ภาคที่ 2 บทที่ 15 ความแข็งแกร่งของกังเหยียน

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 15 ความแข็งแกร่งของกังเหยียน

ปัง!

แผ่นรูปแบบต้นกำเนิดถูกทุบแตกกระจายออกเป็นชิ้น ๆ

ณ ห้องเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในสถาบันมังกรซ่อนเร้น พานเฮ่าปาแผ่นภาพทิ้งลงพื้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาแทบจะเปลี่ยนสีไปเพราะความโกรธ ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองคนตรงหน้าเขม็งพลางกัดฟันแน่นเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย

“ซูเฉิน !”

ซูเฉินนั่งไขว้ขา การแสดงออกของเขาดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง

เขาพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป เจ้าสามารถปามันทิ้งได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ ชิ้นนี้ข้านำมันมาส่งให้เจ้าเพื่อชี้แจงจุดประสงค์ที่ชัดเจนก็เท่านั้น หากเจ้าต้องการข้าสามารถเอามันออกมาได้อีกเยอะ”

พานเฮ่าสูดลมหายใจเข้าลึก เขาจ้องมองซูเฉินอย่างดุร้าย “เจ้าต้องการอะไร ?”

“หินพลังต้นกำเนิด 10,000 ก้อน แล้วเราจะลืมเรื่องนี้ไป” ซูเฉินตอบ

ท้ายที่สุดระหว่างการขู่กรรโชกกับการแก้แค้น ซูเฉินก็ได้ตัดสินใจเลือกที่จะรีดไถทรัพย์จากอีกฝ่าย

นี่เป็นทัศนคติที่ผู้ต้องการจะทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้สำเร็จต้องมี สิ่งสำคัญนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์หรือแรงจูงใจ แต่เป็นการประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริง

สำหรับซูเฉินการรีดไถขู่กรรโชกทรัพย์นี้มีความหมายมากกว่าการแก้แค้น

“เจ้าต้องการจะรีดไถพวกข้า ?” 1 ในกลุ่มศิษย์ปี 3 จากสถาบันมังกรซ่อนเร้นของพานเฮ่ากล่าวอย่างมืดมน “เจ้าไม่กลัวว่าพวกข้าจะจับเจ้าเปลื้องผ้าตอนนี้หรือ ?”

เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างเย็นชา “งั้นก็ทำเถอะ ที่นี่คือสถาบันมังกรซ่อนเร้น ถ้าพวกเจ้าสามารถฆ่าข้าลงที่นี่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน”

“เจ้า … !” ศิษย์ผู้หนึ่งกำลังจะลงมือ แต่พานเฮ่าได้คว้าตัวเขาไว้ก่อน

“อย่าได้ไปหลงกลมัน ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแค่เจ้าจะถูกผู้สังเกตการณ์จับได้เท่านั้น แต่พวกเราทุกคนจะถูกลงโทษอย่างหนักอีกด้วย” พานเฮ่าตอบ

“แล้วเราจะปล่อยให้มันทำตัวยโสเช่นนี้ต่อไป ?” ศิษย์ 2-3 คนในกลุ่มจ้องมองไปที่ซูเฉินอย่างเกรี้ยวโกรธ

หากดวงตาของพวกเขาสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้ซูเฉินก็คงจะถูกหั่นเป็นพัน ๆ ชิ้นไปแล้ว

พานเฮ่าจ้องซูเฉินอยู่นานก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “ซูเฉิน ส่งแผ่นภาพทั้งหมดที่เจ้ามีมา แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นจะถูกลืมไป มิฉะนั้นตระกูลพานของข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป !”

ซูเฉินมองพานเฮ่าราวกับเขากำลังมองดูคนงี่เง่า “เจ้ายังพยายามที่จะขู่ข้า ? เจ้าคิดว่าการพล่ามอะไรไร้สาระเช่นนี้จะขู่ให้ข้ากลัวได้ ? หรือเชื่อว่าข้าจะกลัวตระกูลพานของเจ้าจริง ๆ ?”

เขายืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนใบหน้าของพวกเขาแทบจะชิดกัน และพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าไม่ได้ต้องการให้ความเป็นศัตรูระหว่างข้ากับตระกูลพานถูกลบ ข้าไม่เชื่อในคำมั่นสัญญาของเจ้าและก็ไม่สนใจด้วย ส่งหินพลังต้นกำเนิดมา แล้วตระกูลพานจะแก้แค้นอย่างไรก็เรื่องของพวกเจ้า ข้าเองก็จะจัดการกับทุกอย่างที่มาขวางทางข้าเช่นกัน”

พานเฮ่าโกรธมากจนแทบจะหายใจไม่ออก

หลังจากสงบลมหายใจลงแล้ว เขาก็พยักหน้า “ได้ แค่ 10,000 หินพลังต้นกำเนิดใช่ไหม ? พวกข้าจะรวมกันเอามาให้เจ้า”

“รวมกันมาให้ ?” ซูเฉินเผยยิ้มเยาะเย้ย “เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ? ที่ข้าพูดถึงคือ 10,000 หินพลังต้นกำเนิดต่อ 1 คนต่างหาก”

“ซูเฉิน ไอ้สารเลว !” พานเฮ่าและพวกทั้ง 6 ของเขาตะโกนสาปแช่งขึ้นด้วยความโกรธแค้นอย่างพร้อมเพรียง

พวกเขามีกันทั้งหมด 7 คน

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือซูเฉินไม่ได้ต้องการหินพลังต้นกำเนิด 10,000 ก้อนแต่เป็น 70,000 ก้อน !

หินพลังต้นกำเนิด 70,000 ก้อน ! นี่มันคิดว่าหินพลังต้นกำเนิดนั้นเป็นของไร้ค่างั้นหรือ ?

แม้แต่สมาชิกจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงเอง ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะจัดหาเงินจำนวนมากเช่นนี้มาในคราวเดียว

ซูเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ต้องกังวล พวกเจ้าสามารถแบ่งจ่ายได้ สำหรับ 10,000 ก้อนแรกข้าให้กำหนดเวลาพวกเจ้าเป็นอีก 3 เดือนให้หลังก็แล้วกัน ดูสิข้าเองก็เป็นคนมีเหตุผลไม่ใช่หรือ? การรวบรวมหินพลังต้นกำเนิด 10,000 ก้อนภายใน 3 เดือนคงจะไม่น่าจะยากใช่ไหม ? แค่ 21 เดือนเรื่องก็จะจบลงแล้ว แต่ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าในช่วงเวลานี้ แผ่นภาพทั้งหมดจะถูกปล่อยออกไปในทันที”

พานเฮ่าจ้องกลับไปที่อีกฝ่าย “พวกข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้อย่างไร ?”

“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า เจ้ารู้ไหมว่ามันยากมากเพียงใดที่ข้าจะตัดใจละทิ้งการแก้แค้นอันแสนหอมหวานไป ? ความมีเหตุผลบอกให้ข้า ‘ขาย’ แผ่นภาพเหล่านี้ให้เจ้า แต่ความโกรธในใจของข้ากำลังผลักดันให้ข้าปล่อยมันออกไปอยู่ตลอดเวลาเพื่อสนองความอยากแก้แค้นนี้ ดังนั้นถ้าเจ้าไม่ให้ความร่วมมือแต่โดยดี ความมีเหตุผลของข้าคงจะผิดหวัง แต่ใจของข้านั้นคงจะยินดีมาก … จากจุดนี้ข้าหวังอย่างยิ่งว่าเจ้าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือ ข้าจะได้เผยภาพที่สวยงามนี้ให้โลกได้เห็น”

ซูเฉินกำลังอธิบายอย่างช้า ๆ และชัดถ้อยชัดคำ ด้วยน้ำเสียงโกรธและเกลียดชัง “ข้าจะเผยแพร่พฤติกรรมที่น่ารังเกียจและน่าอับอายของพวกเจ้าต่อหน้าทุกคน พวกเขาจะรู้สึกเหมือนได้อยู่ที่นั่นด้วยตนเอง เจ้าจะได้กลายเป็นตัวตลกของทั้งสถาบัน ทิ้งเงาความอัปยศไว้ในใจและพังชีวิตของพวกเจ้า !”

“ไม่ !” พวกเขาทั้งหมดเริ่มตะโกนด้วยความกลัว

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง มันก็เป็นไปได้สูงที่จะทิ้งเงาไว้ในใจของพวกเขา

‘เงาในใจ’ ช่างเป็นคำพูดที่แปลกประหลาดและลึกลับ ภายใต้สถานการณ์ปกตินั้นไม่เคยมีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน แต่เมื่อต้องเผชิญกับทักษะต้นกำเนิดทางจิตวิญญาณที่ทรงพลัง หรือวิชาภาพลวงตาระดับสูง เงาร้ายที่ถูกทิ้งเอาไว้ในใจนี้จะกลายเป็นจุดอ่อนใหญ่ ที่ทำให้ความสามารถในการต้านทานการโจมตีเหล่านั้นลดลง

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือหากทักษะและสายเลือดของพวกเขาต้องอาศัยความสงบและความเงียบสงบ เส้นทางการบ่มเพาะทั้งหมดของพวกเขาก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย

ด้วยเหตุนี้เงาในใจจึงสามารถสร้างผลกระทบได้มากหรือน้อยแตกต่างกันไปตามแต่คน

พานเฮ่าตกอยู่ในความเงียบ เขากำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซูเฉินจะกล้ามากขนาดนี้ กล้าที่จะท้าทายและเพิกเฉยต่อสถานะสมาชิกจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงของพวกเขา

พานเฮ่ากล่าวอย่างโหดเหี้ยม “ซูเฉินเจ้ารู้ตัวใช่หรือไม่ว่า เจ้ากำลังทำให้ตระกูลสายเลือดชั้นสูงมากมายขุ่นเคืองเจ้า ?”

“ไม่ กลุ่มเดียวที่ข้ากำลังทำให้ขุ่นเคืองคือพวกเจ้า” ซูเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม “เพราะพวกเจ้าคงไม่กล้ารายงานเรื่องนี้กลับตระกูลของพวกเจ้าหรอก จริงไหม ?”

ซูเฉินจ้องมองทั้ง 7 คนตรงหน้าเข้าและพูดต่อว่า “หากไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลของพวกเจ้า พวกเจ้า 7 คนก็เป็นเหมือนกับไก่อ่อนแอ 7 ตัวในสายตาของข้า ข้ายินดีให้พวกเจ้ามาปัญหาให้ข้าได้ตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะการโต้กลับครั้งต่อไปของข้า จะเลวร้ายยิ่งกว่าครั้งนี้อย่างแน่นอน พวกเจ้าพร้อมที่จะเผชิญกับผลที่ตามมาหรือไม่เล่า ?”

ทั้ง 7 หลีกเลี่ยงการจ้องมองของซูเฉิน พวกเขากลัวที่จะสบสายตาเด็กหนุ่ม

ซูเฉินพยักหน้า “เช่นนั้นเป็นอันตกลง ข้าจะให้เวลาพวกเจ้ารวบรวมหินพลังต้นกำเนิดชุดแรก 3 วัน เนื่องจากข้าเป็นค่อนข้างใจกว้าง หากพวกเจ้าไม่สามารถรวบรวมมาได้ทันจริง ๆ พวกเจ้าก็สามารถใช้คะแนนอุทิศมาจ่ายแทนได้ แต้มหนึ่งแต้มต่อหินต้นกำเนิดระดับต่ำ 10 ชิ้น”

ใจกว้างบ้านญาติเจ้าเถอะ !

————————————

หวังโต้วซานทักซูเฉินที่เดินออกมาจากห้องด้วยความกังวล “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ? ข้ากังวลจริง ๆ ว่าพวกเขาจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ”

“ข้าก็หวังว่าพวกเขาจะทำ ข้าคิดว่าพวกมันจะขังข้าเอาไว้ 2-3 วันด้วยซ้ำ” ซูเฉินตอบ

“เจ้ากำลังเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อหินพลังต้นกำเนิดนิดหน่อยแค่นั้นนะเหรอ !” หวังโต้วซานอุทาน

“แล้วเจ้าไม่กลัวที่จะเดินข้าง ๆ ข้างั้นเหรอ ?”

“เหอะ ทำไมข้าถึงต้องกลัวเจ้าด้วย”

พวกเขาพูดคุยกันและหัวเราะตลอดทางกลับไปยังหอเมฆสงบ

ทั้ง 2 ได้รับการต้อนรับด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยตรงหน้าทางเข้าหอพัก เป็นไป๋อี่หงนั่นเอง

ซูเฉินให้ความสนใจนิ้วของอีกฝ่ายเป็นพิเศษ

ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดก็คือผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด เพียงแค่วันเดียวนิ้วที่ถูกหักไปก็สามารถหายเป็นปกติได้อย่างง่ายดาย

เมื่อไป๋อี่หงมองเห็นซูเฉิน เขาก็เก็บพัดด้ามจิ๋วในมือของเขาและถามด้วยท่าทีคุกคามว่า “ไป๋ชิงอยู่ที่ไหน ?”

“ไป๋ชิง ?” ซูเฉินสับสนไปชั่วขณะ แต่แล้วเขาก็เข้าใจ “เจ้ากำลังพูดถึงคนรับใช้ของเจ้า ? มันกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องของข้า”

“ส่งมันกลับมา”

“ไม่มีปัญหา” ซูเฉินส่งข้อความ ด้วยความช่วยเหลือจากอุปกรณ์สื่อสารที่อารามนิรันดร์ได้มอบให้เขา เขาสามารถใช้มันเพื่อติดต่อกับคนที่อยู่ในระยะที่กำหนดได้

ครู่ต่อมากังเหยียนก็ลากคนรับใช้มาพร้อมกับเขา ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยปราณสีดำ ท่าทางของเขาดูเหนื่อยล้าและเหม่อลอย ผิวหนังของเขาก็เต็มไปด้วยแผล

“ไป๋ชิง !” ไป๋อี่หงตกใจ เขาหันไปหาซูเฉินและตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธ “เกิดอะไรขึ้นกับมัน !?”

ซูเฉินตอบอย่างสบาย ๆ “โอ้ เมื่อตอนที่มันมาหาข้าที่ห้อง มันดูจะปรับตัวไม่ได้ข้าจึงให้ยาไป 2-3 อย่าง ไม่ต้องกังวล ว่าจะมีปัญหาอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น มันจะหายดีในไม่ช้า”

‘ปรับตัวไม่ได้’ บ้าบออะไรกัน !

ซูเฉินพูดเรื่องไร้สาระอย่างหน้าไม่อาย ทำให้ไป๋อี่หงแทบจะระเบิดออกด้วยความโกรธ

ไป๋อี่หงกล่าวอย่างเย็นชา “ซูเฉิน สิ่งเจ้าทำกับคนรับใช้ของข้ามันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ ?”

“ข้าแค่เชิญมันมาเป็นแขกที่ห้องของข้า ดูเหมือนว่ามันจะชื่นชอบปัญหาเป็นอย่างมาก ข้าจึงมอบอะไรบางอย่างให้มันได้ทำ” ซูเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม

“ได้!” ไป๋อี่หงได้เรียนรับรู้บทเรียนของเขาแล้วและไม่ได้หยิ่งผยองอีกต่อไป “ในเมื่อเจ้าได้เชิญคนรับใช้ของข้าไปเป็นแขกของเจ้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็อยากจะจะเชิญคนรับใช้ของเจ้ามาเป็นแขกของข้าบ้าง”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย “โอ้ ? กังเหยียน ดูเหมือนว่าคุณชายไป๋จะอยากเชิญเจ้ามาเป็นแขกของเขานะ”

ใบหน้าของกังเหยียนเผยรอยยิ้มที่ดูโหดเหี้ยมออกมา “ตกลง”

ครู่ต่อมาไป๋อี่หงก็สะบัดเก็บพัดด้ามจิ๋วของเขา แล้วฟาดกรงเล็บเข้าใส่กังเหยียน

กังเหยียนหมุนตัวกลับและเหวี่ยงกำปั้นของเขาเข้าไปปะทะ

ตูม !

กำปั้นอันใหญ่ส่งเสียงคำรามก้องดุจฟ้าร้องพุ่งตรงออกไป และระเบิดพลังโจมตีออกมาอย่างเหนือชั้น กระดูกข้อมือของไป๋อี่หงแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่กระแสพลังที่ท่วมท้นยังคงพุ่งไปข้างหน้าราวกับมังกรแล้วกระแทกเข้าที่ลำตัวของเขา

ปัง !

แรงปะทะได้ส่งไป๋อี่หงบินออกไปราวกับดาวตก

นี่มันอะไรกัน ?

ทุกคนรอบข้างต่างก็ตะลึงกับฉากนี้จนชะงักค้างไป

หวังโต้วซานเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมา “ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด ? คนรับใช้ของเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด ? ทั้งยังเป็นคนจากเผ่าหินผาอีก ?”

ซูเฉินยิ้มอย่างสงบ “เลือกที่จะท้าทายด้วยการสู้ตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดเผ่าหินผา นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผู้ที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองมากถึงขนาดนี้”