ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 143

เซียวท่าไม่ได้นึกถึงขั้นนี้ พออ๋องอันเตือนสติ เขาก็ตื่นตัวขึ้นในทันที “จริงด้วย คนผู้นี้น่าสงสัยมาก”

ข้าคิดว่าเขาลงมือกับกุ้ยไท่เฟยนานแล้ว มิเช่นนั้นนางคงไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเขา ยังมีอีก จื่ออานเพิ่งจะฝังเข็มให้อาเจี๋ย และนางไม่ลังเลที่จะผลักกุ้ยไท่เฟย จะเห็นได้ว่าท่ามกลางเรื่องพวกนี้จะต้องมีสาเหตุ ข้าจะตามไปที่จวนอ๋องด้วย หาโอกาสพบกับจื่ออาน ข้าถามจุดประสงค์ของนาง”

เซียวท่านึกถึงเรื่องที่จื่ออานเพิ่งจะผลักกุ้ยไท่เฟยไป อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม “พูดจริง ๆ นะ แม้กระทั่งกระหม่อมยังไม่กล้าขัดใจไท่เฟย นางช่างไม่รู้จักรักตัวกลัวตายเสียจริง”

“ข้าเชื่อว่านางทำไปเพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” อ๋องอันเชื่อในตัวของจื่ออานอย่างไม่มีเหตุผล เพราะว่า นางคือบุตรสาวของหยวนชุ่ยยวี่

“ไม่พูดก็ไม่ได้แล้ว เซี่ยจื่ออานผู้นี้ ทำให้ข้าได้เปลี่ยนมุมมองใหม่จริง ๆ” เซียวท่ากล่าว

อ๋องอันกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “จื่ออานทำให้เจ้าได้เปลี่ยนมุมมอง ไม่ใช่เซี่ยจื่ออาน”

เซียวท่างงงวย “ใช่แล้ว เซี่ยจื่ออาน”

”จื่ออาน!”

เซียวท่าขมวดคิ้ว “แล้วมันแต่งต่างกันตรงไหน?”

อ๋องอันหันหลังเดินเข้าไปด้านใน “คิดดูให้ดีว่าความแตกต่างอยู่ที่ตรงไหน”

เซียวท่ามองไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างสงสัย อภัยให้ทหารผู้นี้ที่ไม่ได้ฉลาดเฉลียวเช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าแตกต่างกันยังไง เซี่ยจื่ออาน กับจื่ออานที่อ๋องอันพูดมาก็คือคน ๆ เดียวกันมิใช่หรือ?

เมื่อมู่หรงเจี๋ยถูกส่งตัวมาถึงจวนแล้ว กุ้ยไท่เฟยก็ใช้ให้คนไปเชิญหมอหลวงจากในวังมา

แม่ว่านางคือกุ้ยไท่เฟย และถึงแม้นางจะพักอยู่ที่จวนอ๋อง แต่ว่าด้วยสถานะของนางไม่จำเป็นต้องขออนุญาตฮองเฮาเพื่อเชิญตัวหมอหลวงออกมา

นี่หมายความว่า เรื่องที่ร่างกายของมู่หรงเจี๋ยได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว

ใช้คำว่าทั่วทั้งราชสำนักและคนทั่วไปต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งก็ดูจะไม่มากเกินไป

มู่หรงเจี๋ยได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่ว่าจะได้รับบาดได้ยังไง แต่ว่าเขาก็ยังอยู่ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ เขาได้รับบาดเจ็บไม่สามารถจัดการงานเมืองได้ แต่ประเทศไม่อาจละเลยกฎเกณฑ์แม้เพียงสักวัน เรื่องภายในประเทศต้องให้เสนาบดีสำนักราชเลขานุการกับเสนาบดีสำนักตรวจราชการดูแล แต่ว่า เรื่องทางการทหารเป็นเรื่องใหญ่ และเรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งหมดจำเป็นต้องให้ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิอนุมัติและตรวจสอบด้วยตนเอง

ตอนนี้เสนาบดีสำนักราชเลขานุการก็คือเหลียงไท่ฟู่ บิดาของฮองเฮาเขาแทบจะผูกขาดอำนาจทั้งหมดไว้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวแล้ว และแม้แต่มหาเสนาบดีเซี่ยที่เป็นหัวหน้าขุนนางยังต้องเดินตามรอยเขา พูดให้ชัดก็คือ จะทำอะไรก็ต้องคอยดูสีหน้าเขา

เหลียงไท่ฟู่เสนาบดีสำนักเลขานุการกับใต้เท้าชุยเสนาบดีสำนักตรวจราชการ ทั้งสองคนมีมุมมองทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน ต่อสู้กันมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว

เหลียงไท่ฟู่เกลียดศัตรูผู้นี้เข้ากระดูกดำมาโดยตลอด แต่กลับทำอะไรไม่ได้

เพราะว่า เสนาบดีสำนักตรวจราชการดูแลรับผิดชอบอยู่หกกรม และทั้งหกกรมนั้นก็ไม่ขึ้นอยู่กับใคร การบริหารภายในกรมก็โปร่งใสที่สุด รายงานฝ่าบาทโดยตรง ไม่ต้องผ่านเสนาบดีสำนักเลขานุการกับมหาเสนาบดีเซี่ย

จะว่าไปแล้ว ใต้เท้าชุยเสนาบดีสำนักตรวจราชการผู้นี้ ในปีนั้นก็คือหนึ่งในผู้ที่ตามจีบหยวนซื่อเช่นกัน

เขาคือผู้ทรงความรู้ ไม่โอนอ่อนต่อการโน้มน้าวหรือบีบบังคับ ไม่ได้ชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ งานอดิเรกก็คือ วาดภาพและแต่งบทกวี ตามจีบหยวนซื่อไม่สำเร็จ เขาก็ได้แต่งภรรยา ซึ่งภรรยาของเขาก็คือเซียวเซียวบุตรสาวคนโตของจิ้นกั๋วโฮ่ว อีกทั้งนางยังเป็นพี่สาวของเซียวท่าอีกด้วย

เซียวเซียวผู้นี้แตกต่างจากหยวนซื่ออย่างสิ้นเชิง นางโง่เขลา หยาบคายที่สุด แต่กลับเป็นคนตรงไปตรงมาและร่าเริงมาก และยังเป็นสหายที่ดีของมู่หรงจ้วงจ้วงอีกด้วย

ตอนนี้ ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิได้รับบาดเจ็บสาหัส สามขั้วอำนาจนี้ค่อย ๆมีบทบาทขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าเหลียงไท่ฟู่จะต้องสนับสนุนองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน และมหาเสนาบดีเซี่ยก็ต้องคล้อยตามเขา กลายเป็นพวกเดียวกับองค์รัชทายาทเช่นเดียวกับเหลียงไท่ฟู่

ใต้เท้าชุยเป็นคนซื่อตรง และดำเนินการตามนโยบายของมู่หรงเจี๋ย เขายังมีส่วนร่วมในการอนุมัติ ดังนั้น เขาจะต้องอยู่ฝั่งมู่หรงเจี๋ยอย่างไม่ต้องสงสัย