” แม่นางจ้าวใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดริมฝีปากตนเอง นางจ้องมองอีกฝ่ายและจงใจบีบน้ำเสียงพลางถอนหายใจราวกับรู้สึกสงสาร “ช่างน่าเสียดาย เกรงว่าครานี้คงจะเสียโฉมแล้ว…”

เมื่อครั้นหยุนชิ่วเอ๋อได้ยินคําพูดเหล่านี้ ก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสังเวชและตวาดพร้อมยื่นมือออกไป “กระจกทองแดง ท่านแม่ กระจกทองแดง ฮือ ฮือ…”

“เจ้าจะส่องมันให้ได้อันใดขึ้นมา? ยิ่งมองยิ่งเศร้าใจเปล่า ๆ” แม่นางจ้าวกล่าวพร้อมนั่งลงบนเตียงและรีบเอ่ยอย่าง ‘แดกดัน’ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชิ่วเอ๋อ เจ้าวางใจเถิด ต่อให้หน้าต้องเสียโฉม พี่ใหญ่ย่อมหาคู่ครองที่ดีให้กับเจ้าได้”

หยุนชิ่วเอ๋อทรุดตัวลงพลางอ้าปากค้าง “อ๊า” ราวกับกําลังหายใจไม่ออก

“สะใภ้ใหญ่ เจ้าพูดเช่นนี้เพื่ออันใด!” แม่เฒ่าจูรีบลูบหน้าอกบุตรสาวด้วยความตื่นตระหนก

“นี่ข้ากําลังปลอบใจน้องชิ่วเอ๋ออยู่มิใช่หรือ?” แม่นางจ้าวสบถออกมาด้วยเจตนาดี “ถึงเอ้อหลางจะมีความโกรธแค้นมากเพียงใดก็ไม่ควรลงมือรุนแรงราวกับต้องการฆ่าแกงกันให้ตายเช่นนี้ อายุยังน้อยแต่กลับโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทำตามแบบอย่างผู้ใด!”

“ไม่ใช่แค่ทำตาม! ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องถูกจับเข้าคุกและถูกตัดหัว!” แม่เฒ่าจูถ่มน้ำลายลงพื้น “รีบแจ้งความ! ให้ทางการจับเจ้าเดรัจฉานตัวน้อยนี้เข้าคุก! เจ้ารองรีบไปเดี๋ยวนี้!”

“แจ้งความอันใดกัน!” ใบหน้าของผู้เฒ่าหยุนซีดเผือดขณะตบโต๊ะอย่างแรง “เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ยังเสื่อมเสียไม่พออีกรึ?! ออกไปดูสิ! บ้านผู้ใดบางที่เป็นเหมือนบ้านของเรา!”

“หากไม่แจ้งความ ย่อมเท่ากับปล่อยให้เจ้าสารเลวเอ้อหลางกลับมาก่อเรื่องวุ่นวายในบ้านนี้อีก?!” แม่เฒ่าจูขบฟันพร้อมกล่าวต่อไปว่า “วันนี้เขากล้าที่จะตีอาหญิงของตนเองต่อหน้าต่อตาข้า ต่อไปคงกล้าที่จะใช้มีดฆ่าคน! ตระกูลหยุนที่ดีงามของเรากําลังจะมีฆาตกร!”

เอ้อหลางกล้าทำเรื่องเลวร้ายต่อหน้าเช่นนี้ นี่ไม่ใช่การทุบตีหยุนชิ่วเอ๋อเท่านั้น แต่ยังเป็นการตบหน้าแม่เฒ่าจูอย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย!

ในเวลานี้แม่เฒ่าจูรู้สึกถึงช่วงเวลาวิกฤติเมื่อสัมผัสได้ว่าตนเองกำลังจะสูญเสียอำนาจในการควบคุมครอบครัวนี้ แล้วนางจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร? หากไม่แสดงท่าทีก้าวร้าวออกมาเสียบ้าง เกรงว่านับแต่นี้คงไม่มีผู้ใดเห็นแม่เฒ่าจูผู้นี้อยู่ในสายตา!

ไม่!

คงจะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูด้วยการจัดการกับเจ้าเดรัจฉานที่ชั่วช้าผู้นี้ให้ได้!

“หากผู้ใดรังเกียจที่ข้ามีชีวิตอยู่นานเกินไป และอยากให้ข้าโกรธจนตายเร็ว ๆ เช่นนั้นจงรีบไปแจ้งความเสีย!” ทันใดนั้นผู้เฒ่าหยุนประคองมุมโต๊ะลุกขึ้นยืนอย่างดุดันขณะหายใจหอบแรง และถลึงตาใส่แม่เฒ่าจูด้วยความโหดร้าย อีกทั้งยังชี้นิ้วสั่นระริกออกไปนอกประตู “ไป รีบไปเร็วเข้า! รีบไปแจ้งความ เพื่อที่คนทั้งหมู่บ้านจะได้มาดูเรื่องตลกในบ้านเรา!”

ครั้นผู้เฒ่าหยุนโมโห แม่เฒ่าจูจึงกลั้นหายใจทันทีแล้วหันหลังกลับไปตบเตียงด้วยดวงตาพร่ามัวและร้องไห้คร่ำครวญต่อ “ชาติที่แล้วข้าทําบาปกรรมอันใด! เหตุใดชีวิตถึงยากลําบากเพียงนี้ แม้แต่เด็กในบ้านที่เลี้ยงมายังรังแกข้า แม่เฒ่าจูเช่นข้ามีชีวิตอยู่แล้วจะมีความหมายอันใด!”

“ท่านแม่… ฮือ ฮือ…” หยุนชิ่วเอ๋ออ้าปากค้างและร้องไห้ตามไปด้วย

“ฮึ… ฮึ…” ผู้เฒ่าหยุนยังคงเดือดดาลแม้ทั้งสองคนที่ร่ำไห้แทบจะขาดใจ จากนั้นผู้เฒ่าหยุนสะบัดมือและออกไปนั่งอยู่คนเดียวในลานบ้าน

“สำหรับความเห็นของข้า ท่านพ่อเป็นคนใจอ่อนและรักลูกหลานมากเกินไป หากไม่ลงโทษเอ้อหลาง เจ้าเด็กเหลือขอนั่น วันหน้ามันจะต้องทําสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้อีกเป็นแน่!” แม่นางจ้าวต้องการให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตจึงเอ่ยกระซิบข้างหูแม่สามี

“พี่สะใภ้ ท่านควรพูดให้น้อยลงเสีย เพราะตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่กำลังโกรธจัด” แม่นางเหลียนเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำใจขณะถืออ่างน้ำเข้ามา

“แล้วข้าพูดผิดงั้นรึ?” แม่นางจ้าวกลอกตา “แม้เขาจะอายุน้อย แต่ท่านพ่อไม่ควรลำเอียง เอ้อหลางไม่ใช่คนดีอันใด เราต้องรีบแจ้งให้ทางการจับตัวเขาเอาไว้จะได้ไม่ต้องมาก่อปัญหาต่อผู้อื่นในภายหลัง!”

เป็นเพราะหยุนลี่เซียวกับหยุนลี่จงมีเรื่องบาดหมางกันมาแต่ไหนแต่ไร น้องสามีผู้นี้ไม่เคยเคารพนางในฐานะพี่สะใภ้เลยซึ่งมันทำให้นางขุ่นเคืองใจมานานแล้ว ครั้นนี้เมื่อสบโอกาส แม่นางจ้าวจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้เสียอย่างไร!

ในเมื่อไม่สามารถฆ่าบิดาได้ ดังนั้นก็ขอเชือดบุตรชายของเขาก่อน!

“ถึงอย่างไรเอ้อหลางก็ยังเป็นเด็ก…”

“สะใภ้รอง ไม้นั่นไม่ได้ฟาดมาใส่ตัวเจ้า เจ้าจะมายืนพูดให้ปวดเอวเพื่ออันใด แม้เขาจะยังเป็นเด็กอยู่แต่ความร้ายกาจเช่นนี้! ไม่ใช่ว่าพ่อของเขาสั่งสอนมารึ! ดูสิว่าตอนนี้ชิ่วเอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง…” แม่นางจ้าวฉวยโอกาสจุดไฟเผาศีรษะหยุนลี่เซียว

หยุนชิ่วเอ๋อกับหยุนลี่เซียวต่างมีความรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่พอใจต่อกัน โดยทั้งสองคนมักจะกัดกันราวกับสุนัขก็ไม่ปาน แม่นางจ้าวถึงมีความสุขกับการได้เห็นความสนุกโดยไม่ต้องออกแรง!

หลังจากแม่เฒ่าจูถูกลูกสะใภ้ใหญ่ยุแหย่ยิ่งทำให้เกลียดชังจนใจสั่นสะท้าน ขณะปากนั้นบ่นซ้ำไปซ้ำมาว่า “หากเจ้าเดรัจฉานนั่นกล้ากลับมาบ้านนี้ ดูสิว่าข้าจะถลกหนังพวกมันออกได้หรือไม่!”

เมื่อแม่นางเหลียนเห็นเช่นนั้นจึงพูดไม่ออกและทำเพียงส่ายหน้าพลางจุ่มผ้าเช็ดหน้าจนเปียกโชกอยู่ข้างเตียง นางก็อยากจะเช็ดตัวให้หยุนชิ่วเอ๋อ แต่ผู้ใดจะรู้ว่ายังไม่ทันได้สัมผัสแม้เพียงปลายเล็บ อีกฝ่ายกลับร้องโอดครวญขณะใช้มือกับเท้าเตะไปอย่างมั่วซั่ว

“คนโง่เง่า เจ้าทําอันใดได้บ้าง ตระกูลหยุนของเราทําบาปอันใดนักหนา แต่งภรรยาบุตรชายเข้ามาในบ้าน ไม่มีประโยชน์สักคน!” แม่เฒ่าจูสบถออกมา

“ข้ายังไม่ได้แตะต้องนางแม้แต่น้อย…” แม่นางเหลียนถอยหลังไปสองก้าวขณะยังคงถือผ้าฝ้ายและไม่กล้าที่จะเดินไปข้างหน้า

“ฮือ ฮือ ฮือ… ฮือ ฮือ ฮือ… ท่านแม่ ท่านแม่…” หยุนชิ่วเอ๋อไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้และเบ้ปากร้องไห้เสียงดัง

“ท่านแม่ อาชิ่วเอ๋อคือหญิงสาวผู้สูงส่ง ท่านเคยชินกับงานหยาบ ๆ แล้วจะปรนนิบัติท่านอาได้อย่างไร” หยุนเชวี่ยที่อยู่ด้านข้างทนดูไม่ได้จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือมารดาโยนลงไปในอ่างไม้

อันที่จริงเนื่องจากไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ มิฉะนั้นผู้ใดกันเล่าที่อยากจะปรนนิบัตินาง

“โอ๊ย… นังเด็กนี่กล้าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใหญ่! ช่างเลวร้ายยิ่งนัก! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คงเห็นว่าข้าเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์! กลับกลายเป็นว่าคนแก่เช่นข้าต้องถูกลูกหลานรังแก!” ตอนนี้ความรู้สึกของแม่เฒ่าจูเหมือนมีคนโยนท่อนฟืนเข้าไปในเตาไฟ ทำให้จิตวิญญาณของแม่เฒ่าจูระเบิดขึ้นจนก่นด่าทุกคนที่ขวางหูขวางตา

สรุปคือแม่เฒ่าจูอารมณ์เสียและรู้สึกเป็นทุกข์ใจ ดังนั้นผู้ใดก็ตามจงอย่าหวังว่าจะอยู่อย่างสบายใจได้!

แม่นางจ้าวที่เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี หลังจากพ่นลมกระโชกแรงเพื่อกระพือไฟอยู่หลายประโยค ครั้นเห็นเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นสมใจ เมื่อกลัวว่าจะไหม้หัวตัวเองจึงรีบหนีไปทันที

“ท่านแม่ดึกมากแล้ว ท่านควรรีบพักผ่อนเถิด ส่วนเรื่องเจ้าสามกับเอ้อหลาง ไม่ช้าก็เร็วเจ้าเดรัจฉานนั่นจะต้องกลับมา จากนั้นท่านค่อยลงโทษคงยังไม่สาย แต่ตอนนี้ข้าขอตัวกลับห้องก่อน”

พูดจบแล้วแม่นางจ้าวรีบบิดเอวเดินกลับไปยังห้องทางทิศตะวันออกและปิดประตูอย่างแน่นหนา

“เช่นนั้นเรากลับไปพักผ่อนกันเถิด!” หยุนเชวี่ยถือโอกาสพูดแบบขอไปทีขณะใช้มือหนึ่งจับแม่ของตน ส่วนอีกมือหนึ่งลากหยุนลี่เต๋อออกไปนอกห้อง