บทที่ 14 ข้าจะขุดหลุม ส่วนเจ้ากระโดด
ดวงตาของหวังโต้วซานหรี่ลง ใบหน้าอ้วน ๆ ของเขาดูจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “พวกมันติดตามเจ้า ?”
ซูเฉินยิ้ม “คงจะเป็นเช่นนั้น”
ทั้ง 2 มองหน้ากัน
หวังโต้วซานถามด้วยเสียงต่ำ “ใคร ?”
ซูเฉินเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หากไม่ใช่พานเฮ่า ก็คงจะเป็นไป๋อี่หง”
“ไป๋อี่หง ?” หวังโต้วซานถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เจ้าอ้วนเข้าใจถึงสาเหตุที่พานเฮ่ามาไล่ตามซูเฉิน แต่สำหรับไป๋อี่หง เหตุใดอีกฝ่ายถึงต้องมาไล่ตามเพื่อนของเขากัน ?
เมื่อเห็นดังนั้น ซูเฉินจึงได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนอย่างคร่าว ๆ
หวังโต้วซานถอนหายใจ “เจ้ามักจะหมกตัวอยู่ในห้องคนเดียวตลอดเวลา แล้วดูสิแค่เจ้าออกมาด้านนอกเพียงครั้งเดียว เจ้าก็ไปทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองเสียแล้ว ? ความสามารถในการก่อปัญหาของเจ้าช่างสูงเสียนี่กระไร”
“บางทีอาจเป็นเพราะข้าเกิดมามีท่าทางที่ดูหยิ่งล่ะมั้ง” เด็กหนุ่มจ่ายเงินและเตรียมที่จะจากไป
“เจ้าจะไปแล้ว ? จะไม่สู้กับพวกมันหรือ ?” จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเจ้าอ้วนกำลังลุกโชนได้ที่
“อีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดหากจะไปสู้กับพวกมันในตอนนี้” ซูเฉินเดินมุ่งตรงไปยังทางออกของร้าน
หวังโต้วซานตามหลังเขาไปอย่างใกล้ชิด “เจ้าบอกว่าพวกมันเป็นเพียงแค่พวกขยะที่อ่อนแอ หากเจ้าไม่สอนบทเรียนให้พวกมันตอนนี้ ทุกสิ่งที่เจ้าพูดไปจะไม่ไร้ความหมายหรือ ?”
ซูเฉินรู้สึกขบขัน “ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างกังวลว่า โลกจะขาดความวุ่นวายเหลือเกินนะ”
เจ้าอ้วนหัวเราะคิกคัก “ข้าก็แค่อยากจะเห็นว่า เจ้าจะจัดการกับเจ้าเด็กน้อยเหล่านั้นอย่างไร”
“ … ” ซูเฉินหยุดคิดอยู่ครู่ ก่อนจะเดินย้อนกลับเข้าไปในร้าน
หวังโต้วซานคิดว่าซูเฉินกำลังเตรียมที่จะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ของเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับตรงเข้าไปในครัวแทน
ต่อมาไม่นาน เด็กหนุ่มก็กลับออกมาพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าสีดำในมือของเขา ไม่รู้ว่าคืออะไร
หวังโต้วซานถามอย่างสงสัย “นั่นคืออะไร ?”
“อยากรู้หรือ ?” ซูเฉินกวักไม้กวักมือให้หวังโต้วซานเข้ามาดูใกล้ ๆ แล้วยกผ้าสีดำขึ้น ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นอับพุ่งเข้าปะทะจมูกของเจ้าอ้วนในทันที จนเกือบจะทำให้เขาอาเจียนออกมาเลยทีเดียว
มันคือเศษอาหารถังใหญ่
จมูกของหวังโต้วซานแทบจะดับไปเพราะกลิ่นนี้ “บ้าอะไรเนี่ย! เหตุใด – เจ้าวางแผนจะทำอะไรกับสิ่งนั้นกัน ?”
“ตามที่เจ้าต้องการ สั่งสอนบทเรียนให้กับคนอ่อนแอที่กล้าสร้างปัญหาเหล่านั้น” ซูเฉินปิดถังเอาไว้เช่นเดิม
หวังโต้วซานจ้องมองอีกฝ่ายอย่างว่างเปล่า ก่อนที่จะเริ่มสั่นเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น “เจ้ากำลังคิดจะ … ”
ซูเฉินมองไปที่หวังโต้วซานอย่างมีความหมาย จากนั้นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่ ในขณะที่พวกเขาเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าอ้วนพร่ำบ่นออกมาตลอดเวลาที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน “ไอ้เจ้านี้มันเหม็นจะตาย เหตุใดเจ้าถึงไม่เอามันใส่ไว้ในแหวนต้นกำเนิดของเจ้าไปกัน ?”
“หากข้าทำเช่นนั้นแหวนของข้าก็คงจะไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว อดทนอีกนิดเราใกล้จะถึงแล้ว” ซูเฉินกับหวังโต้วซานเร่งรีบตรงเข้าไปยังตรอกเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดเข้าไป
ซูเฉินวางถังไว้ที่ผนังของตรอกและผูกมันเอาไว้ด้วยเชือกเส้นบาง ๆ จากนั้นก็พันเชือกอีก 2-3 รอบกับก้อนหินที่เขาพบและวางเจ้าก้อนหินนั้นกลับลงไปบนพื้น การสร้างกับดักอันเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพได้เสร็จสิ้นแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการแล้วซูเฉินก็ปรบมือและพูดว่า “เรียบร้อย ตราบใดที่มีใครบางคนมาทางนี้และสัมผัสกลไกนั่น พวกมันก็จะถูกเศษอาหารคว่ำใส่ ไม่มีทั้งค่ายกลพลังต้นกำเนิดและพลังต้นกำเนิดมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นแม้ว่าพวกมันจะใช้ทักษะต้นกำเนิดที่มีความสามารถในการตรวจจับ มันก็ไม่มีทางที่จะพบสิ่งใด”
แม้จะเรียบง่ายแต่ก็มีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด
ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดนั้นมักจะคุ้นเคยกับวิธีการใช้ทักษะต้นกำเนิดเพื่อตรวจจับถึงการมีอยู่ของพลังต้นกำเนิด แต่กับดักนี้ไม่ได้มีพลังต้นกำเนิดมาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย ทักษะตรวจจับจึงสามารถกล่าวได้ว่าไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
หวังโต้วซานรู้สึกปลาบปลื้มอย่างมาก “แม่เจ้าโว้ย กับดักนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ข้าจะจำมันเอาไว้ใช้”
“เจ้าคิดว่านั่นคือทั้งหมดแล้วงั้นหรือ ?” ซูเฉินหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ยังมีอีก ?” หวังโต้วซานเหมือนจะเป็นลม
“ตามข้ามาแล้วเจ้าจะได้เห็นเอง”
ทั้งคู่ได้วิ่งผ่านตรอกซอยมุ่งตรงไปยังแม่น้ำสายเล็ก ๆ สายหนึ่ง
หลังจากมาถึงริมฝั่งแม่น้ำแล้ว เด็กหนุ่มก็ดึงเอาแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดออกมาแขวนไว้กับต้นไม้
“นั่นอะไรน่ะ ?” หวังโต้วซานรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจอะไรเลย
“บอกข้าสิว่าหากเจ้าถูกเศษอาหารถังใหญ่ตกใส่ สิ่งแรกที่เจ้าอยากจะทำคืออะไร ?” ซูเฉินถาม
เจ้าอ้วนตอบออกมาตามสัญชาตญาณโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย “แน่นอนว่าข้าก็ต้องอยากจะล้างมันออก … ”
ดวงตาของหวังโต้วซานสว่างขึ้นเพราะความเข้าใจอย่างฉับพลัน “พวกมันจะมาที่แม่น้ำนี้เพื่อล้างตัวให้สะอาด และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น พวกมันก็จะตกหลุมพรางอันต่อไปของเจ้า !?”
หากจะกล่าวว่าหวังโต้วซานนั้นได้รู้สึกชื่นชมซูเฉิน ในตอนนี้ก็สามารถกล่าวได้เลยว่าความชื่นชมนั่นเปลี่ยนไปเป็นความเลื่อมใสเห็นจะได้แล้ว
เจ้านักต้มตุ๋นที่น่ารังเกียจผู้นี้ช่างเก่งกาจและโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ถึงกลับสามารถวางกับดักหลาย ๆ อันติดต่อกันได้อย่างง่ายดายเยี่ยงนี้
หวังโต้วซานกำลังจะถามว่าแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดนั่นสามารถทำอะไรได้ จู่ ๆ ซูเฉินก็ส่งสัญญาณให้เขาเงียบและตั้งใจฟัง
ความสามารถในการได้ยินของพวกเขาเหนือล้ำกว่าคนคนทั่วไปมาก และยังสามารถเสริมด้วยพลังต้นกำเนิดได้อีกด้วย ทั้งคู่ได้ยินเสียงของใครบางคนร่ำไห้อย่างแผ่วเบาจากตรอกซอยที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีความเป็นไปได้สูงมากว่าบุคคลผู้นั้นคงจะตกเป็นเหยื่อของ‘กับดักระเบิดเหม็น’ไปเสียแล้ว
ซูเฉินยิ้มและพูดว่า “ไปเถอะ อีกประเดี๋ยวพวกมันก็คงจะมาถึงที่นี่แล้ว”
พวกเขา 2 คนรีบวิ่งออกไปและหาต้นไม้ใหญ่ซ่อนตัว
หลังจากนั้นไม่นานนัก ซูเฉินและหวังโต้วซานก็ได้เห็นกลุ่มคนทั้ง 7 บินพุ่งออกมาจากตรอกที่มีเสียงร้องเมื่อครู่ ผู้ที่นำมาก็คือพานเฮ่า
“อ่า ที่แท้ก็เป็นมัน” หวังโต้วซานพึมพำ
ซูเฉินพูดถูก เป็นพานเฮ่าศิษย์ปีสามผู้ที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับจีหานเยียน เพียงแค่เขาคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับพวกเขาทั้งคู่ ไม่ต้องพูดถึงผู้ช่วย 5-6 คนที่มาด้วยกันกับเขา ดูเหมือนว่าทั้งหมดก็เป็นศิษย์ปีสามเช่นกัน
ช่างราวกับสิงโตที่ออกล่าเต็มกำลังเพื่อจับกระต่าย
โชคดีที่ซูเฉินได้เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน หากเขาไม่เลือกระมัดระวังเช่นนี้ มิฉะนั้นซูเฉินก็คงจะถูกอีกฝ่ายจับตัวได้ และมีความเป็นไปได้ว่าที่นี่จะได้กลายเป็นที่ที่คนอื่นจะพบศพของเขาแทน
“มารดามันเถอะ ดูเหมือนว่าไอ้เจ้านี่มันจะจับตามาสักพักแล้ว นับตั้งแต่เจ้าเข้ามายังสถาบันแห่งนี้ เจ้าเพิ่งจะออกมาข้างนอกเป็นครั้งแรกมันก็ยังรู้ ตระกูลพานคงจะเกลียดเจ้าถึงกระดูกดำแล้วเป็นแน่และพวกมันก็คงจะไม่หยุดจนกว่าจะฆ่าเจ้าได้” หวังโต้วซานพึมพำ
ซูเฉินหัวเราะเบา ๆ “พวกมันเตรียมพร้อมได้ แล้วเหตุใดข้าจึงจะไม่เตรียมพร้อมเล่า ? หรือเจ้าคิดว่าการเตรียมการเหล่านี้ ข้าทำขึ้นโดยไม่ได้คิดล่วงหน้ามา ?”
“เป็นเช่นนั้นเอง” หวังโต้วซานพยักหน้าเป็นเชิงว่าเขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว
ในเวลานี้พานเฮ่าและคนอื่น ๆ ได้กระโดดลงไปในธารน้ำเล็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว บางคนก็ถึงกับสาปแช่งอย่างโกรธเกรี้ยวขณะเปลือยกายล้างสิ่งสกปรกออก
ทั้งตัวของพวกเขาต่างก็เลอะเต็มไปด้วยเศษอาหาร ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นสิ่งเหลือทนเกินกว่าจะมีใครรับได้จริง ๆ
น้ำในแม่น้ำได้ชะล้างสิ่งสกปรกและเศษต่าง ๆ บนร่างกายของพวกเขาออก กลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยไปตามอากาศราวกับคลื่น แม้แต่หวังโต้วซานก็ยังได้กลิ่น
เขารออยู่นาน ทว่าที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำก็ยังคงเงียบและไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจ้าอ้วนพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เหตุใดถึงได้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ?”
“ปฏิกิริยาอะไร ?” ซูเฉินถาม
หวังโต้วซานกำลังจะบ้า “เจ้าไม่ได้วางกับดักอื่นไว้ดักพวกมันหรือ ? ในยามนี้ไม่ใช่ว่าพวกมันควรจะถูกไฟเผาหรือระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรอกหรือ ?”
ซูเฉินตอบอย่างใจเย็น “มันไม่มีไฟหรือการระเบิดแต่แรกแล้ว แผ่นรูปแบบต้นกำเนิดนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับโจมตี”
“ถ้างั้น … ”
“มันคือแผ่นภาพ” ซูเฉินตอบ
แผ่นภาพเป็นแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดชนิดหนึ่งที่สามารถเก็บบันทึกภาพสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้
หวังโต้วซานไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่า แผ่นรูปแบบต้นกำเนิดที่ซูเฉินติดตั้งเอาไว้จะเป็นแผ่นภาพ ทำให้เขาตะลึงไปครู่ใหญ่
หลังจากที่มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเจ้าอ้วนก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “พระเจ้าช่วย นี่เจ้ากำลังบันทึกพฤติกรรมโง่ ๆ ของพวกมันอยู่ ?”
ซูเฉิน เจ้าไม่ทำไกลเกินไปหน่อยเหรอ ?
แม้ว่าจะไม่ได้มีการโจมตีจริง ๆ ใดเกิดขึ้นก็ตาม แต่หวังโต้วซานก็เชื่อว่า พานเฮ่ากับพวกที่เหลือคงจะยอมถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มากกว่าที่จะยอมปล่อยให้พฤติกรรมที่น่าอัปยศและท่าทางทีดูโง่เขลาของพวกเขา ถูกเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ไปทั่วกัน
“ถูกต้อง !” ซูเฉินพยักหน้า “ซึ่งหมายความว่าตอนนี้เรามีปัญหาใหม่ที่จะต้องแก้ไข”
“ปัญหาอะไร ?” หวังโต้วซานไม่เข้าใจ
“เราควรใช้เจ้าแผ่นภาพนี่เป็นสิ่งต่อรองแล้วรีดไถพวกมันอย่างหนัก ? หรือเราควรจะปล่อยมันให้คนทั้งสถาบันได้เห็น พวกมันจะได้ไม่กล้าออกมาแสดงตัวในที่สาธารณะอีกดี ?”
เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าจริงจังราวกับว่าเขากำลังตัดสินใจเรื่องความเป็นความตาย “ข้าควรจะรีดไถพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือจะแก้แค้นพวกมันจนกว่าจะสาแก่ใจข้าดี ? อืม … ช่างเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การพิจารณายิ่งนัก !”