ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 151

องค์รัชทายาทยังต้องเกรงกลัวเสด็จอาผู้นี้อยู่เล็กน้อย ไม่กล้าเร่งรัด แต่ก็ไม่ยอมออกไป ทรงยืนอยู่ที่ประตูกับพวกเหล่าทหารองครักษ์ เขากล่าวกับอ๋องอานว่า “หม่อมฉันจะรอให้พระอาการของเสด็จอาดีขึ้นแล้วจึงค่อยเข้าไปเยี่ยมด้านใน”

อ๋องอานไม่สามารถขับไล่เขาออกไปได้ จึงให้เขารออยู่ที่หน้าประตู

ทางฝั่งของมู่หรงจ้วงจ้วง ที่นางไปไถ่ถามไม่ได้ความอะไรมาเลย คนข้างกายของไท่เฟยปากแข็งมาก จ้วงจ้วงไม่สามารถทำให้พวกเขาเล่าออกมาได้

ขณะเดียวกัน คนในจวนก็ได้มาแจ้งอ๋องอานว่า หนี่หรงฟื้นขึ้นมาแล้ว

อ๋องอานรีบร้อนเข้าไปด้านใน พอหนี่หรงเห็นอ๋องอาน เขาก็พยายามลุกขึ้นและถามอย่างกังวลว่า “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”

อ๋องอานทนไม่ได้ที่จะบอกขาวร้ายแก่เขา แและกล่าวเพียงว่า หมอหลวงเฝ้าดูอาการอยู่ที่นั่น

หนี่หรงก้มหัวลง น้ำตาก็ไหล “พี่ใหญ่ของข้า ตายแล้วใช่หรือไม่?”

ตอนที่เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมา ก็ได้ถามหมอไปแล้ว หมอบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ทางด้านฝั่งอ๋องอานนั้นยังไม่รู้สถานการณ์

อ๋องอานกล่าวปลอบ “หนี่หรง เจ้าระงับความโศกเศร้าเสียใจไว้บ้างเถิด”

หนี่หรงหายใจเข้าลึกและกลั้นน้ำตาไว้

อ๋องอานนั่งลงและกล่าวถาม “หนี่หรง คืนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดพวกเจ้าจึงถูกซุ่มโจมตีอย่างโหดร้ายเช่นนั้น? เป็นคนของเหลียงไท่ฟู่ใช่หรือไม่?”

หนี่หรงเหลือบมองไปที่หมอที่อยู่ข้าง ๆ แล้วก็หยุดพูด

อ๋องอานเหลือบมองและสั่งให้ออกไป เขาจะได้อยู่พูดคุยกับหนี่หรงตามลำพัง

“ท่านอ่อง พวกเราถูกซุ่มโจมตีจากคนสองกลุ่ม มีคนของเหลียงไท่ฟู่และ…” เขาหยุดชั่วครู่ ลดเสียงลง น้ำเสียงของเขาเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง “และคนของไท่เฟย”

อ๋องอานตกใจเป็นอย่างมาก “อะไรนะ?”

เป็นไปได้อย่างไร? ไท่เฟยจะซุ่มโจมตีบุตรชายของตนเองได้เช่นไร?

ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยสักนิด

เขานึกถึงเรื่องของวันนี้ตอนที่เห็นอาเจี๋ยเสียชีวิต แม้ว่านางจะเศร้าเสียใจมาก จนถึงกับร้องไห้ แต่ความโศกเศร้านั้นมันดูเสแสร้งเกินไปหน่อย

ไม่ใช่ว่าความโศกเศร้านั้นเป็นเท็จทั้งหมด บุตรชายตายไปทั้งคน นางจะต้องเสียใจอยู่แล้ว แต่มันก็มีความรู้สึกประหลาดใจบางอย่างที่ทำให้คนไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้

หนี่หรงกล่าวอย่างเศร้า ๆ “พวกเราอยู่ตรงกลางและต่อสู้กับคนเหลียงไท่ฟู่ คนของเรามีน้อย และพวกที่ซุ่มโจมตีมีมากกว่าเราถึงสามเท่า ยากที่จะฝ่าออกจากกวงล้อม คนส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว แต่คราวนี้ต้องมาเจอกับการซุ่มโจมตีครั้งที่สอง”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นคนของไท่เฟย” อ๋องอานยังคงไม่อยากจะเชื่อ

หนี่หรงมองไปที่อ๋องอานและยิ้มอย่างเศร้าหมอง “คนกลุ่มที่สองล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ หนึ่งในนั้นหม่อมฉันคยเจอเขาที่จวนนี้ แม้ว่าเขาจะปกปิดใบหน้าในคืนนั้น แต่กระหม่อมเห็นไฝเม็ดใหญ่มากบนหลังมือของเขา ท่านอ๋องก็เคยพบคนผู้นี้ ดังนั้นท่านอ๋องจึงรู้ว่าคนกลุ่มที่สองนี้ถูกไท่เฟยส่งมา”

อ๋องอานไม่ได้พูดอะไร แต่เขากลับเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว

ท่าทีของไท่เฟยที่มีต่อหวงไท่โฮ่วเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่านางจงใจทำให้หวงไท่โฮ่วทรงกริ้ว และบางทีอาจมีความคับข้องใจและอารมณ์ส่วนตัวปะปนมาด้วย แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายสูงสุดของนางก็คือ การยั่วโมโหหวงไท่โฮ่ว

นางทำให้หวงไท่โฮ่วโกรธเคือง นางรู้ดีว่าจื่ออานรักษาอาซินได้ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่นางไม่อนุญาตให้จื่ออานรักษารักษา และแม้กระทั่งหลังจากกลับถึงจวนแล้ว นางก็ไม่ได้ตามหมอหลวงในทันที แต่พอหลังจากตามหมอหลวงแล้ว นางก็เผยแพร่ข่าวที่อาเจี๋ยบาดเจ็บสาหัสออกไปอย่างเอิกเกริก

ที่นางทำเช่นนี้จะเป็นผลดีต่อนางอย่างไร?

หากเกิดเรื่องขึ้นกับอาเจี๋ย องค์รัชทายาทจะต้องดูแลปกครองประเทศ แล้วมันจะไม่เป็นอันตรายต่อนางหรือ?

หนี่หรงถอนหายใจเบา ๆ “ท่านอ๋อง พวกเราต่างลืมไปว่ายังมีอีกคนนึง”

อ๋องอานชะงักไป และทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบุคคลคนหนึ่งได้

หากเกิดเรื่องขึ้นกับอาเจี๋ย ฝ่าบาทก็ทรงประชวรหนัก คนที่สามารถต่อกรกับองค์รัชทายาทได้ ก็คงจะมีแต่อ๋องแปดเพียงเท่านั้น

อ๋องแปดได้รับการขนานนามว่าอ๋องหวายจุนเขาเป็นขุนนางอยู่ที่อาณาจักรทางแดนใต้ องค์จักรพรรดิส่งเขาไปยังอาณาจักรทางแดนใต้เพราะรู้ซึ้งถึงความทะเยอทะยานของเขา

อ๋องแปดไปทางอาณาจักรทางตอนใต้สามปีแล้ว และเกือบจะทุกคนที่ลืมเขาไปแล้ว

ลืมไปเลยว่าบุตรคนโปรดของไท่เฟยไม่ใช่อ๋องเจ็ด แต่เป็นอ๋องแปด

นางต้องการฆ่าอาเจี๋ย เพื่อให้อ๋องแปดกลับมาต่อกรกับองค์รัชทายาท?

ถ้าเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็สามารถอธิบายได้ชัดเจนแล้วว่า นางรู้แผนการซุ่มโจมตีของเหลียงไท่ฟู่ จึงส่งนักฆ่าไปฆ่าอาเจี๋ย หลังจากที่อาเจี๋ยเสียชีวิต เรื่องทุกอย่างก็จะถูกผลักไปให้เหลียงไท่ฟู่กับองค์รัชทายาท และองค์รัชทายาทจะต้องถูกข้าราชบริพารเกลียดชัง