บทที่ 593 ออกไปข้างนอก
กลุ่มคนที่หญิงสาวขอให้อยู่ที่นี่เป็นคนที่แข็งแกร่ง นางไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายเด็กน้อยที่อยู่ที่นี่ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ กู่พิษของหนานอวี่ยังทำให้หญิงสาวไว้วางใจได้มากขึ้นอีกด้วย
เมื่อหงอิงเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาจัดการทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว นางจึงไม่เอ่ยอะไรต่อ “ถ้าเช่นนั้น เจ้าต้องระวังตัวด้วย ข้าไม่ไว้ใจพวกชายตัวเหม็นเหล่านั้น”
“หญิงผู้ร้ายกาจ เจ้าจะมองว่าพี่ใหญ่เฮยเป็นชายหนุ่มตัวเหม็นด้วยเช่นนั้นหรือ” จู่ๆ ไป๋อีก็พูดแทรกขึ้นมา
เฮยอีมองเขา ก่อนจะมองหงอิงด้วยแววตาเยือกเย็น ไป๋อีสบตาเขา ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าเขากำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่ชัดๆ
หงอิงสังเกตเห็นสายตาของเฮยอี จึงหดคอลง ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น และแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแววตาคู่นั้น
ท่าทีเช่นนั้นทำให้เฮยอีโกรธเคืองยิ่งกว่าเก่า เขาหรี่ตาลง และเอื้อมมือไปลากตัวหงอิงออกมา “เหยาเอ๋อร์ พวกเจ้าพูดคุยกันต่อเถอะ”
หลังจากพวกเขาทั้งสองคนเดินห่างออกไประยะหนึ่ง ไป๋อีก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้าย เหมือนว่าครั้งนี้หญิงสาวผู้ร้ายกาจจะได้รับบทเรียนแล้ว
หนิงเมิ่งเหยายกมือขึ้นปิดตาของตนเอง ราวกับว่าไม่กล้ามองมันตรงๆ “พี่ไป๋อี ท่านไม่กลัวหรือว่าเฮยอีและพี่หงอิงจะร่วมมือกันต่อต้านท่านบ้าง”
“ช่างเถอะ ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย จัดการเรื่องของเจ้าก่อนดีกว่า” ไป๋อีแสร้งทำว่าไม่สนใจขณะพูด แต่จริงๆ แล้ว ในใจของเขากำลังร่ำไห้อยู่ มันเรียกว่าอะไรนะ เจ้าจะไม่ตาย หากไม่รนหาที่ตายเอง
เฉียวเทียนช่างนั่งอยู่ข้างๆ และมองดูพวกเขาพูดคุยกัน “เหยาเหยา มีของต้องตระเตรียมหรือไม่”
“มี แต่ระหว่างนี้ ข้าได้เตรียมการไว้หมดแล้ว” หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็หมุนตัวเดินจากไป และกลับมาอีกครั้งพร้อมกับถือหน้ากากหนังมนุษย์มาสองสามชิ้น
ไป๋อีมองสิ่งของในมืออีกฝ่ายด้วยดวงตาเป็นประกาย “เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ยอมใช้หน้ากากพวกนี้”
ในตอนนั้น นางและอาจารย์ของชิงซวงเป็นผู้ทำสิ่งของพวกนี้ขึ้นมา แต่นางก็เก็บเอาไว้ และไม่ว่าพวกเขาจะอ้อนวอนขอมันเพียงใด นางก็ไม่ยอมยกมันให้กับพวกเขา
นางครอบครองหน้ากากหนังมนุษย์อยู่ทั้งหมดเจ็ดชิ้น เมื่อสองวันก่อน นางและชิงซวงทำเตรียมไว้อีกสองชิ้น โดยที่มันมีรูปลักษณ์เหมือนกับหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง
“ชิงซวง นี่สำหรับพวกเจ้า” โชคดีที่ชิงซวงและหนานอวี่เป็นสามีภรรยากัน จึงสามารถแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
หญิงสาวส่งหน้ากากที่เหลือให้กับไป๋อีและคนอื่นๆ “เอาไปคนละชิ้น”
หลังจากแบ่งมันให้ทุกคน หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างก็เดินไปหาเฉียวโม่ซาง และมองลูกชายที่น่ารักคนนั้น จากนั้นหนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกว่าการที่ต้องอยู่ห่างจากเขานั้น เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
“เจ้าลิงน้อย ท่านแม่กับท่านพ่อจะออกไปข้างนอก เจ้าต้องเป็นเด็กดีของพี่ชาย เข้าใจไหม” หนิงเมิ่งเหยาอุ้มลูกชายขึ้นมาและพูดอย่างอ่อนโยน
เฉียวโม่ซางไม่เข้าใจคำพูดของผู้เป็นแม่ เขาเพียงแค่ยื่นมือมาดึงปิ่นปักผมบนศีรษะของนางเท่านั้น
เฉียวเทียนช่างมองลูกชายทำท่าทีเช่นนั้น จึงเอื้อมมือไปเขกศีรษะของลูกน้อยเบาๆ อย่างอดไม่ได้
เด็กน้อยมองท่านพ่อของตน ด้วยแววตาไม่พอใจ “ท่านพ่อ…”
แววตาคู่นั้นทำให้ชายหนุ่มใจอ่อน เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เจ็บอะไร แต่ก็ยังยื่นมือไปลูบหน้าผากที่แดงนั้นอยู่ดี
หลังจากเฉียวโม่เฟิงกลับมาจากฝึกวรยุทธ์ หนิงเมิ่งเหยาก็ให้คำแนะนำต่างๆ กับลูกชายคนนี้ และหลังจากที่เขารับคำ นางก็พยักหน้าอย่างไว้วางใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น หนิงเมิ่งเหยาแต่งหน้าให้กับตนเองและสามี จากนั้นจึงหาจังหวะแอบออกไปอย่างเงียบๆ
หลังจากพวกเขาออกไปแล้ว หงอิงและคนอื่นๆ ก็จากไปเช่นนั้น จากนั้นที่แห่งนี้ก็เหลือเพียงชิงซวง หนานอวี่ และองครักษ์สองสามคนที่เพิ่งกลับมา
“คุณหนูและนายน้อยให้พวกเราดูแลนายน้อยเล็กทั้งสองคน พวกเราจะต้องปกป้องดูแลพวกเขาอย่างดี” ชิงซวงมองพวกเขาและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
หนานอวี่ผงกศีรษะ “อืม”
แม้ว่าหมายเลขสามและหมายเลขสี่จะไม่ตอบอะไร แต่แววตาของพวกเขาก็มุ่งมั่นอย่างมาก นี่คือนายน้อยของพวกเขา ดังนั้นทั้งสองคนจึงต้องปกป้องดูแลอย่างดีอยู่แล้ว
หลังจากหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างจากไป พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเล็กๆ ที่หมายเลขสามและหมายเลขสี่เคยกล่าวถึง จากนั้นก็ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะตามหาองครักษ์ลับคนอื่นๆ เจอ
“องค์หญิง นายน้อย พวกท่านมาถึงกันแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับสองสามคนตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ มาถึง
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะและมองพวกเขา “เป็นอย่างไรบ้าง”
“พวกเราได้รับการยืนยันมาว่านายท่านอยู่ที่นี่ขอรับ แต่การรักษาความปลอดภัยของที่นี่แน่นหนาอย่างมากทีเดียวขอรับ”
บทที่ 594 รวมตัวกัน
ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างหมดหนทาง พวกเขาคิดหาวิธีมากมายที่จะช่วยเหลือนายท่าน แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก
“สาวน้อย ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมา” ขณะที่หนิงเมิ่งเหยากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็มีเสียงแหบพร่าดังขึ้น
หญิงสาวตัวแข็งเกร็ง ก่อนจะหันหน้าไปพบกับผู้เฒ่าไกว้ที่ปรากฏตัวอยู่ตรงลานบ้าน แววตาที่เขาจ้องมองนางนั้นราวกับว่ากำลังรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ
หนิงเมิ่งเหยาลูบจมูกของตน แววตาของนางดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ท่านปู่ไกว้ ท่านรู้ได้อย่างไรกัน”
“ข้ามีผู้ติดตามมากมายนัก เจ้าคิดว่าข้าจะไม่มีทางรู้เลยหรือ” แม้ว่าเขาจะแยกจากหนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ แล้ว แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ติดตามเขา แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ยังพอรับรู้ได้
หลังจากที่ครุ่นคิดถึงมัน ผู้เฒ่าไกว้ก็มิได้ทอดทิ้งพวกเขาไป และในเมื่อมันคือความตั้งใจของสาวน้อยผู้นี้ เขาจึงทำได้เพียงแค่พาคนเหล่านี้มาที่นี่อย่างช่วยไม่ได้ ทั้งนี้ เขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่เห็นคุณค่าของความดี
แต่ผู้เฒ่าไกว้ไม่เคยคาดคิดเลยว่าหนุ่มสาวเหล่านี้จะเก่งกาจใช้ได้ เพราะพวกเขาสามารถหลบหลีกและยังไม่ถูกจับอีกด้วย นับว่ารับผิดชอบได้ดีทีเดียว
“สาวน้อย พวกเจ้ามากันไม่กี่คนเองหรือ” เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันสำคัญเพียงใด
หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ “ไม่ใช่หรอก จริงๆ จะมีพี่ไป๋อีและคนอื่นๆ ตามมาอีก พวกเขาน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
ผู้เฒ่าไกว้ผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ “พวกเขามาที่นี่ด้วยหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าก็สบายใจ”
“ท่านปู่ไกว้ ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านเป็นกังวล”
ผู้เฒ่าไกว้เขกหน้าผากหนิงเมิ่งเหยา “ยายเด็กโง่ เจ้าเป็นหลานสาวที่น่ารักคนเดียวของปู่ หากไม่ช่วยเจ้า แล้วข้าจะไปช่วยใครเล่า”
“ท่านมีเหลนด้วยมิใช่หรือ” หนิงเมิ่งเหยาตอบกลับอย่างไม่พอใจ
ผู้เฒ่าไกว้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผงกศีรษะ “จริงด้วย”
หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันเสร็จ หมายเลขหนึ่งก็หยิบแผนที่ที่เขาวาดขึ้นเองออกมา “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ พวกเราออกสำรวจพื้นที่มาสองสามครั้ง กระหม่อมจึงวาดแผนที่นี้ขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงเมิ่งเหยารับมันมาดู แต่อ่านมันไม่เข้าใจ เฉียวเทียนช่างที่ยืนอยู่ด้านข้าง จึงอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างอ่อนโยน ทำให้นางเข้าใจภาพมากขึ้น
“เช่นนี้นี่เอง”
“เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้” เฉียวเทียนช่างคิดว่าพวกเขาสืบหาจนได้แผนที่กันง่ายดายเกินไป จนไม่น่าเชื่อ
“ขอรับ” หมายเลขหนึ่งมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “แผนที่นี่เป็นของจริง แต่ข้าเกรงว่าพวกมันจะรู้เบาะแสของเจ้าแล้ว”
จากคำกล่าวของหมายเลขสามและหมายเลขสี่ ชายหนุ่มจึงรู้ได้ว่าในครั้งแรกที่พวกเขาเข้ามานั้น อีกฝ่ายน่าจะแจ้งเตือนคนอื่นๆ ให้ระวังตัวกันแล้ว และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำไมอีกฝ่ายจะไม่พบเบาะแสของพวกเขาเล่า
“ผู้เฒ่าคนนี้ขอลองดูหน่อยว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องของพวกเราแล้วหรือไม่” ท่ามกลางผู้คนที่เงียบกริบ จู่ๆ ผู้เฒ่าไกว้ก็พูดขึ้น
ดวงตาของทุกคนจับจ้องที่เขา และหนิงเมิ่งเหยาก็ถามออกไปตรงๆ “ผู้เฒ่าไกว้ บอกพวกเราหน่อยว่าท่านมีความคิดอะไรหรือ”
“ความคิดของข้านั้นเรียบง่ายมาก แล้วคืนนี้ ผู้เฒ่าคนนี้จะลองทำมันดู”
“แต่…”
“อย่ากังวลเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
หนิงเมิ่งเหยาไม่อาจรั้งเขาไว้ได้ จึงปล่อยให้เขาทำไป
คืนนั้น ผู้เฒ่าไกว้สวมชุดสีดำ ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่บ้านหลังนั้น และในขณะที่กำลังตรวจค้นอยู่รอบๆ เขาก็ทำเสียงดังขึ้น แต่คนภายในบ้านหลังนั้นกลับไม่สังเกตเห็นเขา
ดวงตาของผู้เฒ่าไกว้ดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย พ่อหนุ่มเฉียวพูดถูก ดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้อยู่แล้ว
ผู้เฒ่าไกว้แอบทิ้งของบางอย่างไว้ในลานบ้านด้วยท่าทีสุขุม จากนั้นก็ออกไปโดยใช้วิชาชิงกง
“เป็นอย่างที่เทียนช่างคิด อีกฝ่ายรู้แล้วว่าพวกเราอยู่ที่นี่” ท่านปู่ไกว้พูดด้วยน้ำเสียงสงบ
หากคนๆ นั้นรู้เรื่องนี้แล้ว ทำไมจึงยังปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบเช่นนี้อีกเล่า
“เป้าหมายของพวกมันคือหลอกล่อให้พวกเราไปที่นั่น” มันเป็นแผนการที่ไม่ซับซ้อนอะไร เพราะคนๆ นั้นมั่นใจว่าหากพวกเขารู้ตำแหน่งของหนานกงเยี่ยนว่ายังอยู่ที่นั่น พวกเขาก็จะต้องไปช่วยเหลืออย่างแน่นอน
เหตุผลที่คนพวกนั้นยังไม่ลงมือโจมตี ก็เพราะต้องการจะรอจับตัวพวกเขาให้คาหนังคาเขานั่นเอง
หนิงเมิ่งเหยาลูบถ้วยชาในมือ “พวกเจ้าคอยจับตาดูอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ไม่สังเกตเห็นสิ่งอื่นๆ เลยหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่พวกเราจะลงมือ พวกเราได้ยินมาว่าจะมีคนออกมาข้างนอกทุกๆ สองหรือสามวัน จากนั้นเขาก็จะออกมาซื้อผักต่างๆ และพาเหล่าหญิงสาวกลับเข้าไปด้านใน” หลังจากพูดจบ ความอับอายก็ฉายไปทั่วใบหน้าของเขา สีหน้าของเขาก็ดูอึดอัดกับสิ่งที่กำลังพูด