ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 145
หวงไท่โฮ่วมีสีหน้าโกรธเล็กน้อย “เจ้านี่ช่างไร้เหตุผลเสียจริง มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร?”
กุ้ยไท่เฟยสูดหายใจแรง “มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน?” บุตรของท่านมีสถานะสูงส่ง ตอนนี้เป็นองค์จักรพรรดิ ไม่อาจให้สตรีทำการรักษาได้ ต้องให้เกียรติสถานะตนเอง อาเจี๋ยของข้าไม่ต้องหรอกหรือ? ท่านลดทิฐิไม่ได้ เสียหน้าไม่ได้ ข้าก็เหมือนกัน แม้ว่าท่านคือหวงไท่โฮ่ว แต่ว่าเมื่อองค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนยังมีพระชนชีพอยู่ เขาโปรดปรานข้ามากกว่าโปรดปรานท่าน บุตรที่เกิดจากข้า ก็ย่อมไม่ด้อยกว่าบุตรของท่าน”
มู่หรงจ้วงจ้วงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็โกรธมาก “ไท่เฟย แม้ว่าใจท่านจะรู้สึกเป็นกังวลขนาดไหน ก็ไม่อาจพูดจาเหลวไหลได้ รีบกล่าวขอโทษพี่สะใภ้ซะ”
กุ้ยไท่เฟยกล่าวอย่างเย็นชา “องค์หญิง นางคือพี่สะใภ้ของเจ้า แล้วข้าไม่ใช่รึยังไง? ข้าแบกรับมามากพอแล้ว หลายปีมานี้ข้าเคารพและให้เกียรตินางมาโดยตลอด แต่ว่านางปฏิบัติต่อข้าเช่นไร? เป็นพี่น้องเพียงในนาม ดูเหมือนพี่น้องที่รักกันมาก แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่านางต้องการข่มข้ามาโดยตลอด ”
สีหน้าของหวงไท่โฮ่วดูซีดเผือด นางที่มองดูกุ้ยไท่เฟยมาโดยตลอด ราวกับไม่เชื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของกุ้ยไท่เฟยได้
หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร นางก็ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย: “ได้ ข้าไม่พูดแล้ว เจ้าคิดเห็นเช่นไรก็แล้วแต่เจ้าเถิด”
กุ้ยไท่เฟยทำหน้าเย็นชา เบือนหน้าหนี ความโกรธองนางไม่ได้ลดลงแม้สักครึ่งเดียว ราวกับว่านางมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะโกรธ
อ๋องอันมองดูฉากนี้แล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
อันที่จริงการต่อสู้ระหว่างสองพี่น้องได้เริ่มขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เพียงแต่ หวงไท่โฮ่วไม่รู้เรื่องนี้เลยจริง ๆ นางคิดมาโดยตลอดว่าน้องสาวคนนี้เคารพนับถือนางจากใจจริง
อย่างไรก็ตาม ด้วยนิสัยของกุ้ยไท่เฟย ก็ย่อมจะได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนนางจะจงรักภักดีต่อหวงไท่โฮ่วด้วยใจจริงได้อย่างไร? เพียงแต่ปีนั้นนางไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งฮองเฮามาได้ ต่อมาบุตรชายของหวงไท่โฮ่วก็ได้ขึ้นครองราชย์ นางจึงต้องยอมอยู่ใต้อำนาจของหวงไท่โฮ่ว
ต่อมาองค์จักรพรรดิทรงประชวรหนัก อาเจี๋ยถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ นางพอจะอดทนได้ อันที่จริงองค์จักรพรรดิยังไม่สิ้นพระชนม์เลย ยังมีความเป็นไปได้ที่จะดีขึ้น
ทว่า ตอนนี้ชีวิตของอาเจี๋ยถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย หากเขาเสียชีวิต ตลอดชีวิตของนางก็คงไม่มีวันได้มีอำนาจอยู่เหนือหัวหวงไท่โฮ่ว ครั้งนี้ที่นางพูดจาหยาบคายออกไป นางได้ตัดสินใจระเบิดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาแล้ว จะดีจะร้ายก็ให้รู้กันไปเลย
นางจินตนาการว่าถ้าอาเจี๋ยสบายดี และถ้าองค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ นางจะเป็นคนแรกที่จะแตกหักกับหวงไท่โฮ่ว
นำความโกรธทั้งหมดของนางไปลงที่หวงไท่โฮ่ว
มู่หรงจ้วงจ้วงไม่คิดลึกขนาดนี้ เมื่อเห็นกุ้ยไท่เฟยไม่ให้เกียรติหวงไท่โฮ่วเช่นนี้ ก็เพียงคิดว่านางฟั่นเฟือนไปแล้ว เสียสติไปแล้วจริง ๆ
นางยืนอยู่ต่อหน้าหวงไท่โฮ่วและพูดกับกุ้ยไท่เฟยอย่างโกรธเคือง “เกิดเรื่องขึ้นกับอ๋องเจ็ด ไม่เพียงแต่ท่านผู้เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดที่เป็นห่วงเขา พวกเราต่างก็เป็นห่วง เขาเป็นบุตรของท่าน แต่ก็เป็นหลานชายข้าด้วยเช่นกัน ใครจะต้องการให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขากัน? ท่านอย่าทำเหมือนพี่สะใภ้กับข้าต้องการทำร้ายท่าน เห็นใครก็เห่า ข้าว่าท่านบ้าไปแล้ว”
กุ้ยไท่เฟยลืมตาขึ้น มองไปที่มู่หรงจ้วงจ้วงอย่างหยิ่งผยอง “ไม่เลวนี่ เจ้ารู้เพียงว่านางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าแต่กลับไม่เคยมีข้าคนนี้อยู่ในสายตา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะมาที่จ๋วนอ๋องนี่ทำไม กลับไปกินนมที่วังโช่วหนิงเถิด”
สีหน้าของมู่หรงจ้วงจ้วงเปลี่ยนไปอย่างมาก คำพูดเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่กุ้ยไท่เฟยควรจะพูด นางดึงตัวหวงไท่โฮ่วและพูดอย่างเย็นชาว่า “พี่สะใภ้ ท่านไม่จำเป็นต้องขุ่นเคืองพระทัยเพราะคนเช่นนาง พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อหวงไท่โฮ่วได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางทั้งโกรธทั้งตกใจ รู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น “ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นห่วงอาเจี๋ยเลยพูดเช่นนี้ เรื่องที่เจ้าพูดวันนี้ ข้าจะถือว่าไม่เคยได้ยิน หลังจากที่อาเจี๋ยหายดี พวกเรายังเป็นพี่น้องกันอยู่”
กุ้ยไท่เฟยชักสีหน้าเย็นชาและหยิ่งผยอง “หวงไท่โฮ่ว ก็ใจกว้างเกินไป ท่านอยากคิดเช่นก็สุดแท้แต่ท่าน อย่างไรเสียตลอดชีวิตของข้าก็ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของท่านอยู่แล้ว ”
หวงไท่โฮ่วรู้สึกเหลือทนจริง ๆ แล้ว เดิมทีอยากจะหันหลังแล้วเดินจากไป แต่พอเห็นมู่หรงเจี๋ยที่อยู่บนเตียง ก็รู้สึกปวดใจนัก อย่างไรเสียเด็กน้อยคนนี้นางได้เฝ้ามองดูมาตั้งแต่เล็ก ๆ จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่
แต่ถ้าไม่ไป อยู่ที่นี่ก็มีแต่ทำให้คนรำคาญ ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ อ๋องอันก็พูดขึ้นมา”เสด็จแม่ ท่านกลับไปก่อนเถิด ลูกจะอยู่สังเกตุการณ์ที่นี่เอง”