บทที่ 607 ชายคนป่า + บทที่ 608 ฮ่องเต้ที่แท้จริงแห่งเหมียวเจียง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 607 ชายคนป่า

เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยเห็นว่าทั้งสองคนไม่ต้องการที่จะเข้าไปข้างใน มันก็ส่งเสียงครางหงิงๆ ราวกับกำลังกังวลเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง หนิงเมิ่งเหยามองมันพลางขมวดคิ้ว

“เทียนช่าง…”

หากเป็นเมื่อก่อน เฉียวเทียนช่างคงจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับกลิ่นแบบนี้ แต่ชายหนุ่มอยู่กับหนิงเมิ่งเหยามาเป็นเวลานาน ตอนนี้เขาจึงคุ้นชินกับความสะอาดมากกว่า และหลังจากที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเป็นมนุษย์ได้ไม่เต็มปากผู้นั้น ศีรษะของเฉียวเทียนช่างก็สั่นไม่หยุด

“เหยาเหยา เจ้าคิดจะพาคนๆ นี้ออกมาจริงหรือ” เฉียวเทียนช่างเอ่ยขึ้นขณะขบฟันกรอด และมองดูคนด้านในอย่างไม่ถูกชะตานัก

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “พาเขาออกมาเถอะ ข้าสงสัยว่าทำไมคนๆ นี้ถึงอยู่ที่นี่ และเขามีความสัมพันธ์อย่างไรกับเจ้าจิ้งจอกน้อยกันแน่”

หลังจากฟังคำพูดของภรรยา เฉียวเทียนช่างก็เดินไปลากตัวคนๆ นั้นออกมาอย่างไม่มีทางเลือก

เมื่อคนๆ นั้นเห็นหน้าเฉียวเทียนช่าง เขาก็ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับยกมือขึ้นทุบตีอีกฝ่ายในทันที

หากเฉียวเทียนช่างไม่หลบหลีกอย่างคล่องแคล่วว่องไว ป่านนี้มือของเขาก็คงจะแหลกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว

เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาก็เย็นชาขึ้นในทันที

เจ้าจิ้งจอกน้อยกระโดดขึ้นบนไหล่ของนางก่อนจะส่งเสียงร้องเพื่อแสดงความตั้งใจว่าต้องการจะช่วย

เฉียวเทียนช่างหรี่ตาลงเล็กน้อย และเมื่อมีโอกาส ชายหนุ่มก็ฟาดคนๆ นั้นจนสลบ ก่อนจะลากเขาออกมา และโยนลงบนพื้นด้วยความรังเกียจ

หนิงเมิ่งเหยาปิดจมูกขณะมองดูคนตรงหน้าด้วยความสับสน “ทำไมคนๆ นี้ถึงมาอยู่ที่นี่ในสภาพเช่นนี้ได้”

เนื้อตัวของชายผู้นี้สกปรกมอมแมมจนไม่อาจรู้ได้ว่าเขามีอายุเท่าไหร่กันแน่ ผมเผ้าของเขานั้นยาวและพันกันจนกระเซอะกระเซิง ราวกับว่าไม่ได้สระผมมาเป็นเวลานาน

เจ้าจิ้งจอกน้อยกระโดดลงบนพื้นดิน และคาบหญ้าในตะกร้าออกมา จากนั้นจึงมองหนิงเมิ่งเหยาพร้อมกับครางหงิงๆ ด้วยแววตาอ้อนวอน

หญิงสาวจึงเข้าใจได้ในทันทีว่ามันให้พวกเขาขุดหญ้าที่เป็นสมุนไพรเหล่านี้มาเพื่อมอบให้กับคนป่าผู้นี้นั่นเอง

ศีรษะของหนิงเมิ่งเหยาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ และจู่ๆ หญิงสาวก็ต้องการจะกินเนื้อจิ้งจอกตุ๋น นางสงสัยว่ามันจะมีรสชาติเช่นไรกัน

แววตาของนางดูน่ากลัวอย่างมาก จนทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยนอนตัวสั่นบนพื้นพร้อมกับร้องเสียงครวญครางอย่างหวาดกลัว

ขณะที่หญิงสาวลูบคิ้วของตนเอง นางก็รู้สึกว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ดูราวกับว่าเป็นมนุษย์ รู้จักแม้กระทั่งทำตัวให้น่าสงสาร… และนั่นทำให้นางถึงกับพูดไม่ออก

เฉียวเทียนช่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบสมุนไพรบนพื้นขึ้นมาฉีกเป็นชิ้นๆ และจะยัดเข้าใส่ปากของคนป่า

“เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนๆ นี้เป็นแน่ หญ้าพวกนี้อาจจะเป็นประโยชน์กับเขา ลองช่วยเขากันเถอะ หากเขาฟื้นขึ้นมา ก็อาจจะเป็นประโยชน์ให้กับพวกเราได้” ตอนนี้ สองสามีภรรยาไม่รู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร พวกเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก “ตกลง”

หลังจากป้อนสมุนไพรหลากหลายชนิดให้กับคนป่าผู้นี้ เขาก็ลืมตาโพลงขึ้นในทันที ดวงตาของเขามีสีแดงก่ำหญิงสาวต้องหันหน้าหนีเพราะไม่ต้องการเห็นแววตาอันน่ากลัวคู่นั้น

ชายคนป่ามองดูทั้งสองคนด้วยเนื้อตัวสั่นเทา “พวกเจ้า…เป็นใครกัน”

เฉียวเทียนช่างมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง เสียงของเขาแหบแห้งและตะกุกตะกักเล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่ได้พูดมานาน

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย “เจ้านั่นแหละเป็นใครกัน ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่”

ชายคนป่ามองหน้าหญิงสาว และเอ่ยตอบ “ฮ่องเต้…เหมียวเจียง…”

หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างมองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ ชายอีกคนที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมม และดูไม่ได้คนนี้…คือฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงจริงๆ หรือ ล้อกันเล่นหรือนี่

“เจ้าพูดจริงหรือ” หนิงเมิ่งเหยาเผลอถามออกไป

“ใช่”

เขาไม่ได้พูดมาเป็นเวลานานแล้ว และในที่สุด ตอนนี้เขาก็ได้พูดอีกครั้ง จึงรู้สึกไม่คุ้นชินนัก

หญิงสาวมองชายคนป่า ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ทำไมเจ้าไม่ล้างตัวที่แม่น้ำตรงนั้นก่อนเล่า”

ร่างกายของอีกฝ่ายแข็งเกร็ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาเดินโซเซไปที่แม่น้ำแห่งนั้น

หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่า ชายผู้นี้จะตกลงไปในแม่น้ำหรือไม่

หนึ่งชั่วยามให้หลัง ชายวัยกลางคนที่เพิ่งล้างตัวเสร็จก็เดินกลับมา แต่ทว่าเขาไม่ได้มีเสื้อผ้าติดกายมากนัก

บทที่ 608 ฮ่องเต้ที่แท้จริงแห่งเหมียวเจียง

เฉียวเทียนช่างมองชายที่ร่างกายแทบจะเปลือยเปล่าผู้นั้น ก่อนจะหันมองภรรยาของตน จากนั้นเขาจึงถอดเสื้อคลุมของตนเองออกและยื่นให้อีกฝ่ายเงียบๆ

เขาไม่ต้องการให้หญิงสาวมองร่างกายของชายอื่น นอกจากเขา แต่ถึงกระนั้น ร่างกายของชายคนป่าก็ไม่ได้น่ามองเท่ากับเขาอยู่ดี

ชายอีกคนยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันหลังและสวมใส่เสื้อคลุมนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใส่อะไรไว้ด้านใน แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรมาปกปิดเลย

หนิงเมิ่งเหยามองชายตรงหน้าก่อนจะเดาะลิ้นอย่างอดไม่ได้ “ข้าไม่คิดเลยว่า จริงๆ แล้วเจ้าจะดูดีเช่นนี้”

“เหยาเอ๋อร์ เขาดูดีกว่าข้าอีกหรือ”

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน ในสายตาของข้า เจ้าคือคนที่หล่อเหลาที่สุดแล้ว” หญิงสาวตอบกลับโดยไม่ต้องคิด

ชายอีกคนมองทั้งคู่ ก่อนจะหมุนตัว “ตาม…ข้ามา”

พวกเขาทั้งสองคนเดินตามชายคนป่ามายังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง มันเป็นกระท่อมไม้ขนาดเล็กที่ไม่ได้สวยงามอะไร และเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง

เฉียวเทียนช่างปัดเก้าอี้ไม้ไผ่จนสะอาด ก่อนจะให้ภรรยานั่ง

“ทำไมเจ้าถึงบอกว่าตัวเองคือฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเล่า เจ้าดูไม่เหมือนฮ่องเต้เลย” หนิงเมิ่งเหยาพูดอย่างตรงไปตรงมา

ชายผู้นั้นยิ้มมุมปาก ขณะมองตรงไปข้างหน้า แววตาของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ราวกับว่าเขาคือหุ่นที่ไม่มีชีวิตจิตใจ

“ชื่อของข้าคือ…ซางถ่าหลิน ข้าคือฮ่องเต้ลำดับที่สามร้อยแห่งเหมียวเจียง”

หลังจากเริ่มเปิดประเด็น ชายที่ชื่อว่าซางถ่าหลินก็เล่าให้ทั้งสองคนฟังว่าตอนนั้นมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง

เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน สมัยที่ลูกชายของตระกูลหนานได้รับการยอมรับจากราชากู่ เขาก็เริ่มฝึกฝนฮ่องเต้คนต่อไปของเหมียวเจียง แต่ตอนนั้น เขากลับถูกภรรยาของตนหักหลัง โดยร่วมมือกับพี่ชายที่เขาเคารพ

คนพวกนั้นต้องการของสองสิ่งจากซางถ่าหลิน จึงมิได้ฆ่าเขาทิ้ง แต่ใส่กู่พิษที่ร้ายแรงในร่างกายของเขาแทน ก่อนจะนำชายผู้นี้มาทิ้งไว้ที่นี่ พร้อมกับประกาศว่าบริเวณนี้คือพื้นที่ต้องห้าม

ในตอนแรก เขาสามารถใช้กู่พิษที่ตนเองเพาะเลี้ยงมาต่อต้านกู่พิษของพวกเขาที่อยู่ในร่างกาย แต่พวกมันก็ค่อยๆ ตายไป และเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จนบางครั้งกู่พิษสามารถควบคุมร่างกายของซางถ่าหลินได้ และทำให้เขาเสียสติอยู่บ่อยๆ

และทุกครั้งที่เขามีอาการเจ็บปวด ประชาชนในเหมียวเจียงต่างก็คิดว่าที่นี่เกิดเรื่องอันน่าสะพรึงกลัวขึ้น พวกเขาจึงไม่กล้าเข้ามา หลังจากที่เขาถูกทิ้งอยู่ที่นี่ ผู้คนจากเหมียวเจียงก็ไม่ได้เข้ามาในบริเวณแห่งนี้มากว่าสองปีแล้ว

ซางถ่าหลินมองชายหญิงทั้งสองคนและจิ้งจอกน้อยข้างๆ หากมันไม่เอาสมุนไพรที่ช่วยยับยั้งกู่พิษในร่างกายมาให้เขาอยู่บ่อยๆ ป่านนี้เขาก็คงตาย ไม่ก็เสียสติจนบ้าคลั่งไปแล้ว

หนิงเมิ่งเหยามองชายตรงหน้าอย่างประหลาดใจ มันช่างน่าสงสัยยิ่งนักว่าชีวิตของเขาลงเอยเช่นนี้ได้อย่างไร

ซางถ่าหลินยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมกับส่ายศีรษะ “พี่ชายของข้า…ทรยศ…”

หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจในทันทีว่าเขาคงจะไว้ใจภรรยาและพี่ชายของเขาอย่างมาก จึงไม่ได้ป้องกันตัวจากพวกเขา และก็เป็นเพราะขาดการป้องกันตัวเช่นนี้ จึงทำให้เขาเกือบต้องเสียชีวิต

“ข้าพูดได้แค่ว่า เจ้ายังไม่ได้เจอคนดีๆ เท่านั้น”

“ตอนนี้…เจ้าควรบอกข้า…ว่าเจ้าคือใคร” หลังจากสนทนากันมาสักพัก ซางถ่าหลินก็เริ่มพูดอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็ไม่ได้พูดหนึ่งคำและหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอีกคำเหมือนตอนแรกๆ

หนิงเมิ่งเหยายักไหล่ “เจ้าอาจจะไม่รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ เหมียวเจียงเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก มีใครบางคนที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดขึ้นปกครองเมือง และตระกูลใหญ่ๆ หลายตระกูลก็กำลังต่อสู้กันอยู่”

หญิงสาวเล่าถึงสิ่งที่พวกเขาได้เห็นและได้ฟังมา โดยมีเฉียวเทียนช่างที่อยู่ข้างๆ ช่วยพูดเสริมเป็นบางครั้ง

ซางถ่าหลินค่อยๆ เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเหมียวเจียง โดยเฉพาะหลังจากที่เขาถูกทำร้าย คนพวกนั้นก็ไปฆ่าล้างตระกูลหนานจนหมดสิ้นเช่นกัน

ซางถ่าหลินไม่อาจทำใจกับข่าวนี้ได้

“พวกเขาทำอย่างนั้นได้ลงคอได้อย่างไร” ในเวลาเพียงสิบหรือยี่สิบปีนี้ เหมียวเจียงได้เปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ บางทีคนเหล่านั้นอาจจะลืมเขาซึ่งเป็นฮ่องเต้ที่แท้จริงของเหมียวเจียงไปแล้วก็ได้

“เจ้าไม่อยากไปอยู่ในจงหยวนหรือ”