บทที่ 1240 – เหล่าผู้คนที่ให้การสนับสนุนชิงสุ่ย, ความสามารถในการลดทอน, ความเร็ว

 

ชิงสุ่ยไม่ได้เก็บเรื่องที่เหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์กระทำมาใส่ใจ เขาหวังเพียงจะใช้ถ้อยคำในการบั่นทอนความเยือกเย็นของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้ความหวังอาจจะน้อยนิด แต่เขาก็อยากจะลองดู

 

นี่เป็นสาเหตุที่ชิงสุ่ยดึงองค์หญิงใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แน่นอนเขารู้ดีว่าองค์หญิงใหญ่ไม่ได้ชอบรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์และไม่มีทางเป็นไปได้เลย ส่วนองค์หญิงใหญ่เองนั้นก็ไม่ใช่ผู้หญิงของชิงสุ่ย ถ้านางเป็นเช่นนั้นคงเกิดการต่อสู้กันระหว่างทั้งสองไปนานแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงทุกวันนี้

 

เมื่อมาคิดถึงจุดนี้ สิ่งที่ชิงสุ่ยลงมือทำไปคงจะส่งผลจริงๆ ไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่ไร้เทียมทาน ทุกๆคนย่อมมีจุดอ่อนในตัวเองทั้งสิ้น ดังคำกล่าวที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” เพียงทราบถึงจุดอ่อนของศัตรูก็จะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย

 

“ท่านพ่อ ข้าเอาใจช่วยท่าน ล้มเขาให้ได้!”

 

จู่ๆก็มีเสียงปรากฎขึ้นมาทำให้ผู้คนรอบๆต่างรู้สึกตกอกตกใจ หลายๆคนจ้องมองไปยังชิงซาด้วยความประหลาดใจ ส่วนตัวนางเองนั้นพยายามทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเปล่งเสียงดังออกมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผู้คนยังสงสัยว่าชิงซากำลังพูดอยู่กับใครแต่หลังจากได้ยินเสียงที่พุ่งไปทางชิงสุ่ยก็ทราบได้ทันที

 

“ชิงสุ่ย พวกเราจะเอาใจช่วยเจ้าเช่นกัน พาไลหิมะหวนสนับสนุนเจ้า!” เหยียนจินยวี้ตะโกนออกมา ณ ขณะนั้น

 

“น้องชาย ข้าก็อยู่ฝ่ายเจ้าเช่นกัน! จัดการเขาให้ได้!” เสียงของเทียนเจียงปรากฎขึ้น

 

……

 

หลังจากนั้นเสียงที่สนับสนุนชิงสุ่ยก็ถูกเปล่งขึ้นมาเรื่อยๆ ในความเป็นจริง เมื่อผู้คนทราบว่าพาไลหิมะหวนให้การสนับสนุนชิงสุ่ยต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง นี่แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดกันระหว่างพาไลหิมะหวนและตัวชิงสุ่ยเอง ผู้คนจำนวนมากต่างพากันคิดว่าศึกนี้กลายเป็นศึกแย่งชิงรักเสียแล้ว

 

แม้แต่เสียงของเทียนเจียงเองยังปรากฎขึ้น มันทำให้ผู้คนต่างไม่เชื่อในสายตาตัวเอง ทุกๆคนต่างรู้ดีว่าเทียนเจียงมาจากนิกายโลกานฤเบศซึ่งเป็นกลางในการประลองครั้งนี้

 

อย่างไรก็ตาม เทียนเจียงสัญญากับชิงสุ่ยว่าจะคอยสนับสนุนและจะเผชิญหน้ากันอีก เขาคงต้องใช้ความกล้าอย่างมากในการพูดออกไป

 

“ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นิกายโลกานฤเบศอยู่ฝ่ายเดียวกับพาไลหิมะหวน?”

 

“แน่นอน ถึงแม้นิกายโลกานฤเบศและเหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จะเผชิญหน้ากันเสมอมา แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน หรือเป็นเพราะหัวหน้าของนิกายโลกานฤเบศจะสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้เช่นกัน? ”

 

“ข้าเป็นคนของนิกายโลกานฤเบศ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านิกายข้าไปเข้ากับฝ่ายใด”

 

“ใช่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกัน?”

 

……

 

ชิงสุ่ยลอบสังเกตุรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังสงบอยู่ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าลึกๆในใจของเขาต้องเริ่มวอกแวกเป็นแน่ เหตุเพราะไม่เพียงพาไลหิมะหวนที่สนับสนุนชิงสุ่ย แต่ยังมีนิกายโลกานฤเบศเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย

 

แม้ว่านิกายโลกานฤเบศจะมีอำนาจมากแต่นั่นไม่ได้ทำให้รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์หวั่นใจเท่าไร เหตุผลหลักเป็นเพราะพาไลหิมะหวนแสดงตัวออกว่าสนับสนุนชิงสุ่ยต่างหาก ถึงแม้ในวันนี้จะไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น ถึงแม้เขาจะเป็นฝ่ายชนะในวันนี้ สุดท้ายแล้วเขาก็จะรู้สึกพ่ายแพ้อยู่ดี

 

ความคิดเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า เขาไม่เคยจะต้องตกอยู่ในสถานะเช่นนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกที่เขาไม่ได้พบเจอมาหลายปีมากแล้ว และในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเป็นตัวตลก

 

“เชิญลงมือ!” ชิงสุ่ยพูดอย่างสุภาพในขณะที่มองไปยังรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์

 

“ย่อมได้ เชิญเจ้าลงมือก่อนเลย ข้าเกรงว่าเจ้าจะมีโอกาสแสดงฝีมือได้ไม่มากนัก” รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์มองไปยังชิงสุ่ยด้วยสายตาที่เป็นประกาย ในเวลานี้เขากลับมาอีกครั้งด้วยความมั่นใจราวกับดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผา

 

“ตกลง งั้นไม่เกรงใจล่ะ”

 

หลังสิ้นสุดคำพูด ชิงสุ่ยเรียกกระบี่ดารายุพฆาตและเกราะอสูรสำแดงออกมาใช้งาน

 

ตามด้วยมังกรไอยราเกล็ดทองคำในทันใด

 

การปรากฎตัวอย่างน่าเกรงขามของมังกรไอยราเกล็ดทองคำทำให้ผู้คนต่างตกใจ ไม่ว่าใครก็ตามต่างทราบดีว่ามังกรไอยราเป็นสิ่งที่พิเศษ พลังกดดันและกลิ่นอายของมันที่ถูกปล่อยออกมาทำให้ผู้คนต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว

 

ท่าทีของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชิงสุ่ยทราบดีว่าอย่างน้อยเขาก็เริ่มให้ความสำคัญกับตนขึ้นมาบ้างแล้ว สิ่งที่ทำให้รู้ว่าเขาเอาจริงก็คือพลังของเขาที่มากมีมากกว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำแต่กลับไม่มีท่าทีที่ประมาทเลย

 

ก้าวเท้ามังกรสัญจร ทักษะย่างก้าวเก้าเทวา!

 

ร่างกายของชิงสุ่ยเป็นเหมือนกับมังกรที่คดเคี้ยวอยู่ในน้ำพร้อมพุ่งไปยังรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์

 

กระบี่ทะลวง!

 

ชิงสุ่ยพุ่งดาบไปยังรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยท่าทีที่เรียบง่าย จู่ๆเขาก็ปรากฎตัวอยู่ข้างหลังฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจุดนั้นย่อมเป็นจุดอับสายตา

 

รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มเคลื่อนไหวตัว ด้วยการก้าวอย่างสง่างาม เขาสามารถหลบการโจมตีของชิงสุ่ยได้อย่างง่ายดาย

 

ท่าเท้าของเขามีความรวดเร็วมาก ราวกับได้ก้าวข้ามคำว่าวิชาไปแล้ว

 

ส่วนตัวชิงสุ่ยก็ใช้ก้าวเท้ามังกรสัญจรและทักษะย่างก้าวเก้าเทวาต่อไปเพื่อทดสอบขีดจำกัดของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์

 

นั่นทำให้เขาประหลาดใจมาก เพราะฝ่ายตรงข้ามสามารถหลบทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

 

ชิงสุ่ยหยุดการใช้เล่ห์กลต่างๆ เขาเร่งความเร็วให้ถึงขีดสุดพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ในมือด้วยเพลงหมัดไทเก๊ก

 

ดวงตาของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นประกาย เขายังคงปัดป้องการโจมตีของชิงสุ่ยต่อไปพร้อมกับปากที่เอ่ยขึ้นว่า “ได้เวลาที่เจ้าต้องระวังตัวบ้างแล้ว!”

 

เขาเปล่งน้ำเสียงอันสงบออกมา หลังสิ้นสุดคำพูด แทนที่เขาจะล่าถอยกลับเป็นฝ่ายพุ่งหมัดขวาเข้าใส่แทน แขนของเขาดูเหมือนจะยาวและเบามันช่างดูแปลกตาเหลือเกิน อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยความแข็งแรงและเด็ดเดี่ยว ในเวลาไม่นานนักมันก็พุ่งเข้าใส่ปลายดาบของชิงสุ่ย

 

ฝ่ามือทองคำอินทนิล!

 

ชิงสุ่ยเร่งพลังของตนให้ถึงขีดสุด นี่เป็นเพียงพลังที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ในช่วงเวลาสนั้นๆเขาระเบิดพลังที่น่ากลัวออกมา

 

ตึ้ง!

 

มีเสียงดังชัดเจนเกิดขึ้น

 

ร่างกายของชิงสุ่ยกระเด็นถอยหลังไป พลังโจมตีที่ร้ายแรงนั่นพุ่งตรงเข้าสู่ลมปราณของชิงสุ่ยผ่านกระบี่เข้ามา ถ้าลมปราณของชิงสุ่ยไม่แข็งแกร่งมากพอการโจมตีเมื่อครู่นั้นอาจจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือแม้กระทั่งทำลายลมปราณของเขาไปได้เลย

 

เมื่อมาพิจารณาดูว่าเขาสามารถรับการโจมตีเมื่อครู่ได้แสดงว่าเขาก็แข็งแกร่งพอตัวเลยทีเดียว

 

ในวันนี้ ชิงสุ่ยได้ขยายขอบเขตพลังออกไป เพียงการโจมตีครั้งเดียว ชิงสุ่ยยังไม่สามารถประเมิณพลังของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายยังมีพลังมากกว่านี้ หรือในบางทีรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ทดสอบเขาโดยยังไม่ได้ใช้พลังออกมาทั้งหมด

 

หุบเขาเก้าเทวา!

 

ชิงสุ่ยควบคุมหุบเขาเก้าเทวาให้พุ่งเข้าชนรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยพลังสูงสุด

 

“ถ้านี่เป็นทั้งหมดที่เจ้ามี เจ้าก็ไม่น่ามาท้าทายข้าเลย” รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ส่ายศีรษะ เขากำหมัดแน่นและชกเขาใส่หุบเขาเก้าเทวาในทันที

 

ปัง!

 

หุบเขาเก้าเทวาถูกซัดให้กระเด็นกลับ ชิงสุ่ยยังคงควบคุมหุบเขาเก้าเทวาด้วยจิตใต้สำนีก เขายื่นมือออกและปรบมือสองสามครั้งเพื่อวางหุบเขาเก้าเทวาให้เข้าที่

 

แปลกมาก ช่างแปลกจริงๆ พลังของตัวเขาเองราวๆสามล้านเมฆารวมกับพลังของหุบเขาเก้าเทวาอีกห้าล้านเมฆา ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการต่อกรกับศัตรูเช่นรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์

 

“แน่นอนว่าไม่ หลังจากนี้เจ้าจะได้เจอกับทั้งหมดที่ข้ามี” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

“สัตว์อสูรงั้นหรือ? แม้ว่ามันจะดูไม่เลวซะทีเดียว แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะเป็นคู่มือสำหรับข้าหรอก ถ้าเจ้าจะหวังพึ่งมัน เจ้าเตรียมตัวแพ้ได้เลย” รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แบมือออกพร้อมหยิบหอกออกมา มันมีสีเทา-ขาว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีรังสีฆ่าฟันถูกแผ่ออกมาอีกด้วย

 

ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังใช้จะเป็นศาตราวุธในตำนานหรือไม่ อย่างน้อยก็ใกล้เคียงเชียวล่ะ

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมีความกังวลเป็นอย่างมาก รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ช่างทรงพลังจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีทางสู้เลยเสียทีเดียว เขาเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมาด้วยจิตของเขา

 

วชิระสยบอสูร!

 

ปราณจักรพรรดิ!

 

โดยปราศจากความลังเลใดๆ ชิงสุ่ยกระโดดขึ้นสู่หลังมังกรไอยราเกล็ดทองคำทันทีที่เรียกมันออกมา เขาไม่สามารถประมาทได้อีกแล้ว

 

โฮ่กกกกก!

 

ปราณกระบี่วชิระ!

 

เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้ผ่านไป ชิงสุ่ยก็ต้องพบกับความตกใจ เขาสูญเสียพลังไปแล้วกว่าหกล้านเมฆา นั่นหมายความว่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์มีพลังเริ่มที่ยี่สิบล้านเมฆา แต่ในตอนนี้เขาหลงเหลือพลังกว่าสิบห้าล้านเมฆา

 

ช่างแข็งแกร่ง เขาสงสัยว่าระดับพลังของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ส่วนใดกันแน่ หรือจะอยู่บนจุดสูงสุดของยอดปิระมิด? มีผู้คนอีกมากเพียงใดกันทีถือครองพลังที่สูงกว่านี้อีก?

 

ในเวลานี้ ชิงสุ่ยยืนอยู่เหนือมังกรไอยราเกล็ดทองคำพร้อมใช้วิชาผสานจิตไอยรา ทำให้พลังของเขาในตอนนี้อยู่ที่ราวๆสิบเอ็ดล้านเมฆา ถึงอย่างนั้นพลังก็ยังต่างกันอยู่สี่ล้านเมฆาอยู่ดี

 

“นี่เจ้ามีวิชาที่โหดร้ายเช่นนี้อยู่ด้วยงั้นหรือ?” รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์พูดออกมาด้วยความตกใจหลังจากสังเกตุชิงสุ่ยอยู่ชั่วครู่

 

เมื่อพิจารณาถึงพลังที่ลดลงจากยี่สิบเอ็ดล้านเมฆาลดลงมาเหลือสิบห้าล้านเมฆามันส่งผลต่อเจ้าตัวมากจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เขาต้องพบเจอ ไม่ใช่ว่าเขามีพลังที่ไม่มากพอแต่เป็นเพราะพลังที่ถูกทำให้ลดหลั่นลงไปต่างหาก ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาแทบกระอักเลือกออกมาเลยทีเดียว

 

“รับนี่ไปซะ!” ชิงสุ่ยตะโกน เขาเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำพร้อมพุ่งเขาใส่ฝ่ายตรงข้าม

 

ผสานจิตไอยรา

 

ก้าวพสุธามังกรไอยรา!

 

ปัง…

 

ราวกับว่ามีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้น ท้องฟ้าทั้งหมดถูกกระชากออก ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆเห็ดสีเทา โดยปกติสภาพอากาศของสี่มหาทวีปเต็มไปด้วยลมปราณแรกเริ่ม เมื่อเทียบกับห้ามหาทวีปก่อนหน้าแล้ว จะเป็นเรื่องยากกว่าในการทะลุทะลวงท้องฟ้าออกไปได้

 

มีการระเบิดอย่างต่อเนื่องกลางอากาศ ราวกับว่าสวรรค์และโลกกำลังถูกฉีกออกจากัน

 

ในที่สุดสีหน้าของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชั้นเกราะสีขาวเงินปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา ในที่สุดง้าวยาวในมือของเขาก็ถูกพุ่งออกไปด้วยความรุนแรง “มังกรบรรพกาล” และพุ่งตรงไปยังมังกรไอยราเกล็ดทองคำ

 

หุบเขาเก้าเทวา

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ต้องการให้มังกรไอยราเกล็ดทองคำเผชิญหน้ากับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป

 

ปัง!

 

เขาปล่อยมันไว้ซักพักเมื่อเรียกใช้มังกรไอยราเกล็ดทองตำ เขาสูญเสียการควบคุมหุบเขาเก้าเทวาไป ไม่ว่ามันจะทรงพลังซักแค่ไหนก็ตามมันก็จะหยุดนิ่งลงหากสิ้นสุดระยะการควบคุมของชิงสุ่ย

 

แส้เปลวเพลิงมังกรแรกเริ่ม!

 

รูปแบบที่แปด ดาราคล้อยแปดสวรรค์

 

ชิงสุ่ยเล็งแส้ไปยังศีรษะของฝ่ายตรงข้าม ในตอนนี้พลังโจมตีทางวิญญาณของเขาทรงพลังกว่าพลังทางกายภาพเสียแล้ว

 

การโจมตีด้วยพลังวิญญาณมักซับซ้อนและมีเลห่กว่าเสมอ อย่างไรก็ตามแค่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามได้ ถึงแม้ในบางครั้งจะมีพลังโจมตีพิเศษเกิดขึ้นก็ตาม ความห่างชั้นของระดับพลังของทั้งสองยังมีอยู่มาก

 

ถ่วงเวลา! ทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังไปเรื่อยๆ!

 

ชิงสุ่ยควบคุมมังกรไอยราเกล็ดของคำตามใจคิด เมื่อถึงเวลาที่ต้องการ เขาจะใช้วชิระลี้ภัยและการจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่ง

 

ภายใต้ทักษะผสานจิตไอยรา แม้ตัวชิงสุ่ยจะถูกซัดให้กระเด็นกลับมาแต่ก็เป็นร่างของมังกรไอยราเกล็ดทองคำที่คอยรับเอาไว้ มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ ตราบเท่าที่ยังรับการโจมตีเอาไว้ได้เช่นนี้ เขาจะมีโอกาสในการสังหารศัตรู

 

ชิงสุ่ยนำเครื่องรางแห่งสวรรค์ออกมาใช้ เขารีบใช้มันสองสามอันเพื่อเพิ่มพลังให้กับมังกรไอยราเกล็ดทองคำ และขว้างมันออกไปอีกจำนวนหนึ่งเพื่อลดพลังของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์

 

ดวงตาแห่งสัจธรรม!

 

อาจเป็นเพราะระดับพลังที่ต่างกันเกินไป ดวงตาแห่งสัจธรรมจึงใช้ไม่ได้ผลมากนัก หรืออาจเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามมีวิธีในการรับมือกับวิชาเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามวิชาดวงตาแห่งสัจธรรมไม่สามารถประสบผลสำเร็จ

 

ตาประทับซวนเทียน!

 

ย่าห์!

 

ชิงสุ่ยยังคงใจเย็นและไม่รีบร้อน เขายกมือขึ้นจากนั้นก็ปรากฏสิ่งของขนาดใหญ่สีเงินบนท้องฟ้า มันพุ่งทับลงมาใส่ร่างของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาตกใจไปอยู่ชั่วขณะ แต่ก็เป็นเพียงแค่เวลาชั่วครู่เท่านั้น บางคนอาจไม่สามารถสังเกตุถึงมันได้เสียด้วยซ้ำ

 

ก่อนหน้าเขาได้ลดพลังของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ในครั้งนี้เขาลดความเร็วของศัตรูด้วยปราณกระบี่วชิระและตราประทับซวนเทียน ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน

 

เดิมทีนั้นชิงสุ่ยถนัดในเรื่องความเร็วและท่าเท้าอยู่แล้ว ยังไม่ต้องรวมถึงวิชาวชิระลี้ภัยของมังกรไอยราเกล็ดทองคำนี้ด้วยซ้ำ ตัวชิงสุ่ยและมังกรไอยราเกล็ดทองคำแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกันอยู่ตลอด อีกทั้งภายใต้วิชาผสานจิตไอยราทักษะย่างก้าวเก้าเทวะก็ยังสามารถใช้งานได้

 

อย่าดูถูกความเร็วของสัตว์อสูรเหล่านี้ไป วิชามากมายของมนุษย์ล้วนเลียนแบบมาจากสัตว์อสูรเหล่านี้ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น ก้าวเท้ามังกรสัญจร และเคล็ดวืชาเลียนแบบสัตว์เก้าอสูรของชิงสุ่ยเป็นต้น

 

ส่วนมังกรไอยราเกล็ดทองคำก็มีทักษะย่างก้าวมังกรไอยราของตัวมันเองเช่นกัน ซึ่งมีความลึกซึ้งในตัวของมันเองอยู่ ดังนั้นภายใต้วิชาผสานจิตไอยราตัวชิงสุ่ยและมังกรไอยราเกล็ดทองคำถือความได้เปรียบในเรื่องความเร็วเอาไว้

 

ความเร็วย่อมหมายถึงพลัง ความเร็วยังเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ท่ามกลางทุกวิชาในโลกนี้ ต่อหน้าความเร็วสูงสุด ทุกๆอย่างย่อมไร้ค่า และทุกอย่างจะง่ายขึ้นแน่นอนถ้าถือครองความเร็วเอาไว้ได้ และในตอนนี้ชิงสุ่ยถือความได้เปรียบในเรื่องของความเร็วเอาไว้ ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาจะเริ่มเห็นแสงสว่างท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดนี้