ตอนที่ 160 แม่นางจ้าวมีความสุขกับความโชคร้ายของผู้อื่น
“ถุย!” หยุนชิ่วเอ๋อถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าเล็กอันบอบบางของหยุนเซียงเอ๋อผู้น่าสงสาร
ทำให้หยุนเซียงเอ๋อตกใจจนไม่กล้าร้องไห้อีก ทว่ายังคงสะอึกสะอื้นขณะน่องทั้งสองข้างแกว่งไปมา อย่างไรก็ตามเนื่องจากหยุนเซียงเอ๋อยังเด็กมากทำให้ไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่า ‘หอชุ่ยเซียง’ แต่รู้ว่าหยุนชิ่วเอ๋อกําลังจะขายตนเองให้กับผู้อื่น
เด็กหญิงตัวน้อยที่ไม่เคยออกจากหมู่บ้านไป๋ซีตั้งแต่เล็กจนโตจึงรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก
“ยังร้องไห้! ยังร้องไห้อยู่อีก! ข้าจะทําให้เจ้าร้องไห้อีก!”
“เพี๊ยะ… เพี๊ยะ… เพี๊ยะ…”
ไม้ไผ่บางที่ถูกแช่ในน้ำเย็นฟาดไปที่หยุนเซียงเอ๋ออย่างแรงจนผิวหนังเริ่มฉีกขาดและมีเลือดสีแดงสดไหลรินออกมาเล็กน้อย
แม้หยุนเชวี่ยจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ แต่ไม่อาจทนดูต่อไปได้แล้ว
หยุนเซียงเอ๋อมีอายุเพียงเก้าขวบที่มีความสูงไม่เท่าเด็กห้าขวบ ร่างกายผอมแห้งเกิดอาการหวาดกลัวจนไม่กล้าร้องไห้เนื่องจากถูกทำร้ายอย่างไร้ความปรานี!
หยุนเชวี่ยเช็ดหน้า พับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นและกําลังจะเข้าไปดึงหยุนเซียงเอ๋อออกมา แต่หยุนลี่เต๋อกับแม่นางเหลียนที่คนหนึ่งกําลังหาบน้ำและอีกคนถือถังไม้ตักน้ำกลับมาพอดี
“ชิ่วเอ๋อ! เจ้ากำลังทําอันใดอยู่!”
เมื่อเห็นภาพนี้ หยุนลี่เต๋อจึงรีบวางภาระบนไหล่ลงก่อนจะก้าวยาว ๆ ไปข้างหน้าสองสามก้าว และยกมือขึ้นเพื่อปกป้องเด็กน้อยหยุนเซียงเอ๋อไว้ในอ้อมอก
“เพี๊ยะ…” หยุนชิ่วเอ๋อยั้งมือไม่ทัน ทำให้จังหวะนั้นพลาดไปโดนที่นิ้วของหยุนลี่เต๋อทำให้มันบวมเป่งขึ้นมาทันที
“ผู้ที่ข้าตีมิใช่ลูกสาวท่าน เหตุใดท่านมาจึงวต้องเข้ามายุ่งด้วย!” ดวงตาของหยุนชิ่วเอ๋อแดงก่ำขณะกรีดร้องออกมา
แม่นางเหลียนรีบดึงตัวหยุนเซียงเอ๋อมาด้านข้างจากจุดที่อยู่ห่างจากตนเอง และเมื่อเห็นบาดแผลบนร่างกายเด็กน้อยทำให้รู้สึกปวดใจจนน้ำตาไหลพราก
“ชิ่วเอ๋อ นางยังอายุไม่ถึงสิบขวบเสียด้วยซ้ำ! เหตุใดต้องทำรุนแรงเช่นนี้ด้วย? ข้าจะปล่อยให้เจ้าทำร้ายนางได้อย่างไร!”
“พี่สามเป็นพวกขี้โกง! หนังหนาเช่นนี้คงไม่เป็นไรหรอก! หลังจากตีแล้วข้ายังจะขายนางให้กับหอชุ่ยเซียงด้วย!” หยุนชิ่วเอ๋อเท้าสะเอวขณะตะโกนใส่หยุนลี่เต๋อ “หลีกทางไป ท่านอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
“เจ้าพูดเรื่องอันใด!” หยุนลี่เต๋อไม่เพียงไม่ยอม แต่น้ำเสียงกลับดังขึ้นอีกหลายเท่า “เซียงเอ๋อเป็นหลานแท้ ๆ ของเจ้า แล้วเจ้าทํากับนางลงคอได้อย่างไร!”
“เหตุใดถึงจะทำมิได้? เจ้าเดรัจฉานตัวน้อยเอ้อหลางกล้าตีข้า ข้าจะตีนางให้ตายเพื่อเป็นการแก้แค้นก็ย่อมไม่เป็นไร!” หยุนชิ่วเอ๋อพับแขนเสื้อและโบกไม้ไผ่พร้อมพุ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธแค้น
หยุนลี่เต๋อจึงหยุดนางด้วยมือข้างหนึ่ง
“พี่รอง ท่านเป็นใครกัน! คงคิดว่าตนเองมีความสามารถมาก จนไม่ว่าเรื่องบ้านใดก็ต้องสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว มันไม่ใช่เรื่องของท่าน! ไสหัวไป!” หยุนชิ่วเอ๋อสบถออกมาด้วยความขุ่นเคือง
ทำให้หยุนเซียงเอ๋อตกใจจนตัวสั่นขณะหลบอยู่ด้านหลังแม่นางเหลียน
“ตีก็ตีแล้ว ถือว่าได้ระบายความโกรธไปแล้ว ชิ่วเอ๋อ เซียงเอ๋อยังเล็กอยู่ นางจะรู้เรื่องอันใด?” แม่นางเหลียนพยายามเกลี้ยกล่อม
“ในเมื่อมันเป็นลูกของพี่สาม ข้าไม่สนใจว่ามันจะอายุน้อยหรือไม่ ต้องการทำตัวเป็นคนดีเช่นนั้นรึ? หรือต้องการให้ข้าทุบตีนังเด็กไม่รู้ความของท่านแทน!”
หยุนชิ่วเอ๋อสาดคําสบถใส่พี่สะใภ้คนรองขณะมือเท้าและเท้าของหยุนชิ่วเอ๋อตะกุยตะกายไปข้างหน้าจนข่วนเข้าที่ลำคอของหยุนลี่เต๋อด้วยเล็บเรียวยาว
หยุนเชวี่ยมองหยุนชิ่วเอ๋อแวบหนึ่งด้วยมุมปากโค้งขึ้นแล้วหัวเราะเย้ยหยัน ทําให้แม่นางเหลียนแทบจะจําบุตรสาวตนเองไม่ได้ เหตุใดท่าทางของนางจึงหยิ่งยโสนัก? นางต้องการทำอันใด?
“พี่ชายของเจ้าหนีไปหมดแล้ว เหตุใดเจ้ามิหนีไปด้วย? หากยังไม่รีบวิ่งอีก อาชิ่วเอ๋อจะต้องฆ่าเจ้าแน่ แล้วเจ้ามิกลัวหรือ?” หยุนเชวี่ยกระซิบข้างหูหยุนเซียงเอ๋อ
เวลานั้นร่างกายของหยุนเซียงเอ๋อสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด หยุนเซียงเอ๋อเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยน้ำตาและจ้องมองด้วยความหวาดกลัว
“ดูสิ ลุงรองของเจ้ายังไม่สามารถหยุดหยุนชิ่วเอ๋อได้ หากถูกนางจับได้เจ้าคงไม่มีทางหนีพ้นเป็นแน่!” หยุนเชวี่ยทําให้เด็กน้อยรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อหยุนเซียงเอ๋อมองอาหญิงที่มีสีหน้าดุร้าย จึงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและรีบหลบไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว
“ยังไม่หนีไปอีกหรือ? อยากให้นางฆ่าเจ้านักรึ!” หยุนเชวี่ยกุมขมับและไม่เข้าใจว่าเหตุใดเด็กคนนี้ถึงได้ซื่อบื้อนัก!
หยุนเซียงเอ๋อตะลึงงัน แต่หลังจากตั้งสติได้ หยุนเซียงเอ๋อชําเลืองมองอีกครั้งก่อนจะวิ่งออกไปนอกประตูใหญ่
“เดี๋ยว เซียงเอ๋อ…” แม่นางเหลียนไล่ตามไปสองก้าวแต่ไม่ทันเพราะถูกหยุนเชวี่ยรั้งเอาไว้
“นังแพศยา! หนีไปแล้วอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก! หากกล้าเข้ามาในบ้านตระกูลหยุน ข้าจะถลกหนังเจ้า!” หยุนชิ่วเอ๋อกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งขณะเล็บกำลังหยิกหยุนลี่เต๋ออย่างแรงและชกไปที่แขนของเขา
“โอ๊ย…” หยุนลี่เต๋อสูดหายใจเข้าลึก
“ชิ่วเอ๋อ เจ้าทำอันใด?!” แม่นางเหลียนตกใจจนหน้าซีดเผือด
นังสุนัขบ้า… หยุนเชวี่ยแอบสบถออกมา นางไม่พูดพร่ำทําเพลง หยุนเชวี่ยพุ่งตัวเข้าไปดึงผมของอีกฝ่ายแล้วดึงไปด้านหลังอย่างแรง
ฝ่ายหยุนชิ่วเอ๋อถูกดึงจนหน้าหงายจึงคว้าตัวหยุนลี่เต๋อไว้ก่อนและอ้าปากร้องครวญครางขณะที่ด่าไปด้วย
“เชวี่ยเอ๋อ ปล่อยมือเร็วเข้า” แม่นางเหลียนรีบดึงบุตรสาวเข้ามาในอ้อมแขน
“หากยังกล้ารังแกพี่สาวและแม่ข้าอีก ต่อไปข้าจะไม่ปล่อยท่านไว้แน่!” หยุนชิ่วเอ๋อถูกดึงผมเอาไว้อย่างแน่นหนาทำให้ขยับตัวไม่ได้ ขณะนั้นหยุนเชวี่ยจึงกระซิบที่ข้างหูของหยุนชิ่วเอ๋อด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
แม้เอ้อหลางลงมือแล้ว แต่คงไม่เลวนักหากหยุนเชวี่ยจะเพิ่มลูกเตะเข้าไปอีกสักครั้งสองครั้ง
บนแขนของหยุนลี่เต๋อมีเต็มไปด้วยรอยเลือด เขาจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทว่ามิได้โกรธ เขาทำเพียงขมวดคิ้วมองหยุนชิ่วเอ๋อ แล้วใช้มือหนึ่งโอบบุตรสาว ส่วนอีกข้างปกป้องภรรยาไว้ แล้วกลับห้องตะวันตกโดยไม่กล่าวอันใดสักคํา
สำหรับแม่นางจ้าวหลบอยู่หลังประตูห้องฝั่งตะวันออกและกำลังแอบดูความวุ่นวายจนปากอ้าตาค้าง จากนั้นนางหัวเราะอย่างยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
“ไอหยา ตอนนี้เรื่องราวกำลังสนุก ครอบครัวน้องสามหนีไปหมดแล้ว ต่อไปหากไม่กลับมาอีกก็คงดี”
“เจ้ารองกับเมียก็ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน จุ๊จุ๊ แต่สาวน้อยในบ้านเขานับว่าไม่ธรรมดา!”
“ถึงอย่างไรการเห็นหยุนชิ่วเอ๋อหน้าบวมช้ำก็สะใจมาก ถือว่าข้าได้ระบายอารมณ์ออกมาแล้ว!”
“ก็แค่หญิงแพศยาที่ไม่เคยได้รับการอบรมสั่งสอน คิดจะแต่งเข้าตระกูลใหญ่เป็นฮูหยินน้อย ฝันกลางวันแสก ๆ เถิด!”
หยุนลี่จงเอนกายพิงหัวเตียงและโยนหนังสือในมือทิ้งก่อนจะพลิกตัวด้วยความเกียจคร้านและอ้าปากหาวอย่างรําคาญ “สตรีมักมีจิตใจเช่นนี้!”
“สตรีมีจิตใจเช่นไร? ข้าเห็นน้องสามต่อสู้กับหยุนชิ่วเอ๋อ ข้าย่อมดีใจ! จะไม่ให้ดีใจได้เสียอย่างไร สู้กันให้ตาย แต่คนที่รอดคือเรา หึหึหึ…”
“สะใภ้สามหนีไปแล้ว ผู้ใดจะหุงหาอาหาร ผู้ใดจะทํางานบ้าน?” หยุนลี่จงเอ่ยถามคําถามที่สําคัญเนื่องจากเขารู้สึกหิวแล้ว
“ผู้ใดชอบก็จงทำ แต่อย่าหวังพึ่งข้า…”
แม่นางจ้าวกลอกตาและเมื่อพูดจบนางเห็นแม่เฒ่าจูก็เดินออกมาจากซอกประตู ยืนเท้าเอวอยู่ใต้ชายคาโดยหันหน้ามาทางฝั่งตะวันออกพร้อมด่าด้วยความโกรธว่า “ทั้งครอบครัวรู้แต่อ้าปากกินข้าวทั้งวัน! คิดว่าตัวเองเป็นฮูหยินของขุนนางจริง ๆ รึ! ทั้งวันการงานไม่ทํา เพียงแค่รอให้คนมาคอยปรนนิบัติ! คนสูงศักดิ์เกียจคร้านยิ่งกว่าลูกสะใภ้สามที่ขี้เกียจเสียอีก! ทั้งหมู่บ้านไป๋ซีคงไม่มีผู้ใดสามารถหาภรรยาเช่นนี้ได้! ตระกูลหยุนของข้าคงเป็นหนี้นางมาแปดชาติแล้ว!”
รอยยิ้มของแม่นางจ้าวที่เมื่อครู่ยังกลัวว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวายพลันแข็งค้าง รีบพลิกมือปิดประตูอย่างแน่นหน้าด้วยใบหน้าดําคล้ำ ก่อนจะบิดตัวไปนั่งข้างเตียงราวกับไม่ได้ยินเสียงอันใดเลย
“ยังไม่รีบไปทําอาหารอีก!” หยุนลี่จงยืดขาถีบนาง
แม่นางจ้าวไม่ขยับพร้อมอ้าปากโต้ตอบ “เหตุใดข้าจึงต้องทําด้วย!”