บทที่ 879 กลหญิงงาม?

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ค่ายกลาง… กองกำลัง F สองค่ายร่วมสานพันธมิตรพร้อมกัน นี่เป็นการให้ความเชื่อมั่นกับค่ายน้องใหม่อย่างค่ายปาฏิหาริย์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย และในสถานการณ์อย่างนี้ คำสัญญาของหลิงม่อก็ดูเป็นไปได้มากขึ้นไม่น้อย…ทว่าเมื่อฟ้าสาง ค่ายปาฏิหาริย์ก็ได้รับการติดต่อจากฟอลคอน

ตอนแรกหลิงม่อไม่คิดมีส่วนร่วมกับเรื่องวุ่นๆ อย่างนี้ แต่ไม่คิดว่าชื่อของคนที่อีกฝ่ายต้องการคุยด้วย กลับเป็นเขา

แต่โทรศัพท์สายแรกที่หลิงม่อได้รับ กลับมาจากซูเชี่ยนโหรว..

เสียงของหญิงแกร่งท่านนี้ยังถือว่าอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับไม่มั่นคงอย่างเห็นได้ชัด “นายนี่ทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ…”

“ไม่ใช่ทำให้ตกใจหรอ?” หลิงม่อตอบ

“เรื่องนั้นน่ะ…” ซูเชี่ยนโหรวหัวเราะเบาๆ อยู่ก็ถอนหายใจ “นายช่างเป็นคนที่เดาได้ยากจริงๆ…”

“เพราะแผนของคุณถูกผมทำพังหมดสินะ” หลิงม่อบอก

ผู้บัญชาการหญิงท่านนี้คงไม่คิดว่าหลิงม่อจะพูดตรงๆ อย่างนี้ จึงชะงักไป กว่าเธอจะได้สติ หลิงม่อก็พูดต่อว่า “ตั้งแต่ที่คุยกับคุณครั้งนั้น ผมก็รู้สึกได้แล้ว ภายนอกคุณเหมือนกำลังร่วมมือกับผม แต่ความจริงคุณกำลังรอให้ผมแสดงฝีมือที่ถึงขั้นออกมาก่อน แล้วค่อยหลอกใช้ผม”

“หลอกใช้หรอ? พูดซะไม่น่าฟังเลยนะ…” ซูเชี่ยนโหรวพูดเสียงเบา

“ต้องขอโทษด้วย อาจพูดตรงเกินไปแต่มันก็เป็นความจริง คุณทำเหมือนคนนอกที่คอยดูอยู่ห่างๆ ถ้าหากผมยอมคุกเข่า เดาว่าก็คงไม่มีมีผลกระทบต่อแผนการของคุณมากเท่าไหร่ แต่ถ้าหากผมสร้างปัญหาให้ผู้บัญชาการหวังเล็กน้อยล่ะก็ ผมก็คงเป็นเครื่องมือที่ถือว่ามีประโยชน์ต่อคุณอยู่บ้าง แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าจะกับคุณหรือผู้บัญชาการหวัง ผมไม่คิดจะยอมถูกพวกคุณจูงจมูกหรอกนะ และสุดท้ายผมก็ยึดฐานทัพที่ 2 คืนมาได้…หรือชื่อใหม่ก็คือค่ายปาฏิหาริย์ ซึ่งนั่นทำให้พวกคุณเสียฐานที่มั่นไปหนึ่งแห่ง เกรงว่านี่คงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับคุณสินะ…” หลิงม่อพูดอย่างไม่ไว้หน้า

ซูเชี่ยนโหรวนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงบอกว่า “คำว่าขอโทษที่ออกมาจากปากนาย ช่างจิกกัดได้อย่างเจ็บแสบจริงๆ…แต่อย่างไรฉันก็ช่วยฐานทัพที่ 2 ไม่น้อยไม่ใช่หรอ? ถึงแม้จะทำไปเพื่อส่งเสริมอำนาจของตัวฉันเอง แต่ในทางอ้อม ฉันก็ให้โอกาสฐานทัพที่ 2 ได้พักหายใจ…อีกอย่างฉันไม่เหมือนพวกเขา ฉันหวังว่าจะสามารถสร้างค่ายให้ดีจริงๆ เพื่อที่มนุษย์อีกมากมายจะมารวมตัวกันและใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปได้ แต่ไม่ว่าจะมีความคิดดีแค่ไหน พอกลับสู่โลกความจริง บางทีอาจต้องใช้วิธีการที่น่าอดสูบ้างเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย…นายคงเข้าใจใช่ไหม? เพื่อให้ตัวนายเองและแฟนสาวของนายมีชีวิตอยู่ต่อไป นายก็คงทำอะไรไปไม่น้อยเหมือนกัน…”

“ผมก็แค่อยากจะบอกคุณให้ชัดเจน ถ้าหากคุณสามารถร่วมมือกับผมได้อย่างเปิดเผย ผมต้อนรับ แต่ถ้ายังคิดจะหลอกใช้ผม…ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขออภัย ตอนนี้ผมค่อนข้างอ่อนไหวกับการถูกหลอกใช้และถูกบงการ” หลิงม่อเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น

“ฉันเข้าใจ…” คราวนี้ซูเชี่ยนโหรวเงียบไปนาน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ข้อมูลอะไรบางอย่างกับนายก่อนแล้วกัน นิพพานสำนักงานใหญ่และสาขาย่อยได้ส่งทีมย่อยมากมายเข้ามาในเมือง X แล้ว และได้เกิดการปะทะกันกับทีมค้นหาของพวกเราหลายครั้ง ดังนั้นตอนนี้ฟอลคอนถือว่ากำลังรับมือกับทั้งศึกภายในและภายนอก…แต่เพราะเหตุนี้ สมาชิกผู้มีอำนาจหลายคนจึงอยากรวบอำนาจให้ได้เร็วที่สุด สรุปก็คือ พวกเขาต้องการให้มีเพียงเสียงเดียว เสียงที่สามารถชี้ขาดฟอลคอนทั้งหมดได้ และรวบอำนาจให้เป็นหนึ่งเดียวได้…แต่สำหรับผู้รอดชีวิต กลยุทธ์อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องดี ต้องกลายเป็นเครื่องมือเพียงเพราะอยากมีชีวิตอยู่…ชีวิตแบบนั้นน่ากลัวเกินไป…”

“เร็วขนาดนี้เลยหรอ…” หลิงม่อนิ่งไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าร่างจริงของเจ้าแว่นดำนั่นจะลงมือรวดเร็วปานจรวดอย่างนี้…ดูเหมือนหมอนั่นคงจะโกรธจนไฟลุกท่วมอก…ถ้าหากว่าเขารู้ว่าตัวเองแก้แค้นไม่สำเร็จซ้ำยังช่วยหลิงม่อได้อย่างมหาศาล ไม่รู้ว่าจะโกรธจนช็อกตายไปเลยหรือเปล่า…

แน่นอนว่าภายนอก หลิงม่อยังคงพูดต่ออย่างสงบนิ่งว่า “เข้าใจแล้ว”

“ข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้ฉันบอกไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงของฐานทัพที่ 2 ได้ทำให้ที่นี่เกิดความแตกตื่นครั้งใหญ่ ตอนนี้ฟอลคอนวุ่นวายไปหมดแล้ว…ฉันแค่อยากบอกว่า ของขวัญที่จะส่งไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อาจช่วยแสดงความจริงใจของฉันได้บ้าง…ส่วนนายจะตัดสินใจยังไงนั้น…ฉันหวังว่า นายจะช่วยคิดถึงความทรงจำที่เคยมีต่อฉันในตอนนั้นนะ…”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็ถอนหายใจเบาๆ และวางสาย

หลิงม่อครุ่นคิดอย่างงุนงง ไม่นานก็ทำหน้าประหลาดใจ “เธอคงไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นหรอกนะ…”

ในฐานทัพที่ 2 แห่งนี้ เขาและผู้บัญชาการหญิงท่านนี้ เคยมีประสบการณ์ร้อนแรงร่วมกันครั้งหนึ่ง…

พอลองนึกถึงน้ำเสียงปนขุ่นเคืองของซูเชี่ยนโหรวเมื่อกี้ หลิงม่อก็อดรู้สึกหนังศีรษะตึงชาไม่ได้

คิดไม่ถึง ว่าเธอจะใช้กลหญิงงามกับเขาด้วย!

ทว่าลองหวนนึกย้อนดูดีๆ อีกครั้ง รสชาติก็หอมหวานไม่เลวจริงๆ…

ไม่กี่นาทีต่อมา โทรศัพท์สายที่สองดังตามมา

และคนที่โทรมาคราวนี้ กลับเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง

“หัวหน้ากองกำลัง คุณนี่ช่างเนื้อหอมจริงๆ นะ” สมาชิกค่ายปาฏิหาริย์ที่ทำหน้าที่รับโทรศัพท์ค่อนแคะเขา โดยเฉพาะคำว่า “หัวหน้ากองกำลัง” ที่เขาเน้นเสียงหนักๆ

“นี่ ที่พวกเขาชื่อกองกำลัง F มันไม่ใช่ความผิดผมนะ…” หลิงม่อถลึงตาจ้องหน้าเขา พลางรับโทรศัพท์ไป

“คุณหลิงใช่ไหมคะ?” เพิ่งจะยกโทรศัพท์ขึ้น อีกฝ่ายก็รีบเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว ทว่าเทียบกับซูเชี่ยนโหรวแล้ว น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้ฟังดูจริงจังเป็นทางการกว่ามาก เหมือนเครื่องตอบข้อความอัตโนมัติอย่างไรอย่างนั้น หลิงม่ออดนึกถึงอวี๋เสียนไม่ได้ พลางลอบคิดในใจว่าผู้หญิงรอบกายเจ้าผู้บัญชาการหวังนั่น แต่ละคนเหมือนเครื่องจักรไม่มีผิด…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกเขาบังคับฝึกฝนจนกลายเป็นอย่างนี้หรือเปล่า…

“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นตัวแทนของผู้บัญชาการหวังเซียวหวัง…”

“ไม่รู้จัก” หลิงม่อพูดตัดบททันที

“เมื่อคืนพวกคุณเพิ่งโทรศัพท์คุยกัน” หญิงสาวมีความอดทนไม่เลว

“แล้วเขาโทรฯ เองไม่เป็นหรอ?” หลิงม่อถามอีกครั้ง จากนั้นก็กดตัดสายทิ้งดื้อๆ “ประสาทหรือไง?”

…………

หญิงสาวพูด “ฮัลโหล” กับเครื่องมือสื่อสารในมือหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงเงยหน้าบอกว่า “เขาวางสายไปแล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ตอนแรกว่าจะให้โอกาสฐานทัพที่ 2 หน่อย…” หวังเซียวถอดผ้าคลุมออกแล้ว ตอนนี้เขากำลังยืนติดกระดุมเสื้ออย่างเคร่งขรึมอยู่หน้ากระจกแต่งตัว

หญิงสาวลังเลเล็กน้อย ถามว่า “จะไม่ฆ่าพวกเขาแล้วหรอคะ?”

หวังเซียวเงยหน้าขึ้น จ้องเงาสะท้อนของหญิงสาวบนกระจกตรงหน้า แล้วพูดเสียงอ่อนโยนว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ แต่ปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่นานอีกหน่อย ตอนตายก็ว่าจะให้ตายอย่างสบายขึ้นหน่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ทำตามแผนเดิมแล้วกัน”

“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า

“ฝั่งซูเชี่ยนโหรวมีการเคลื่อนไหวอะไรไหม?” หวังเซียวถาม

หญิงสาวตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “เกรงว่าจะร่วมมือกับฐานทัพที่ 2 ได้สำเร็จ”

“ไปเกลือกกลั้วอยู่กับตั๊กแตน สุดท้ายก็ต้องตายหมด” หวังเซียวจัดคอเสื้อ พลางพึมพำกับตัวเอง

…………

ถึงแม้ว่าทางค่ายปาฏิหาริย์จะผ่านการปรับเปลี่ยนมากมาย แต่จากสายตาคนนอก ความจริงไม่ได้แตกต่างไปจากเวลาปกติมากนัก…

การเข้ามาพักของลูซี่และสมาชิกของกองกำลัง F ทำให้ค่ายแห่งนี้คึกคักขึ้นมาบ้าง ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนฮือฮายิ่งกว่า คือหลิงม่อมีแฟนสาวถึงสามคน

แม้แต่อวี๋ซือหรานก็ยังถูกมนุษย์รุมจ้องตอนที่เดินเข้ามาที่นี่ ทำเอาซอมบี้โลลิตกใจจนต้องรีบเผ่นหนีออกมาจากค่ายแห่งนี้ และวิ่งกลับไปหาเสี่ยวป๋ายทันที กลับเป็นผู้หลบหนีเหล่านั้นที่ถูกเธอและเสี่ยวป๋ายจัดการและวางกองกันอยู่ตรงหน้าประตู ที่ทำให้ทุกคนปากอ้าตาค้าง

พลังต่อสู้ของโลลิตัวนี้…ไม่ธรรมดาจริงๆ!

ส่วนสถานการณ์ของพวกเย่เลี่ยนนั้นดีกว่าหน่อย เพราะหลังจากที่พบว่าสายตาเหล่านั้นมีอยู่ทุกที่ พวกเธอสามคนก็หลบอยู่แต่ในห้องของหลิงม่อ

สวี่ซูหานที่เป็นซอมบี้เหมือนกันกลับอดทนยืนอยู่คนเดียว แต่หลังจากที่เธอกลับมาครั้งนี้ หลิงม่อสัมผัสได้รางๆ ว่าเธอมีบางอย่างเปลี่ยนไป…

น่าเสียดายที่เขายังไม่ทันได้พิจารณาอย่างละเอียด ความวุ่นวายครั้งใหม่ก็มาเยือนเสียก่อน

“หัวหน้า!”

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากข้างหลัง ไม่นานร่างกายนิ่มๆ ของเธอก็กระโจนเข้ามากอดแผ่นหลังหลิงม่อ

แต่พอหลิงม่อหันกลับไป หญิงสาวก็รีบปล่อยมือทันที และถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง และพูดพร้อมพวงแก้มแดงๆ ว่า “ขะ…ขอโทษค่ะ…ฉัน…ฉันแค่ดีใจเกินไปหน่อย…”

“พวกเราเข้าใจ เธอควบคุมตัวเองไม่ได้…โอ๊ย!” ชายร่างผอมที่อยู่ข้างๆ เพิ่งจะพูดขึ้น ก็ถูกหญิงสาวใช้ศอกกระทุ้งสีข้างแรงๆ หนึ่งที เธอรู้สึกร้อนไปจนถึงลำคอแล้ว จึงก้มหน้างุดยิ่งกว่าเดิม “อย่าไปฟังที่เจ้าลิงผอมพูดนะคะ…”

หลิงม่อได้แต่มองสายตาแปลกๆ ของชายอีกสองคนที่มองมา ขณะเดียวกันก็ทำเป็นหัวเราะเหมือนไม่รู้เรื่อง “กู่ซวงซวง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พลังจิตของคุณฝึกไปถึงไหนแล้ว?”

“ก็ดีค่ะ…” กู่ซวงซวงตอบโดยเอาแต่จ้องปลายเท้าตัวเอง

ใบหูของเธอแดงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้หลอดไฟบนหัวกระพริบติดๆ ดับๆ ขณะเดียวกันชายอีกคนที่ดูผ่านการฝึกฝนมาอย่างช่ำชองกระแอมเบาๆ แล้วบอกว่า “ซวงซวงเธอใจเย็นๆ หลอดไฟใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว ไม่ได้เจอหัวหน้าตั้งนาน เธอจะทักทายเขาอย่างนี้เลยหรอ?”

“หา? ขะ…ขอโทษค่ะ…” กู่ซวงซวงสะดุ้ง และรีบขอโทษขอโพย

หลิงม่อนวดขมับอย่างนึกปวดหัว จากนั้นก็หัวเราะหึหึมองไปทางอีกสามคนที่เหลือ “ลิงผอม จางซินเฉิง แล้วก็…” เขาหันไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังสุด เทียบกับอีกสามคนที่เหลือ ชายคนนี้ดูสะดุดตากว่ามาก จุดเด่นคือทรงผมเรียบเกรียนและสายตาดุดันของเขา รวมถึงมีดสองเล่มที่เหน็บอยู่ข้างเอวเขาด้วย

“เย่ไค”

“หัวหน้า” สายตาปรารถนาการต่อสู้ฉายผ่านดวงตาเย่ไคชั่วขณะ แต่ไม่นานก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นตะลึง “ตาของพี่…เปล่งประกายมาก…”

“หึหึ” หลิงม่อหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ

“ดูเหมือนครูฝึกมู่ไม่ได้โกหก พลังจิตของหัวหน้าแข็งแกร่งขึ้นมากอีกแล้ว” เย่ไคสูดหายใจลึก แล้วบอก

“พลังของพวกคุณก็น่าจะพัฒนาขึ้นไม่น้อยสินะ…”

หลิงม่อเพิ่งจะพูดจบ เจ้าลิงผอมก็ถามอย่างอดใจไม่ไหว “หัวหน้า ที่ให้พวกผมมาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่มาขัดขวางพวกทหารไล่ล่าใช่ไหม?”

“ใช่…ความจริงผมมีเรื่องอยากให้พวกคุณช่วย” หลิงม่อพยักหน้า “เรื่องนี้…”

—————————————————————————–