ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 152

แล้วนางค่อยหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับหวงไท่โฮ่ว ทำให้เรื่องราวใหญ่โตลุกลาม อ๋องแปดต้องกลับมาเมืองหลวงเพื่อมาร่วมพิธีศพและปกป้องมารดาของเขา ทุกอย่างช่างดูสมเหตุสมผลอะไรขนาดนั้น…

อ๋องอานเพียงรู้สึกตกใจยิ่งนัก การต่อสู้ระหว่างพี่น้องอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ

เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้

แต่ว่ากุ้ยไท่เฟยทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ นางมองเห็นแต่สิ่งที่จะได้อยู่ข้างหน้า แต่หารู้ไม่ว่ายังมีภัยมหันต์กำลังจะตามมา

ในตอนเย็น การเคลื่อนไหวของกุ้ยไท่เฟย เป็นไปตามการคาดเดาของอ๋องอาน

กุ้ยไท่เฟยต้องการเขียนจดหมายส่งถึงอ๋องแปด เพื่อให้เขามาร่วมพิธีศพ

ในเวลานี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข่าวทุกข่าวถูกปิดไว้ แต่นางกลับต้องการเขียนจดหมายเพื่อบอกให้อ๋องแปดกลับมา มันหมายความว่าอย่างไร?

ไม่ต้องสงสัยเลย ตอนนี้องค์รัชทายาทมีอำนาจอยู่ในมือเพียงชั่วคราว แต่เมื่ออ๋องแปดกลับมาเมืองหลวงจะต้องเปิดเผยว่าเหลียงไท่ฟู่กับองค์รัชทายาทร่วมมือกันสังหารอาเจี๋ย องคฺ์รัชทายาทจะต้องสูญเสียอำนาจ อ๋องแปดก็จะได้ดูแลปกครองบ้านเมืองได้อย่างราบรื่น

ความแข็งแกร่งทางการทหารของอ๋องแปดในตอนนี้นั้น เกรงว่าทุกคนจะประเมินไม่ได้ ไม่มีอ๋องคนไหนสามารถต่อกรกับเขาได้

ในเวลานี้ คนที่คอยดูแลมู่หรงเจี๋ยก็มารายงานว่าร่างของมู่หรงเจี๋ยได้หายไปแล้ว หลังจากที่กุ้ยไท่เฟยได้ยินเรื่องนี้ นางก็โกรธจัดและสั่งให้คนออกไปค้นหาทั่วทั้งเมือง

อ๋องอานเริ่มสงสัยว่ากุ้ยไท่เฟยเป็นคนทำ แต่เมื่อเขาไปพบกุ้ยไท่เฟย ความโศกเศร้าบนใบหน้าของนางก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ และความโกรธนั้นทำให้ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด

ถ้าไม่ใช่นางที่เคลื่อนย้ายร่างของอาเจี๋ย อย่างนั้นจะเป็นใครไปได้อีก?

กุ้ยไท่เฟยสั่งคนให้ค้นหาทั่วเมือง ซึ่งหมายความว่าข่าวการตายของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิไม่สามารถปิดได้อีกต่อไป และมันก็ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สิ้นพระชนม์ และแม้แต่พระศพก็ถูกขโมยไป ข่าวนี้แทบจะเป็นเหมือนคลื่นที่สาดกระทบไปทุกฝ่าย ทำให้ทั้งเหล่าข้าราชบริพารกับประชาขนต่างโกลาหลวุ่นวายเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกข่าวหนึ่งส่งมาบอกกันว่า ผู้ที่ขโมยร่างของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิแท้จริงก็คือ เป็นบุตรสาวของจวนมหาเสนาบดี เซี่ยจื่ออาน

เมื่อข่าวนี้มาถึงจวนมหาเสนาบดี เดิมทีคนที่น่าจะมีความสุขมากที่สุดก็คือมหาเสนาบดีเซี่ย แต่เขากลับไม่มีความสุข

เขามีความสุขที่ได้ยินข่าวการตายของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ แต่เมื่อเขาได้ยินว่าเซี่ยจื่ออานเป็นคนขโมยร่างไป เขาก็เริ่มครุ่นคิด

มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เซี่ยจื่ออานไม่มีทางพามู่หรงเจี๋ยออกจากจวนอ๋องที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาได้

เขาส่งคนออกจากจวนไป เพื่อช่วยไท่เฟยค้นหาร่างของมู่หรงเจี๋ย

มีเสียงโหวกเหวกโวยวายในยามค่ำคืนทั่วทั้งเมือง

ไม่ว่าความคิดเห็นทางการเมืองของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะสอดคล้องหรือขัดแย้งกันกับเขายังไงเ ขาก็จะส่งคนออกไปตามหา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ยังไม่ได้เห็นพระศพของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิด้วยตาของตนเองก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาจะตายแล้วจริง ๆ ครั้งนี้จะต้องทำผลงานเอาหน้าเสียหน่อย

ณ บ้านพักอาศัยในเขตชานเมือง ควันที่คละคลุ้งและกลิ่นของยาที่ยังอบอวลอยู่ในบ้าน

“ใช้ไฟแรงก่อนจากนั้นก็ไฟอ่อน ใช้ไฟแรงก่อนจากนั้นก็ไฟอ่อน”

คนที่กำลังต้มยาสมุนไพรอยู่ก็คือเซียวท่าแม่ทัพแห่งราชวงศ์ปัจจุบัน และเขายังคงท่องคำสั่งของจื่ออานมาโดยตลอด

ในห้องห้องหนึ่งในบ้าน จื่ออานเพิ่งจะฝังเข็มให้มู่หรงเจี๋ย เพื่อปลดล็อกเส้นลมปราณที่ถูกผนึกไว้ก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้จื่ออานกังวลมาโดยตลอด กลัวว่าท่ามกลางความรีบเร่งจะไม่มีทางผนึกมันได้ แต่เห็นได้ชัดว่านางทำสำเร็จ

หลังจากที่เซียวท่าต้มยาเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็ช่วยกรอกยาลงไป ยาพวกนี้ล้วนเป็น ยาต้มสร้างเลือด ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับการรักษาของนางได้

หลังจากกรอกยาใส่ปากเขาแล้ว เซียวท่าก็ออกไปทำอาหารอีกครั้ง

จื่ออานนอนฟุบอยู่ข้างเตียง นางเหนื่อยล้าขนาดที่ว่าหายใจยังรู้สึกเหนื่อย

นางฟุบลงไปครั้งนี้ นางก็ผล็อยหลับไปเลย

จนกระทั่งมีมือมือนึงมาลูบศีรษะของนางเบา ๆ สตินางกลับมาในทันที และเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามู่หรงเจี๋ยฟื้นขึ้นมาแล้ว เขากำลังจ้องมองมาที่นาง

มือของเขาเลื่อนไปแตะแก้มนางเบา ๆ และยิ้มอย่างอ่อนโยน “เหมือนแมวหน้าลาย!!”

จื่ออานยิ้มแบบเด็ก ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกมนุษย์เพคะ”

หัวใจที่ถูกผนึกไว้นาน นิ่งสงบในช่วงเวลานั้น ก็รู้สึกเหมือนอยู่คนละภพกัน