ตอนที่ 96 ตกใจ

Perfect Superstar

ตอนที่ 96 ตกใจ

การแข่งขันเขตเมืองหลวงของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ มีผู้เข้ารอบคัดเลือกทั้งหมด 35 คน

หมายเลขประจำตัวของลู่เฉินคือ 0030 ส่วนมู่เสี่ยวชูเป็นอันดับด้านหลังคือ 0032

ตอนนี้การแสดงบนเวทีเป็นของหมายเลข 0017

ด้วยเหตุนี้จึงยังมีเวลาเหลือเฟือ เขาเปิดกระเป๋าเครื่องดนตรี หยิบกีตาร์ออกมา

จากนั้นบรรเลงเพลงบนสายกีตาร์อย่างคุ้นเคย ลู่เฉินเล่นเพลง ‘ความทรงจำแสนหวาน’ เพื่อประกอบเสียงร้องของมู่เสี่ยวชู

ตัวโน้ตของเพลงอันหวานซึ้งชื่อดังนี้เรียบง่าย ไม่ต้องใช้วิธีการเล่นที่ซับซ้อน เป็นเพลงที่มักใช้ในการฝึกเล่นกีตาร์พื้นฐาน แม้ลู่เฉินจะไม่ค่อยเล่นบ่อย เขาก็ยังคงเล่นได้อย่างสบายๆ

เขาเพิ่มลูกเล่นลงไปเล็กน้อยด้วย

ตอนเริ่มต้นมู่เสี่ยวชูรู้สึกเขินอาย ท่าทีดูตกประหม่า ทว่าหลังจากลู่เฉินยิ้มให้กำลังใจ เธอก็เริ่มเข้าเนื้อร้องตามทำนองเพลง ร้องออกมาด้วยเสียงของตัวเอง

“ฉันเคียงคู่เธอ เดินไปด้วยกันสุดขอบฟ้า…”

“ความสุขลืมหวนย้อนคืนมา แบ่งปันในโลกใบเดียวกัน…”

“ความทรงจำแสนหวานเหล่านั้น ยังเหลืออยู่ในใจ…”

“ลา~ลาลา~ลา…”

น้ำเสียงของมู่เสี่ยวชูไพเราะมาก หวานนุ่มละมุน ได้ฟังแล้วทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปถึงในจิตวิญญาณ เหมือนดื่มน้ำผึ้งหวานเย็นสดชื่น และคล้อยตามไปอย่างไม่รู้ตัว

แน่นอนว่าผู้เข้าแข่งขันหลายคนและกองเชียร์ล้อมวงกันเข้ามา ทุกคนรักษาความสงบอย่างมีมารยาท ฟังเสียงของเธอไปเงียบๆ ใบหน้าของทุกคนเผยรอยยิ้ม

คนก็สวยเสียงก็ดี ทำไมดูแล้วเจริญหูเจริญตาไปหมด

มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่อยู่ตรงนั้นแอบลดเสียงโทรทัศน์ที่แขวนอยู่บนผนังลง

มู่เสี่ยวชูที่ถูกผู้คนห้อมล้อมเริ่มเกร็งเครียดขึ้นมา แต่เธอก็ทำความคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว ร้องเพลงจนจบ!

“ลาลาลา~ นี่คือความทรงจำแสนหวานของฉัน!”

เมื่อเพลงท่อนสุดท้ายสิ้นสุด เสียงร้องยังอ้อยอิ่งอยู่ในใจคนฟัง เป็นรสชาติความรู้สึกที่ดำรงอยู่นาน

แปะ! แปะ! แปะ!

เสียงปรบมือดังขึ้น แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็แสดงถึงความชื่นชอบด้วยใจจริง

มู่เสี่ยวชูเขินอายจนหน้าแดง ก้มโค้งคำนับขอบคุณทุกคน “ขอบคุณค่ะ…”

“เสี่ยวชู…”

เพื่อนสาวสองคนของเธอโผเข้ากอดเธอซ้ายขวา ยิ้มให้พลางบอกว่า “เธอสุดยอดไปเลย!”

มู่เสี่ยวชูพยายามแกะเพื่อนทั้งสองออกจากอ้อมกอด ดวงตาของเธอที่มองลู่เฉินนั้นส่องประกาย “รุ่นพี่คะ ร้องเพลงให้เราฟังสักเพลงได้ไหมคะ?”

ความสนใจของทุกคนหันไปที่ลู่เฉินทันที

ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้ง 35 คน ถ้าเรื่องหน้าตารูปลักษณ์แล้ว ลู่เฉินดูเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด

รูปร่างของเขาสูงใหญ่ หนุ่มแน่น หล่อเหลา รอยยิ้มสว่างไสวเหมือนพระอาทิตย์ เป็นลักษณะของผู้ที่ได้รับความชื่นชอบ

ส่วนเรื่องความสามารถ เมื่อครู่ลู่เฉินบรรเลงกีตาร์อย่างถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน แสดงว่าต้องเข้าใจในดนตรี

ดังนั้นทุกคนจึงอยากฟังเสียงที่เขาร้องเพลงว่าเป็นอย่างไร เพราะเขาก็เป็นผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เช่นกัน

การแข่งขันรอบความสามารถไม่จำกัดจำนวนผู้เข้ารอบ ผู้เข้าแข่งขันในตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งตัวจริง แต่นักร้องที่เก่งและมีไอเดียดีๆ จะได้ประเมินคนที่คิดว่าจะมาเป็นคู่ต่อสู้ก่อน

ลู่เฉิน เป็นคู่ต่อสู้ตัวเก็ง!

แล้วเขามีจุดอ่อนอะไรไหม เช่นเสียงร้องเรียบเฉยหรือเส้นเสียงธรรมดา?

“ดีสิ ดีสิ!”

คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งสองปรบมือให้กับลู่เฉินก่อน คงเกรงว่าที่นี่จะยังวุ่นวายไม่พอ

ลู่เฉินหุบยิ้มลง คิดไปคิดมาก็ตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอโชว์สักเพลง ในเมื่อเสี่ยวชูร้องเพลงของเฉินเฟยเอ๋อร์ ผมจะร้องเพลงของถานหงก็แล้วกัน”

ทุกคนเผยรอยยิ้มที่บ่งบอกความในใจ…ถานหงกับเฉินเฟยเอ๋อร์

ลู่เฉินปรับท่านั่งใหม่ กอดกีตาร์ไว้แล้วเริ่มดีดบรรเลง

“พิราบโบยบิน!”

ทำนองเพลงท่อนแรกเพิ่งเริ่มขึ้น ทุกคนฟังออกทันทีว่านี่เป็นเพลงดังของถานหง เพลงคลาสสิคในหมู่เพลงบัลลาด

“วันฝนตก ฉันอยู่บนเส้นทางที่โดดเดี่ยวไร้ผู้คน…”

“มองดูดอกไม้บาน บานแล้วร่วงโรย…”

“ฉันยืนอยู่ มีเธออยู่ตรงหน้า ฝันว่ากลายเป็นพิราบโบยบินอยู่กลางฟ้าสีคราม ฮ้า…”

“ลาลาอา…พิราบที่โบยบิน!”

เพลงนี้ลู่เฉินร้องมานับครั้งไม่ถ้วน เป็นเพลงขึ้นชื่อของเขาที่บาร์เดย์ลิลลี่ ถึงไม่มีเวลาซ้อม แต่ยังคงเล่นและขับร้องได้สมบูรณ์แบบเหมือนเดิม ทั้งเทคนิคดีดกีตาร์ การร้อง และอารมณ์ล้วนไม่มีที่ติ!

ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นในทุกระดับต่างพอมีความรู้ด้านดนตรี

พวกเขาฟังไปเรื่อยๆ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนกันทุกคน

มีทั้งชื่นชม มีทั้งทึ่ง มีทั้งอิจฉา และมีทั้งระแวดระวัง!

เมื่อลู่เฉินร้องจบ มู่เสี่ยวชูเป็นคนแรกที่ปรบมือ แล้วยังปรบแบบออกแรงมากจนฝ่ามือแดงไปหมด

คนอื่นๆ ปรบมือตาม

ลู่เฉินลุกขึ้นโค้งคำนับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณครับ! ถานหง เพลงพิราบโบยบิน”

ในแววตาของเขามีประกายบางอย่างแวบผ่าน

เพลงนี้เคยเป็นเพลงที่สะกดอยู่ในความฝันแรกเริ่มของเขา วันนี้ได้มาร้องเพลงที่นี่ จะไม่ให้รู้สึกสะท้อนใจได้อย่างไร?

มีคนถามเขาว่า “ลู่เฉิน เพลงที่คุณเตรียมมาคือเพลงนี้เหรอ”

ทุกคนตรงด้านหลังเวที รวมทั้งกองเชียร์และพนักงานเจ้าหน้าที่ต่างมีป้ายแขวนบอกตำแหน่ง แค่ดูชื่อก็รู้แล้ว

ลู่เฉินส่ายหัว “ไม่ใช่ครับ ผมเตรียมเพลงอื่นมา เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นเอง”

แค่การแข่งขันคัดเลือกความสามารถเท่านั้น ทำไมจะต้องปิดบัง เอาเป็นว่าอีกไม่นานทุกคนจะได้ฟังเอง

ผลงานเพลงของตัวเอง?

เขาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงจริงๆ…หลายคนต่างคิดอย่างนี้

ในความเห็นของคนส่วนใหญ่ ลู่เฉินอาศัยแค่เพลง ‘พิราบโบยบิน’ ก็เพียงพอแล้วที่จะได้รับบัตรผ่านเข้ารอบต่อไป แต่เขายังใช้เพลงผลงานของตัวเองร้องบนเวทีอีก เป็นกระทำที่มากเกินความจำเป็นแท้ๆ!

เพลงผลงานแบบไหนจะเทียบเทียมกับเพลง ‘พิราบโบยบิน’ ของถานหงได้? บังเอิญที่ถานหงได้มาเป็นกรรมการ ลู่เฉินร้องได้ดี ถ้าเกิดได้คำชี้แนะจากนักร้องซูเปอร์สตาร์เพิ่ม เขาจะได้หน้าได้ตาเป็นอย่างมาก!

ร้องเพลงแต่งเองจะได้หน้าได้ตา แต่ถ้าเพลงแต่งเองคุณภาพไม่ดีก็จะกลายเป็นคว้าน้ำเหลวแทน

เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้เคยเกิดขึ้นในการประกวดแข่งขันมาก่อน นักร้องบางคนมองว่าตัวเองเก่งเกินความจริง ใช้ผลงานเพลงของตัวเองออกแสดง สุดท้ายแล้วจบแบบไม่สวย

‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ไม่ใช่ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’!

หลายคนรู้สึกว่าลู่เฉินมาผิดเวทีหรือเปล่า ในความทึ่งยังเจือปนด้วยความรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่าง

แน่นอนว่าพวกเขาต้องเยาะเย้ยอยู่ในใจกัน

ลู่เฉินมองเห็นกิริยาท่าทีทั้งหมดของพวกเขา แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะความจริงจะพิสูจน์ทุกอย่าง

มู่เสี่ยวชูใสสื่อ กล่าวให้กำลังใจว่า “รุ่นพี่ลู่เฉิน พี่ต้องได้บัตรผ่านเข้ารอบแน่นอน!”

ลู่เฉินหัวเราะบอก “ทุกคนมาพยายามไปด้วยกันเถอะ”

“ผู้เข้าประกวดหมายเลข 0021 เชิญตามผมมาครับ!”

ในขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเวที ตะโกนว่า “หมายเลข 0022 เตรียมตัว!”

คนที่ยืนล้อมวงอยู่ต่างพากันแยกย้ายกันไป การแข่งขันยังดำเนินอยู่!

มู่เสี่ยวชูกับเพื่อนสาวของเธอกลับไปที่ของตัวเอง ไม่ได้แอบมองลู่เฉินอีก

เวลาผ่านไปทีละนาที ทีละวินาที

สำหรับใครหลายคน การรอคอยเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง และกับอีกหลายคนรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

0022 0023 0024…ผู้เข้าแข่งขันรายแล้วรายเล่าขึ้นเวทีแล้วกลับลงมา พวกเขามีทั้งที่ผ่านการตัดสินของคณะกรรมการอย่างราบรื่น ดีใจกระโดดโลดเต้นที่ได้รับบัตรผ่านเข้ารอบต่อไปอันสวยงาม บางคนก็ถูกคัดออกอย่างไร้เยื่อใยเช่นกัน

ต้องร้องไห้จากไป

ในแกรนด์สตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งมีคนน้อยลงเรื่อยๆ

เพิ่งผ่านเวลา 2 ทุ่มไป หมายเลข 0029 ขึ้นเวที

อันดับถัดไปคือหมายเลข 0030 ลู่เฉิน ซึ่งได้มายืนรออยู่ในพื้นที่รอใกล้กับเวทีแล้ว

ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 0029 คือชายวัยกลางคนหนวดเครารุงรังที่นั่งอยู่ทางขวามือของลู่เฉินในตอนแรก ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นศิลปินข้างถนนหรือนักร้องหลงกรุงคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือเกาเฟิง

เมื่อขึ้นไปยืนบนเวที เกาเฟิงเริ่มแนะนำตัวอย่างสั้นๆ ก่อน เขามาจากเฮยเจียง เป็นคนหลงกรุงจริงๆ ด้วย

ถานหงกล่าว “คุณเริ่มได้เลย ขอให้คุณโชคดีครับ!”

เกาเฟิงพยักหน้า ตอบว่า “ขอบคุณครับ”

เขาหันหลังกลับไปยกนิ้วโป้งให้กับผู้ควบคุมเสียงด้านข้างเวที

เสียงดนตรีดังขึ้นในทันที

ที่แท้เป็นทำนองที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก ทำให้ลู่เฉินที่ยืนรออยู่ตรงเขตรอถึงกับตะลึงงัน!

“จำได้ว่าในฤดูใบไม้ผลิเมื่อหลายปีก่อน…”

ฉันยังไม่ได้ตัดผมอันยาวสลวย ไม่มีบัตรเครดิตและไม่มีเธอ ไม่มีบ้านที่มีน้ำร้อน 24 ชั่วโมง”

แต่ตอนนั้นฉันมีความสุข แม้จะต้องตัดไม้มาทำกีตาร์…”

เพลงที่เกาเฟิงร้องคือเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’!

……………………………………………………