บทที่ 603 เรากลับมาที่จุดเดิม
ด้วยความสงสัยหนิงเมิ่งเหยาจึงพาเฉียวเทียนช่างวิ่งไปจนทั่วพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่นางไม่เจออะไรเป็นพิเศษมากนัก นอกจากนี้ นางยังรู้สึกว่าที่นี่ดูมืดหม่นเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
“เทียนช่าง ข้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วขณะมองดูดอกไม้รอบๆ
สถานที่แห่งนี้ดูรกร้างว่างเปล่า แต่ก็มีป่าเขียวชอุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และที่นั่นก็มีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ ถ้ามองแวบแรก ใครก็ต่างคิดว่ามันต้องอันตรายมากอย่างแน่นอน
“เจ้าอยากไปสำรวจดูหรือไม่” ทุกบริเวณนั้นดูเหมือนๆ กันหมด ยกเว้นตรงป่าแห่งนั้น
ทั้งๆ ที่มีแสงแดดส่องสว่างเช่นนี้ แต่พื้นที่ตรงนั้นกลับมีหมอกหนาจัดปกคลุมอยู่ด้านบน ดูแล้วช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน
“ไปกันเถอะ” ก่อนที่ทั้งสองคนจะมาที่นี่ หนานอวี่และภรรยาของเขาได้มอบโอสถหลายอย่างให้กับพวกเขาเพื่อใช้ในเวลาที่เจออุปสรรคต่างๆ และหนึ่งในโอสถเหล่านั้นคือโอสถถอนพิษ
ทั้งคู่เดินไปที่นั่นอย่างระมัดระวัง และทันทีที่เข้าไปในพื้นที่ป่า ร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ที่นี่หนาวมากเลย เทียนช่าง” แสงแดดนั้นยังคงส่องแสงสว่างจ้า แต่ทว่าอุณหภูมิในป่าแห่งนี้กลับเย็นยะเยือก
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ และจับมือภรรยาแน่น “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” หมอกที่ปกคลุมป่านี้ทำหน้าที่คอยปล่อยไอเย็นออกมา ทำให้ทั้งคู่สัมผัสได้ถึงอากาศอันหนาวเหน็บ แต่พวกเขาก็มีกำลังภายในที่จะช่วยป้องกันตัวเองได้
“ข้าไม่เป็นไร พวกเราต้องอดทน ไปกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาจับมือสามีและเดินเข้าไปในป่า
จริงๆ แล้ว ป่าแบบนี้น่าจะสัตว์บางประเภทอาศัยอยู่บ้าง แต่ระหว่างทางนั้น พวกเขากลับไม่พบสัตว์ป่าเลย แม้แต่มดสักตัวก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น
“ที่นี่หนาวเกินไป จึงไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยของพวกสัตว์ป่า” ครั้งสุดท้ายที่ชายหนุ่มรู้สึกหนาวเย็นขนาดนี้ คือตอนที่อยู่บนเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เจ้าพูดถูก”
พวกเขาเดินไป พร้อมกับหันมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ทุกบริเวณของป่าแห่งนี้ดูเหมือนกันไปหมด
หญิงสาวลูบคาง “ดูเหมือนว่ายิ่งพวกเราเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นเท่านั้น”
ชายหนุ่มพยักหน้า “จริงด้วย หากพวกเราทนหนาวไม่ไหวกันแล้ว ก็ควรจะกลับกันก่อน”
“ไม่เป็นไร ข้ายังไหว” แม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ทนไม่ได้
เมื่อเห็นว่าภรรยาดื้อดึง เฉียวเทียนช่างก็ปล่อยให้นางเดินต่อไป
พวกเขาเดินไม่ช้าไม่เร็วอยู่ครู่ใหญ่ แต่หลังจากผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่พบจุดสิ้นสุดของป่าผืนนี้ หนิงเมิ่งเหยาชะงักฝีเท้าและพูดขึ้น “เทียนช่าง เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าเรากลับมาที่จุดเริ่มต้นกันแล้ว” หญิงสาวชี้ไปตรงที่ๆ หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “เจ้าพูดถูก พวกเราเดินเป็นวงกลม”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน” หนิงเมิ่งเหยามองสามีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อาจจะมีการสร้างเขตแดนเอาไว้ พวกเราต้องลองทำลายเขตแดนนั่นดู” ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง มิเช่นนั้น คงจะไม่มีการสร้างเขตแดนป้องกันเอาไว้แน่
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาเป็นประกาย ก่อนจะไหล่ตก “แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร”
เฉียวเทียนช่างลูบศีรษะของนาง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าพอรู้วิธีอยู่บ้าง เดี๋ยวข้าจะลองดูก่อน”
“ตกลง” หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะรู้เรื่องพวกนี้ด้วย
เฉียวเทียนช่างมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไร เขาจึงขมวดคิ้ว และเดินค้นหาต่อไปอย่างละเอียด
หนิงเมิ่งเหยายิ้มบางๆ ขณะมองสามีค้นหาอะไรบางอย่างด้วยความจริงจัง หญิงสาวเดินตามติดเขาไป ราวกับเป็นเหาฉลาม
“เหยาเหยา ยืนพักแถวนี้ก่อนก็ได้” ชายหนุ่มสังเกตเห็นอีกฝ่ายเดินตามไม่หยุด จึงพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ ข้าอยากไปกับเจ้า” หญิงสาวส่ายหน้า นางต้องการจะมองดูเขาต่อ
เฉียวเทียนช่างถอนหายใจ ก่อนจะเงียบลง
หนิงเมิ่งเหยาหลงใหลใบหน้าอันขึงขังของอีกฝ่ายอย่างห้ามใจไม่ได้ นางไม่ได้มองดูสามีเงียบๆ เช่นนี้มาสักพักแล้ว
มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ตั้งแต่เฉียวเทียนช่างเข้ามาในชีวิตของนาง ก็ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่เคยต้องทุกข์ใจเลย
บทที่ 604 เสียงร้องคำรามในพื้นที่ต้องห้าม
ตอนที่เฉียวเทียนช่างอยู่ในหมู่บ้านไป๋ซาน หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกว่าชีวิตในทุกๆ วันของนางนั้นถูกเติมเต็ม ราวกับว่า…ชีวิตของนางมีทุกอย่างแล้ว
ชายหนุ่มเห็นว่าภรรยาเงียบไปเป็นเวลานาน เขาจึงหันหน้ามามองดูด้วยความงุนงง และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจ้องมองเขาราวกับตกอยู่ภวังค์ เขาก็ไม่รู้เลยว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
ชายหนุ่มยิ้มอย่างสดใส ก่อนจะเดินเข้าไปกอดนางจากด้านหลัง “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ เหยาเหยา”
“ข้ากำลังคิดว่า ตั้งแต่ที่ได้พบเจ้า ข้าก็ไม่อยากอยู่ตามลำพังอีกต่อไป ชีวิตในทุกวันมันช่างอิ่มเอมยิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยาตอบพลางมองสามีและหัวเราะออกมา
“ในอนาคตมันก็จะเป็นเช่นนี้ต่อไป” เมื่อกลับไป พวกเขาจะมีลูกสาวเพิ่มอีกหนึ่งคน แล้วชีวิตของทั้งคู่ก็จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ ก่อนจะชี้ไปรอบๆ “แต่ก่อนอื่น พวกเราควรจะหาทางออกจากที่นี่กันก่อนใช่หรือไม่”
“ใช่ แต่เขตแดนของที่นี่ช่างน่าสงสัยนัก ข้าหาจุดบกพร่องของมันไม่เจอเลย” เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้ว
เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก ชายหนุ่มเคยเรียนรู้วิชาจากท่านอาจารย์คนหนึ่ง แต่ได้ฝึกฝนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่ได้เชี่ยวชาญมากนัก
หนิงเมิ่งเหยามองดูโดยรอบ จากนั้นดวงตาของนางก็เปล่งประกาย “เทียนช่าง พวกเราลองหลับตา แล้วเดินโดยใช้ความรู้สึกกันดีไหม”
“เอ่อ…ก็ได้” ชายหนุ่มต้องการจะบอกว่าแผนนี้อาจจะไม่ได้ผล แต่เขามีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา จึงพยักหน้าตกลง
จากนั้น เขาก็หอมแก้มและเอ่ยชมภรรยาของตนอย่างอดไม่ได้ “ภรรยาผู้น่ารักของข้าช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก”
หนิงเมิ่งเหยากลอกตามองชายหนุ่ม พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “อี๋ น้ำลาย”
“เอาล่ะ หยุดเล่นได้แล้ว ไปกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างจับมือหญิงสาวและหลับตาลงเป็นคนแรก
หนิงเมิ่งเหยาหลับตาลงเช่นกัน ทั้งคู่ไม่สนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว และเดินตามความรู้สึกของตนเองเท่านั้น
แม้ว่าสิ่งที่ตาเห็นนั้นจะเป็นของจริง แต่บางครั้ง เวลาที่พวกเขามองไม่เห็นอะไรเลย จิตใจก็จะเป็นส่วนที่ทำให้มองเห็นความจริงได้เช่นกัน
พวกเขาเดินหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น และเริ่มได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากรอบตัว
หนิงเมิ่งเหยาลืมตาขึ้นอย่างกระตือรือร้น และเห็นว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวสะดุ้งเข้าหาชายหนุ่ม พร้อมกับร้องอุทาน “เทียนช่าง พวกเราออกมาได้แล้ว! “
เมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างตื่นเต้นของหญิงสาว เฉียวเทียนช่างก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน ก่อนจะเห็นใบหน้าอันมีความสุขของนาง เขาจึงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
“ใช่ พวกเราออกมาได้แล้ว แต่ทำไมเจ้าถึงตื่นเต้นนัก”
“ข้าต้องตื่นเต้นสิ เทียนช่าง เจ้าไม่คิดหรือว่าที่นี่สวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว” หนิงเมิ่งเหยาพูดพลางมองไปรอบตัว
ชายหนุ่มมองสภาพแวดล้อมและพยักหน้าเห็นด้วย “มันก็สวย แต่ข้าคิดว่าหมู่บ้านของเรานั้นดีกว่าที่นี่อยู่ดี”
“แน่นอน ไม่มีที่ใดเทียบที่นั่นได้เลย” หมู่บ้านแห่งนั้นไม่ใช่เพียงแค่ที่ๆ พวกเขาจะอยู่อาศัยกันในอนาคตเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่เฉียวเทียนช่างเตรียมทำให้หญิงสาวประหลาดใจอีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าที่ใดๆ ก็ไม่อาจเทียบกับหมู่บ้านแห่งนั้นได้เลย
“โฮก…” เมื่อเฉียวเทียนช่างกำลังจะพูด จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามดังออกมาจากระยะไกล
หนิงเมิ่งเหยาตัวแข็งเกร็ง ก่อนจะหันมองสามี และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เทียนช่าง เราไม่พบสัตว์ร้ายเลยสักตัว แต่ตอนนี้พวกเรากำลังจะเจอมันแล้วใช่หรือไม่” หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างหวาดกลัว
หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็คงโชคร้ายนัก
เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะ สมัยที่อยู่ในหมู่บ้านไป๋ซาน เขาล่าสัตว์เป็นอาชีพ ดังนั้นจึงรู้จักเสียงร้องของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะสัตว์ขนาดใหญ่
“เสียงนั้นไม่เหมือนกับเสียงสัตว์ป่า มันฟังดูคล้ายๆ กับเสียงมนุษย์อยู่เล็กน้อย” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
หนิงเมิ่งเหยาตกตะลึง “มนุษย์หรือ เจ้ามั่นใจหรือ” จะมีมนุษย์อยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน มันช่างน่าแปลก
“ไปดูกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้ว เขารู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา และนั่นทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวลเล็กน้อย
เฉียวเทียนช่างและภรรยาค่อยๆ เดินไปทางเสียงคำรามนั้นด้วยความระมัดระวัง
หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก “เทียนช่าง เจ้าไม่คิดว่าสถานที่แห่งนั้นมันช่างกว้างใหญ่หรืออย่างไร ตอนนี้อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว” หลังจากที่เดินมาสักพัก ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง ส่วนหญิงสาวเองก็เริ่มหิวแล้วเช่นกัน
นางไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เข้ามาในทางเดินลับ ตอนนี้ก็น่าจะเป็นเวลาสองหรือสามวันแล้ว