บทที่ 1241 – หนึ่งหอกกระชากวิญญาณ, ย่างก้าวดาวตก, ชายชราในชุดคลุมสิงโตม่วง

 

ทั้งชิงสุ่ยและมังกรไอยราเกล็ดทองคำอยู่ในจุดที่ได้เปรียบกว่าในแง่ของความเร็ว มันทำให้ชิงสุ่ยสุขใจมากจริงๆ เป็นเพราะความเร็วทำให้เขาสามารถโจมตีและป้องกันได้อย่างที่ต้องการ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาสามารถเคลื่อนที่ได้ยืดหยุ่นมากกว่า

 

การต่อสู้ที่แท้จริงช่วยให้คนแข็งแกร่งขึ้น ชิงสุ่ยดำเนินการใช้พลังวิญญาณระดับสูงของเขาจนถึงจุดสูงสุด

 

ผสานจิตไอยรา!

 

โจมตี!

 

ทั้งชิงสุ่ยและมังกรไอยราเกล็ดทองคำรีบมุ่งไปยังรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังงานประหลาดจากอีกฝ่ายได้วิ่งเข้าสู่ลมปราณของทั้งสองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามมันสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว

 

เขตแดนแห่งราชันย์!

 

มีแสงสีขาวขึ้นมาห่อหุ้มชิงสุ่ยป้องกันผลกระทบทุกอย่างในร่างกายของเขา เมื่อใช้เขตแดนแห่งราชันย์แล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกสบายมากขึ้น

 

ปราณกระบี่วชิระ!

 

ย้อนกลับไปก่อนหน้า ร่างกายของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีแสงสีขาวส่องประกายด้วยเช่นกัน นอกจากปราณจักรพรรดิแล้วสถานะผิดปกติต่างๆถูกลบออกไปทั้งหมด ทำให้ชิงสุ่ยไม่มีทางต้องเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำกลับมาอีกครั้ง

 

วชิระสยบอสูร!

 

เมื่อไม่มีความสามารถในการลดความอ่อนแอเหล่านี้ ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าตัวเองจะได้รับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว

 

รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงใจเย็นและมีสติ อย่างไรก็ตามเมื่อเขายิ่งสู้มากขึ้นเรื่อยๆก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวมากเท่านั้น เขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามและสัตว์อสูรกำลังเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

 

แต่ในเวลานี้ เขาพร้อมที่จะโต้กลับแล้ว เขาป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามอย่างใจเย็น ตอบโต้ด้วยการโจมตีกลับ และในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถจัดการกับเขาได้ยาก

 

เมื่อชิงสุ่ยและมังกรไอยราเกล็ดทองคำใช้การจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่งอีกครั้ง รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็โจมตีพุ่งสวนเข้ามา

 

ที่กลางอากาศ ร่างกายของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ท่วมท้นไปด้วยแสงสีขาวที่ชิงสุ่ยคุ้นเคยอีกครั้ง ทั้งพลังและความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หอกยักษ์ในมือของเขาถูกระเบิดออกด้วยแสงสีขาว

 

ระบำกระชากวิญญาณ!

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจ เขามองเห็นหอกพุ่งตรงเข้ามา และเขารู้ดีว่าไม่มีเวลาให้หลบอีกแล้ว แม้ว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำจะใช้วชิระลี้ภัยก็ตาม มันก็เปล่าประโยชน์เสียแล้ว เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเขาถูกขังไว้ด้วยการรับรู้ทางวิญญาณของรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์

 

เคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์!

 

ชิงสุ่ยใช้กระบี่คลื่นเจ็ดสะท้านด้วยกระบี่ดารายุพฆาตอย่างฉับพลัน

 

ปัง ปัง ปัง!

 

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชิงสุ่ยและมังกรไอยราเกล็ดทองคำกระเด็นถอยหลังไป ไม่มีทางที่รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดรอดไปได้ เขารีบพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ยอีกครั้ง

 

ย่างก้าวดาวตก!

 

ชิงสุ่ยโยกหัวหลบ ลูกปัดเหล็กกล้าเหมันต์หมื่นปีที่เขาเตรียมมาก่อนหน้าถูกโยนออกไปในทันที

 

เชื่อกตรึงอสูร!

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยต้องการที่จะตรึงอีกฝ่ายไว้เท่านั้น พร้อมกันนั้นเขาให้มังกรไอยราเกล็ดทองคำใช้วชิระสยบอสูรและปราณกระบี่วชิระด้วย เพราะปราณจักพรรดิเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ได้รับการยกเว้น ทั้งวชิระสยบอสูรและปราณกระบี่วชิระจึงมีผลต่อไปได้ประมาณห้านาที

 

ชิงสุ่ยระงับความปั่นป่วนภายในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ไปก่อนหน้า เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียแล้ว ยิ่งพัวพันกับการต่อสู้มากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าศัตรูไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าที่ยังต่อสู้ได้เป็นเพราะมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงสิ่งเดียวคือต้องหนีเท่านั้น

 

อสูรอัสนีคลั่ง!

 

ชิงสุ่ยใช้ประโยชน์จากตอนที่ฝ่ายตรงข้ามถูกตรึงไว้ เรียกอสูรอัสนีคลั่งออกมา

 

อัสนีกัมปนาถ!

 

ชิงสุ่ยและมังกรไอยราเกล็ดทองคำมีความต้านทานต่อการโจมตีทางกายภาพที่สูงมาก แต่ในด้านของการรับรู้ทางวิญญาณก็ต้องยอมรับว่าด้อยกว่า ดังนั้นโอกาสของเขาจะมีก็ต่อเมื่ออสูรอัสนีคลั่งถูกเรียกออกมา

 

หลังจากที่อสูรอัสนีคลั่งโจมตีได้เพียงไม่กี่ครั้ง รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขาถอยห่างออกจากชิงสุ่ยและเปลี่ยนเป้าหมายไปยังอสูรอัสนีคลั่งแทน เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่กำจัดสัตว์อสูรตัวนี้ไปเสียก็ต้องเป็นเขานี่แหละที่จะถูกกำจัดในวันนี้

 

เขามีการรับรู้ทางวิญญาณที่น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าจะเป็นอสูรอัสนีคลั่งก็ยังสร้างได้แค่เพียงความเสียหายเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่ความรู้สึกของเขากลับบอกว่าสัตว์อสูรตัวนี้มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ นี่เป็นเรื่องที่เหมือนกับการต้มกบในน้ำร้อนนั่นแหละ

 

(เมื่อผู้คนปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ พวกเขาจะลดการป้องกันลง ส่งผลให้เพลี่ยงพล้ำจนเสียชีวิต)
(ต้มกับในน้ำร้อน : หากคุณจับกบโยนลงน้ำร้อน มันจะกระโดออกจากหม้อทันที แต่ถ้าคุณจับกบลงใส่น้ำแล้วค่อยๆ เร่งไฟ กบจะไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกต้มอย่างช้าๆ และตายในที่สุด)

 

ไม่มีทางที่ชิงสุ่ยจะปล่อยให้เขาได้ทำตามอย่างที่ต้องการ เขาเข้าขวางรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยวชิระลี้ภัยและโจมตีอีกครั้งด้วยตาประทับซวนเทียน ซึ่งมีความแม่นยำเต็มสิบส่วนไม่สามารถหลบเลี่ยงได้

 

ภูผาปฐพี!

 

ปัง!

 

ซ่อนเร้น!

 

เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!

 

ในขณะที่โจมตีด้วยมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ชิงสุ่ยก็ยังสร้างปัญหาต่อเนื่องให้กับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ทั้งหมดนี้เพราะต้องการซื้อเวลาให้อสูรอัสนีคลั่ง

 

ในตอนนี้รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆแล้ว เขาควรจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้แต่เขากลับถูกตรึงไว้และไม่สามารถเอาตัวห่างออกจากเจ้าเด็กนี่ไปได้ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วชิงสุ่ยไม่ลืมที่จะใช้วชิระสยบอสูรและปราณกระบี่วชิระเป็นครั้งคราว เพื่อรักษาระดับพลังของเขาเอาไว้ตลอดเวลา

 

ก้าวพสุธามังกรไอยรา!

 

ก้าวพสุธามังกรไอยราทำให้รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์กังวลขึ้นมาแล้วจริงๆ เขารู้สึกว่าการโจมตีที่เป็นวงกว้างเช่นนี้อันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงพยายามเลี่ยงมันให้ได้มากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ล้มเหลวไปสองสามครั้ง เป็นเพราะร่างกายของเขารู้สึกแข็งทื่อ มันทำให้เขาตกใจจริงๆ

 

รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกล่อให้ติดกับอีกครั้ง เขาก้าวถอยหลังไปและเหวี่ยงหัวหลบ แต่ปรากฏเป็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่อยู่ข้างหลังของเขา

 

อสูรกิเลนหยก!

 

ร่างกายของมันมีสีเขียวเข้มคล้ายกับหยกและมีรูปร่างเหมือนสิงโต มันมีความสูงกว่าร้อยเมตรแต่เมื่อเทียบกับมังกรไอยราเกล็ดทองคำแล้วมันดูตัวเล็กนิดเดียว ทันทีที่มันปรากฏออกมานั้นมันรีบพุ่งเข้าหาอสูรอัสนีคลั่งในทันที

 

ชั่วพริบตาเดียวรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เรียกใช้สัตว์อสูรของเขา ชิงสุ่ยจึงใช้พลังที่ลดความสามารถของศัตรูพร้อมกับๆพลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำในทันที

 

วชิระสยบอสูร!

 

ปราณจักรพรรดิ!

 

เท่านี้ยังไม่พอชิงสุ่ยใช้ระฆังสะท้านจิตและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้อ่อนแอกว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำ พลังควรจะห่างอยู่ที่แปดล้านเมฆาหรือมากกว่านั้น นอกจากนี้อสูรกิเลนหยกยังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ เมื่อเปรียบเทียบกับอสูรกิเลนไฟมันหายากกว่ามาก

 

หลังจากที่ระฆังสะท้านจิตถูกลั่นออก พลังของอสูรกิเลนหยกถูกลดลงอย่างรวดเร็ว

 

แมงมุมอสูรเจ็ดเศียร!

 

โดยปราศจากความลังเล ชิงสุ่ยเรียกใช้แมงมุมอสูรเจ็ดเศียรออกมา ด้านบนสุดของตัวแมงมุมอสูรเจ็ดเศียร มีสิ่งเล็กๆบางสิ่งที่ปรากฏอยู่ มันคือพังพอนหมื่นพิษนั่นเอง

 

ด้วยกลองสะบั้นสวรรค์และตะเกียงร้อยวิญญาณชิงสุ่ยไม่รู้สึกกังวลเลย เขาสามารถจัดการสัตว์อสูรของฝ่ายตรงข้ามได้ทุกเมื่อตามต้องการ

 

อสูรกิเลนหยกมีเกราะหยกหนาบนลำตัว มันสามารถป้องกันได้ทั้งพลังวิญญาณและพลังโจมตีกายภาพได้มีประสิทธิภาพมาก ตำนานได้กล่าวไว้ว่ามันมีสายเลือดที่แท้จริงของกิเลนหยกอยู่ในตัวของมัน

 

ด้วยความสามารถของกลองสะบั้นสวรรค์และตะเกียงร้อยวิญญาณ แมงมุมอสูรเจ็ดเศียรได้รับพลังเพิ่มขึ้นประมาณสองล้านเมฆาหรือมากกว่านั้น ทั้งยังมีเกราะทองคำแมงมุมอสูรช่วยเพิ่มความเหนียวและความทนทานของพิษได้ถึงสามเท่า ดังนั้นในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีอสูรกิเลนหยกก็ถูกขังไว้โดยแมงมุมอสูรเจ็ดเศียร

 

แต่ไม่นานนัก ก็มีไอสีเขียวเข้มจางๆออกมาจากร่างของอสูรกิเลนหยก มันดูเหมือนกับน้ำและมันค่อยๆกัดกร่อนใยแมงมุมอย่างช้าๆ

 

อสูรกิเลนหยกเป็นอริกับสัตว์อสูรที่ใช้พิษทุกชนิด!

 

แม้ว่าอสูรกิเลนหยกจะสามารถยับยังแมงมุมอสูรเจ็ดเศียรเอาไว้ได้ แต่ทว่าแมงมุมอสูรเจ็ดเศียรไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป ผลจากการต่อต้านพลังเกิดขึ้นถึงสองสิ่ง สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดก็คือแสงสีทองที่ส่องสว่างออกมาจากเศียรของมัน ไม่เพียงเท่านั้นใยแมงมุมก็เริ่มส่องแสงสีทองออกมาอีกด้วย

 

ใยแมงมุมพัวพัน!

 

หลังจากนั้นไม่นานใยแมงมุมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น

 

อสูรอัสนีคลั่งยังคงใช้อัสนีกัมปนาถไปยังรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

 

ความสามารถของแมงมุมอสูรเจ็ดเศียรนี้ยังทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจ มันสามารถหยุดยั้งอสูรกิเลนหยกเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แมงมุมอสูรเจ็ดเศียรเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญามากจริงๆ และแม้ว่าอสูรกิเลนหยกจะอ่อนแอลงอย่างมากชิงสุ่ยก็ยังต้องใช้ทั้งอสูรอัสนีคลั่งและแมงมุมอสูรเจ็ดเศียรเพื่อหยุดมันเอาไว้

 

การโจมตีของอสูรกิเลนหยกนั้นมุ่งเน้นไปที่การใช้เพลิงหยก เปลวเพลิงชนิดนี้ค่อนข้างน่ากลัว แต่เมื่อมาพิจารณาดูแล้วแมงมุมอสูรเจ็ดเศียรอยู่ในธาตุน้ำตามธรรมชาติของมัน ทำให้ยังคงสามารถต้านทานเพลิงหยกไว้ได้ ไม่ว่ากรณีใดก็ตามมันถือว่าเป็นตัวก่อกวนอสูรกิเลนหยกได้ดีเลยทีเดียว

 

“ถ้าเจ้าไม่ยอมแพ้ข้าเกรงว่าท้ายที่สุดข้าอาจจะพลังมือฆ่าเจ้าเสีย” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ

 

แม้ว่าเสียงนี้จะไม่ดังมากแต่ผู้คนข้างล่างก็สามารถได้ยิน

 

“ไม่น่าเชื่อ ผลออกมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?  รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเด็กเหลือขอนั่น” ใครบางคนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

“เจ้าเด็กเหลือขอนั่นสู้เขาไม่ได้หรอก มันเพียงใช้สัตว์อสูรของมันก็เท่านั้น”

 

“ยังไงมันก็เป็นส่วนหนึ่งจากพลังของเขา เจ้าทำได้แบบเขาไหมล่ะ?”

 

“ข้าไม่คิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้  รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนที่ไร้เทียมทาน เขาต้องมีไม้ตายบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ”

 

……

 

ไม่มีอะไรหยุดการพูดคุยข้างล่างได้อีกแล้ว

 

ในทำนองเดียวกัน องค์หญิงใหญ่ยังรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเห็นอยู่นั้นช่างเหลือเชื่อเสียจริง แม้ว่านางจะดูเหมือนเดิมจากภายนอก แต่ภายในของนางเกิดคลื่นยักษ์ทำให้รู้สึกปั่นป่วนเหลือเกิน นางประหลาดใจในความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ เขามีศักยภาพที่จะสู้กับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ และในตอนนี้เหมือนเขาจะถือไพ่เหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ

 

ทั้งเหยียนจินยวี้และองค์หญิงเจ็ดรู้สึกตกใจมากเช่นกัน จากความกังวลที่เกิดขึ้นในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใจตอนหลัง อย่างไรก็ตามพวกเขามองไปยังองค์หญิงใหญ่เป็นครั้งเป็นคราว เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพวกเขากำลังนึกถึงเรื่องที่องค์หญิงใหญ่สวมกอดกับชิงสุ่ย แน่นอนว่าอาการที่แสดงออกมานั้นไม่เหมือนกับที่นางได้พูดไว้ก่อนหน้า หรือนางจะชอบชิงสุ่ยเข้าแล้วจริงๆ?

 

“เจ้าคิดว่าจะล้มข้าได้จริงๆงั้นหรือ”รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ สังเกตุใบหน้าของชิงสุ่ยที่ดูสงบเสมอมา

 

“เช่นนั้น ต้องลองดูแล้ว!”

 

หลังสิ้นคำพูดของชิงสุ่ย เขาให้อสูรอัสนีคลั่งโจมตีด้วยอัสนีจู่โจม

 

หอกเดี่ยวกระชากวิญญาณ!

 

ภาพหอกสีขาวปรากฏออกมา ทันใดนั้นเองมันพุ่งตรงไปยังชิงสุ่ย

 

ย่างก้าวดาวตก!

 

อัสนีจู่โจม!

 

ขณะที่ชิงสุ่ยกำลังมองเห็นภาพติดตาจากหอกที่พุ่งเข้าใส่ตัวอยู่นั้น เขาตระหนักดีว่าเขาไม่สามารถหลบพ้นได้แน่ มีพลังงานแปลกๆบางอย่างหยุดเขาเอาไว้ มันไม่ใช่พลังวิญญาณ…แต่มันเล็งเป้าหมายมายังจิตวิญญาณของเขา ช่างรู้สึกแปลกจริงๆ บนหอกนั่นมีพลังงานที่ปล่อยออกมา ซึ่งมันน่ากลัวจริงๆ

 

แหวนศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

 

เขาประสบความสำเร็จในการเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย….ร่างกายของชิงสุ่ยเริ่มขยับได้แล้ว อย่างไรก็ตามเงาหอกก็ยังตามติดตัวของชิงสุ่ยไป ผลไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยหลังจากที่เขาพยายามถอยห่างออกมา ระยะห่างของเขาและเงาหอกนั่นยังคงเดิม

 

มันคือการโหยหาวิญญาณที่แท้จริง

 

ร่างกายของชิงสุ่ยไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่ขยับได้คงเป็นเพียงจิตใจของเขา

 

รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เห็นชิงสุ่ยยังคงขยับได้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกตกใจแต่เขาก็ยังคงมั่นใจในพลังของเขา วิชานี้เขาเก็บไว้ใช้สำหรับคนที่มีพลังมากเช่นเดียวกับชิงสุ่ย ก่อนหน้านี้เข้าประมาทเกินไป เขาควรจะใช้มันตั้งนานแล้ว

 

อัสนีจู่โจม!

 

เพื่อความปลอดภัย ชิงสุ่ยบอกให้อสูรอัสนีคลั่งโจมตีด้วยอัสนีจู่โจมอีกครั้ง เมื่อเขาต้องเผชิญกับความตาย รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องตายไปด้วยเช่นกัน

 

ลึกๆแล้วรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงรู้สึกกลัวอยู่ในใจ เขาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้และลูกปัดเหล็กกล้าเหมันต์หมื่นปีก็กำลังพุ่งตรงมายังดวงตาของเขา นี่เป็นสิ่งที่ร้ายแรงมากๆ

 

เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าสัตว์อสูรจะซ่อนกับดักเอาไว้เช่นนี้

 

ทุกๆคนข้างล่างลานประลองต่างตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาวางแผนที่จะตายกันทั้งคู่เช่นนั้นหรือ ?

 

“ไม่!”

 

“ท่านพ่อ!”

 

“รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์!”

 

……

 

ณ เวลานี้ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ร่างกายของชิงสุ่ยและรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มขยับ นอกเหนือจากนี้สองเสียงที่เบาทว่าชัดเจนดังขึ้นมา หลังจากนั้นสิ่งรอบๆตัวเริ่มไร้รูปร่าง ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง

 

ชิงสุ่ยและรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังเดินผ่านประตูนรกไป ณ เวลานี้ ชายชราในชุดคลุมลายสิงโตสีม่วงปรากฏขึ้นบนลานประลอง เขาไม่พูดอะไรแต่ว่ากลับหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

“เอาหล่ะ เอาหล่ะ เจ้าทั้งสองเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาจากสวรรค์ นอกจากนี้พวกเจ้าทั้งสองยังเป็นคนของสำนักสวรรค์เร้นลับ ทำไมถึงต้องสู้กันจนถึงเป็นตายหล่ะ? ในวันนี้ถือซะว่าข้าเป็นคนกลางแล้วกัน บอกมาได้เลยว่าพวกเจ้าทั้งสองขุ่นเคืองเรื่องอะไรกัน ข้าจะช่วยดูว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง”เสียงของชายชราฟังเหมือนกับนาฬิกา มันดังขึ้นในหูของทุกคน

 

“นี่คือท่านอาจารย์ใหญ่เฉา”

 

“ใช่แล้ว เขาว่ากันว่าเขานี่แหละแข็งแกร่งของจริงเลย”

 

“พล่ามอะไรของเจ้า! การโจมตีที่รุนแรนก่อนหน้านี้หายไปอย่างง่ายดาย เขาจะไม่แข็งแกร่งได้อย่างไร?”

 

……

 

“ฟู่เหยียนเทียนคาราวะอาจารย์ใหญ่เฉา”

 

“ชิงสุ่ยคาระวะอาจารย์ใหญ่เฉา”

 

แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ก็ยังทำตามรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์และทำความเคารพ

 

“เอาหล่ะ เอาหล่ะ พวกเรามาแก้ปัญหาระหว่างเจ้าสองคนกันเถอะ ข้าจะพยายามหาทางออกให้พวกเจ้าทั้งสอง พอเท่าที่จะทำได้” ชายชราดูเหมือนจะมีความสุขเป็นพิเศษ