ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 142

การเคลื่อนย้ายนี้ดูเหมือนจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว เซียวท่ากับอ๋องอันก็ไม่อาจกอดอกมองดูอยู่ด้านข้างเฉย ๆได้จึงพูดขัดคนของกุ้ยไท่เฟยที่ไม่รู้จักตระหนักถึงความสำคัญ

เซียวท่ากล่าว “กุ้ยไท่เฟย หากต้องการส่งตัวท่านอ๋องไปที่จวนล่ะก็ ให้กระหม่อมจัดการให้เถิด”

นักพรตรีบพูด “ไม่ได้นะ กุ้ยไท่เฟย แม่ทัพเข่นฆ่าผู้คนมามากมาย ให้เขาจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันจะไปทำลายโชคของท่านอ๋อง

เซียวท่ามีสีหน้าที่หงุดหงิดเล็กน้อย “ท่านหมายความว่ายังไง? ที่ว่าจะทำลายโชคของท่านอ๋อง?”

นักพรตอธิบาย”ท่านแม่ทัพโปรดระงับโทสะก่อน ความหมายของอาตมาไม่ใช่การดูหมิ่นท่านอย่างที่ท่านคิดเลยสักนิด เพียงแต่ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ท่านสังหารศัตรูในสนามรบ ถึงแม้จะพูดว่าไปออกรบเพื่อประเทศชาติ แต่ว่าท่านมือเปื้อนเลือดมามากมาย เคยสังหารคนหมู่มาก ไม่สมควรพบเจอกับท่านอ๋องมากเกินไป หากสามารถเลี่ยงได้ก็จะดี หากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็จำเป็นต้องรักษาระยะห่างไว้

“เจ้าคนลวงโลก มาที่นีเพื่อสร้างความเข้าใจผิด ๆ ให้ผู้คนสินะ” เซียวท่าคือแม่ทัพ ทักษะการพูดของเขาไม่ได้ดีอะไรอยู่แล้ว ที่ด่าอย่างโกรธเคืองเช่นนี้ได้เป็นเพราะโมโหจริง ๆ

นักพรตพูดยั่วโมโห “ดูสิ ท่านแม่ทัพโกรธอีกแล้วใช่หรือไม่? ท่านโกรธง่ายขนาดนี้ ทั้งยังมีท่าทีที่แลดู เหี้ยมโหด ดังนั้นท่านแม่ทัพยังไม่ควรเข้าเฝ้าท่านอ๋องในช่วงนี้

พูดจบ เขาก็โค้งคำนับกุ้ยไท่เฟย “กุ้ยไท่เฟย ได้โปรดออกคำสั่งว่าในช่วงที่ท่านอ๋องพักฟื้นอยู่ไม่อนุญาตให้ท่านแม่ทัพก้าวมาเหยียบที่จวนอ๋องแม้แต่ก้าวเดียว และไม่ให้ติดต่อกับท่านอ๋องด้วย มิเช่นนั้น หากเกิดอะไรขึ้นมา อาตมาก็จนปัญญาจะช่วยแล้ว

กุ้ยไท่เฟยเชื่อในคำพูดเขาอย่างไม่รู้สึกสงสัยเลยสักนิด แล้วกล่าวกับเซียวท่า “พอได้แล้ว เจ้าแค่ไปตามหาผู้ร้ายตัวจริง ก่อนที่อาเจี๋ยจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเต็มที่ ห้ามไปที่จวนอ๋องเลยเด็ดขาด

เซียวท่าอยากพูดอะไรต่ออีก อ๋องอันก็ก้าวไปข้างหน้า”ให้ข้าไปดูก็พอ”

นักพรตเงยหน้าขึ้น มองไปที่อ๋องอัน สีหน้าของอ๋องอันแลดูเย็นชา และกล่าวเสียงเข้ม “จะบอกว่าข้าเข่นฆ่าผู้คนมามายเช่นนั่นสิ? หากกล้าพูดออกมาแม้สักคำเดียว ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าอะไรที่เรียกว่าการเข่นฆ่า”

พูดจบก็มองไปที่คอของเขาแล้วทำสัญลักษณ์มือ มีเสียงดังแกร๊ก

นักพรตกลืนน้ำลาย นัยน์ตามีความกลัวเล็กน้อย และกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว อาตมาไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ท่านเป็นคนในราชวงศ์ เป็นถึงเชื้ออพระวงศ์ เป็นคนชนชั้นสูงที่มีมีวาสนาสูงส่งอยู่ข้างกายท่านอ๋องถือเป็นการส่งเสริมให้พระอาการดีขึ้น”

เซียวท่าอุทานเหอะออกมา”ตอนแรกบอกว่าข้าคือคนไม่ดีที่ไร้โชค อยู่ใกล้ท่านอ๋องจะไปทำลายโชคของเขา”

นักพรตยิ้มเย้ยหยัน “ท่านแม่ทัพอย่าคิดเช่นนั้น ท่านทำไปเพื่อประเทศชาติ ผู้คนต่างเคารพนับถือท่าน เพียงแค่ไม่ควรเฝ้าอยู่ข้างกายท่านอ๋องก็เท่านั้น

อ๋องอันดึงตัวเซียวท่าออกมา แล้วกล่าวกับกุ้ยไท่เฟย “ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับอาเจี๋ย ก็เป็นเซียวท่าที่คอยจัดการเรื่องให้เขาอยู่ตลอด เขาเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของอาเจี๋ยจริง ๆ ข้าจะพูดกับเซียวท่าเอง จะปลอบให้เขาอุ่นใจและใจเย็นลง“

กุ้ยไท่เฟยกล่าวอืม และมองไปที่เซียวท่า “ข้ารู้ว่าเจ้าซื่อสัตย์ภักดีต่ออาเจี๋ยมาก ๆ และก็รู้ว่าโดยส่วนตัวแล้วพวกเจ้าเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ปกติที่ไปมาหาสู่กันข้าก็ไม่เคยขัด แต่ครั้งนี้เขามีอันตรายถึงชีวิต ข้าต้องฟังที่นักพรตบอก ถ้าเจ้าอยากให้อาเจี๋ยหายดี ก็ต้องปฏิบัติตาม”

อ๋องอันดึงตัวเซียวท่าออกมา และเซียวท่าก็กล่าวอย่างโกรธเคือง “เขาเป็นใครกันแน่? พูดจาเหลวไหล ยังบอกว่าข้าจะไปทำลายโชคของท่านอ๋องอีก กุ้ยไท่เฟยทำไมถึงเชื่อใจเขาถึงขนาดนี้?”

อ๋องอันมีสีหน้าที่มั่นใจ “ใช่ เรื่องนี้มันน่าสงสัย เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมกุ้ยไท่เฟยถึงได้เชื่อใจเขาขนาดนี้ ยังมีอีกเขาไม่ให้เจ้าเข้าใกล้จวนอ๋อง มีเป้าหมายอะไร เจ้าต้องไปสืบมาอย่างละเอียด คนผู้นี้ไม่ธรรมดา เกิดเรื่องขึ้นกับอาเจี๋ย พอไท่เฟยรู้ ก็ให้เขามาอย่างกะทันหัน เขานำยาวิเศษอะไรสักอย่างออกมาด้วย และอาการของอาเจี๋ยก็แย่ลงเรื่อย ๆ เจ้าต้องไปสืบหาที่มาที่ไปของคนผู้นี้ให้ได้”