ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 131 กู้โม่หาน, ข้าสงสัยว่าเจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่
“กู้โม่หาน เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้าลงนะ! ใครจะอยากอยู่กับเจ้า!”
เขาพาหนานหว่านเยียนขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนจะขึ้นนั่งบนม้าอย่างมั่นคง
“ข้าคิดว่าเจ้าปากแข็งมาก”
สายลมพัดผ่าน แสงจันทร์ส่องสว่าง ทั้งสองสบตากันบนหลังม้า หนานหว่านเยียนอาศัยแสงสว่างของพระจันทร์ จึงเห็นกู้โม่หานที่นั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย
เอ๊ะ?
แปลกจริง เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีมาก ถ้าเจ้าตัวเล็กทั้งสองโตขึ้น จะต้องสวยมากแน่นอน!
หวังว่าทั้งสองคนจะไม่นิสัยเสียเช่นเขา มิฉะนั้นต้องแย่แน่ๆ
กู้โม่หานก้มหน้าลง แล้วเห็นสีหน้าที่กำลังโกรธของหนานหว่านเยียน เขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
ที่จริงแล้ว เขาเองก็แยกไม่ออกว่าเขาอยากจะอยู่กับหนานหว่านเยียน หรือว่าเขาเขาไม่อยากยุ่งยาก และไม่อยากหารถม้าอีกคันให้หนานหว่านเยียน
หลังจากนั้น กู้โม่หานก็เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างห้วนว่า “เพื่อเป็นการขอบคุณ ข้าจะสอนเจ้าขี่ม้าเอง”
สอนขี่ม้า?
หนานหว่านเยียนรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจก่อนหน้านี้ได้พังทลายลงทันที นางกัดฟันพูดออกมา “ไม่ต้อง เรียนขี่ม้ามีอะไรดี ข้านั่งรถม้าได้ แล้วเหตุใดต้องหาเรื่องให้ตนเองลำบากด้วย ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้”
พอพูดจบ นางก็ตบมือของกู้โม่หานอย่างแรง
นี่เขาจะฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวนางกี่ครั้งถึงจะพอใจ?
กู้โม่หานขมวดคิ้ว และวางมือบนเอวบางของหนานหว่านเยียนอีกครั้ง “ถ้าเจ้าถูกคนร้ายตามฆ่า ขี่ม้าจะหนีได้เร็วกว่านั่งรถม้า!”
หนานหว่านเยียน “…”
ในที่สุดนางก็รู้แล้ว ศัตรูที่อันตรายที่สุดของนางไม่ใช่หยุนอี่ว์โหรวหรือหนานชิงชิง แต่เป็นคนที่อยากขี่ม้าเอง แต่กลับดึงนางมาลำบากด้วยอย่างกู้โม่หานผู้นี้ต่างหาก!
กู้โม่หานจับบังเหียนไว้แน่น “อีกอย่าง จากนี้ก็ไม่มีโอกาสเช่นนี้แล้ว!”
หนานหว่านเยียนโมโหจนยกยิ้มออกมา “ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ!”
กู้โม่หานส่งสายตาให้รองแม่ทัพกวน ก่อนจะสะบัดบังเหียน และควบม้าออกไปทันที
รองแม่ทัพกวนที่เฝ้าดูกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนเงียบๆ ยกยิ้มพึงพอใจออกมา
ทันใดนั้น มุมคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไม่รู้ว่า ท่านอ๋องกับพระชายา ที่มีหนี้แค้นขวางกั้นระหว่างทั้งสองไว้ ในภายภาคหน้าจะกลับมารักกันได้หรือไม่ พวกเขาช่างเป็นคู่ชีวิตที่เหมาะสมกันมากจริงๆ …”
ม้าวิ่งไปอย่างมั่นคง โดยจุดหมายที่มุ่งหน้าไปคือจวนอ๋องอี้
สองหูของหนานหว่านเยียนถูกแรงลมสาดใส่ พัดแรงจนทำให้ใบหน้าของนางรู้สึกเจ็บแสบ
หนานหว่านเยียนตะโกนสุดแรง “กู้โม่หาน! ลดความเร็วนะ!”
กู้โม่หานทำเหมือนหูหนวก น้ำเสียงแฝงความชอบใจอยู่ด้วย “ข้าจะสอนเจ้าแค่ครั้งนี้เท่านั้น เจ้าดูให้ดีล่ะ!”
หนานหว่านเยียนได้ยินไม่ชัด ในใจทั้งโมโหทั้งร้อนใจ “ดูบ้าอะไรกัน รีบปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้! ข้าไม่เคยพูดว่าข้าอยากเรียน!”
แต่ดูเหมือนชายผู้นี้จะกำลังคึกคะนอง จึงไม่สนใจหนานหว่านเยียนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
กู้โม่หานดึงบังเหียนม้าอย่างแรง เพื่อเลี้ยวมุมกะทันหัน จนหนานหว่านเยียนแทบจะอ้วกออกมา!
แผ่นหลังของนางชนกับหน้าอกของกู้โม่หานเต็มแรง บนหลังม้าสั่นคลอน แต่นางไม่กล้าขยับ จึงได้แต่จับมือของกู้โม่หานที่กอดเอวของนางไว้แน่น
สีหน้าของนางบูดบึ้ง “กู้โม่หาน ข้าสงสัยว่าเจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่ เจ้าคิดจะฆ่าข้าใช่หรือไม่”
กู้โม่หานไม่ได้โกรธ “ทักษะการรั้งบังเหียนม้าก่อนจะตกหน้าผาชัน คือทักษะที่สามารถช่วยชีวิตเจ้าได้ในยามคับขัน”
รั้งบ้าบออะไรกัน ส่งนางเข้าประตูนรกมากกว่า!
หนานหว่านเยียนยังไม่ทันจะปรับตัวได้ กู้โม่หานก็ใช้แส้ฟาดม้าอีกครั้ง จนม้าส่งเสียงร้องดัง กู้โม่หานใช้โอกาสนี้ดึงบังเหียนอย่างแรง จนม้ายกสองขาขึ้นกลางอากาศ
“กรี๊ด กู้โม่หาน——” หนานหว่านเยียนรู้สึกเหมือนตนเองกำลังนั่งอยู่บนเรือโจรสลัด วิญญาณของนางแทบจะถูก “ทักษะการขี่ม้า” ของกู้โม่หานดูดออกจากร่าง จนนางต้องเกาะติดกับร่างกายของเขา เหมือนปลาหมึก
คนในอ้อมกอดยิ่งแนบชิดขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะผูกติดกับเขา ทำให้มีรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัวปรากฏขึ้นในแววตาของชายหนุ่ม
เขายังไม่ยอมหยุด ยังแสดง “ทักษะเฉพาะตัว” อีกหลายครั้ง ก่อนจะเดินทางต่อไป
จนในที่สุดก็มาถึงจวนอ๋องอี้
นี่เป็นครั้งแรกในรอบห้าปี ที่หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าที่นี่อบอุ่นปลอดภัย เหมือนเป็นที่หลบภัยของนาง
กู้โม่หานอุ้มนางไว้ แล้วกระโดดลงจากหลังม้า
พ่อบ้านกาวยืนรออยู่หน้าประตูนานแล้ว พอเห็นภาพตรงหน้าก็รีบออกมาต้อนรับ “ท่านอ๋อง พระชายา วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะขอรับ”
หนานหว่านเยียนยังคงอยู่ในอาการตกใจ สองขาอ่อนแรง นางยกมือพาดกำแพงเดินกลับเรือนทีละก้าว
น่าตายนัก กู้โม่หาน ไม่ช้าก็เร็วข้าจะแก้แค้นเรื่องในวันนี้ให้ได้เลย!
กู้โม่หานมองตามแผ่นหลังของหนานหว่านเยียนไป ดูท่าทางจะอย่างอารมณ์ดีมาก
เขาพูดกับพ่อบ้านกาว “วันนี้หนานหว่านเยียนมีความดีความชอบและคงจะเหนื่อยมาก เจ้าสั่งลงไป ให้เตรียมอาหารบำรุงสุขภาพให้นาง พรุ่งนี้เช้าส่งไปที่เรือนเซียงหลิน”
พ่อบ้านกาวรับคำสั่ง พอเห็นกู้โม่หาน ยิ้มกว้าง เขาก็อดที่จะถามอย่างสงสัยไม่ได้
“ท่านอ๋อง บ่าวเห็นว่าท่านอารมณ์ดีมาก หรือว่า ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องกับพระชายาจะดีขึ้นแล้ว?”
ไม่อย่างนั้นต้องขี่ม้ากลับมาดึกๆ ดื่นๆ ใครจะอารมณ์ดีเช่นนี้ได้?
ไม่ใช่บ้าไปแล้วหรือ?
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้โม่หานหายไปทันที
“ใครบอกว่าข้ายิ้ม เพราะลมแรง ทำให้หน้าของข้าถูกพัดจนชาต่างหาก!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินตรงกลับไปที่เรือนซีเฟิง
พ่อบ้านกาวงุนงงอยู่สักพัก จากนั้นก็รีบไปจัดอาหารบำรุงให้หนานหว่านเยียน
ช่างเถอะ จากนี้ไปถ้าเขาถามเรื่องท่านอ๋องกับพระชายาอีก ถือว่าเขาปากมากไปเอง!
ตอนที่พวกกู้โม่หานกลับมา ยังมีบ่าวรับใช้เห็นหลายคน
เรื่องนี้จึงแพร่กระจายไปทั่วจวนอย่างรวดเร็ว และเข้าหูของหยุนอี่ว์โหรวด้วยเช่นกัน
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?! ท่านอ๋องกลับมากับนางนั่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นนั้นหรือ?”
หยุนอี่ว์โหรวคว้าถ้วยชาขึ้นมาแล้วขว้างลงบนพื้น เศษถ้วยกระเด็นขึ้นมาบาดขาของนาง แต่ดูเหมือนนางจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ฟันขาวขบกันแน่น
พอต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของหยุนอี่ว์โหรว เชี่ยนปี้รีบทรุดตัวลงคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นไม่กล้าตอบกลับ
นางแค่บอกหยุนอี่ว์โหรว ว่าบ่ายวันนี้หนานหว่านเยียนไปที่ค่ายทหารกับกู้โม่หาน และได้ยินว่านางช่วยรักษาลูกน้องคนสนิทของกู้โม่หานจนหายดีถึงสามคน
ทั้งสองอยู่ที่นั่นถึงเที่ยงคืนก่อนจะกลับมา ตอนที่กลับมา หนานหว่านเยียนปวดเอวจนแทบยืนไม่ไหว และกู้โม่หานยังยกยิ้มกว้างด้วย
เหตุการณ์แบบนี้ ย่อมทำให้คนเข้าใจผิด นับประสาอะไรกับหยุนอี่ว์โหรว
หยุนอี่ว์โหรวดึงผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง พอคิดได้ว่าท่าทีของกู้โม่หานที่มีต่อหนานหว่านเยียนนั้นเปลี่ยนไป นางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจและร้อนรน
ดวงตาของนางแดงก่ำอย่างวิตกกังวล “ข้าจะทำอย่างไรดี ถ้าหนานหว่านเยียนแย่งจุดสนใจของท่านอ๋องไป ถ้าเช่นนั้น…”
นางมองไปทางเชี่ยนปี้ด้วยดวงตาเกรี้ยวกราด “เชี่ยนปี้! เรื่องที่ข้าสั่งให้ไปทำยังไม่เรียบร้อยหรือ! ชายชู้นั่นล่ะ หาเจอหรือยัง?
เชี่ยนปี้ยกยิ้มชั่วร้ายออกมาทันที “วางใจได้เจ้าค่ะ ภายในสองวันนี้ บ่าวจะมอบ ‘ของขวัญพิเศษ’ ให้หนานหว่านเยียนแน่นอนเจ้าค่ะ!”
ครั้งนี้ ต่อให้หนานหว่านเยียนมีปีกก็ไม่สามารถหนีไปได้แน่นอน
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หยุนอี่ว์โหรวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก นางผมเผ้ายุ่งเหยิงเดินไปมาในห้องด้วยเท้าเปล่า ทิ้งคราบเลือดที่น่าหวาดกลัวไว้บนพื้น แต่นางกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย
นางเหมือนปีศาจที่กระหายเลือด ยกยิ้มอย่างดุร้ายและน่ากลัวออกมา
“รีบจัดการให้เร็วที่สุด ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป หนานหว่านเยียนจะต้องขึ้นเหยียบหัวข้าแน่! ข้าจะไม่มีวันยอมให้นางพลิกขึ้นมาชนะข้าได้ ไม่มีวัน!”
“เจ้าค่ะ บ่าวรับรอง จะไม่มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด!”