บทที่ 272 ใช้อิทธิพล
บทที่ 272 ใช้อิทธิพล

ซู่ม!

ทันทีที่ประตูมิติขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในแนวตั้งฉากกับพื้น ร่างที่สูงโปร่งและสง่างามของเสี่ยวเสวียก็ย่างกรายออกมาจากมิติดังกล่าว

เซียวเฟิงกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังของเสี่ยวเสวียก่อนจะหันไปทักทายสกายและคนอื่น ๆ จากนั้นถึงได้ตามแม่ทัพที่ 3 เหลาหู่และหัวหน้าบัลลังก์ผู้พิพากษากิโลไปยังด้านหน้าของทัพสัมพันธมิตรอย่างไม่รอช้า

ดูมส์เดย์ก็อดและบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่หัวเสียมากขึ้นไปยังกว่าเดิมในขณะที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็ได้แต่มองด้วยความตกใจ

“จะ…เจ้าแห่งฮีลเลอร์…เป็นแม่ทัพใหญ่ของทัพ NPC เหรอ? เมื่อกี้ฉันได้ยินถูกใช่ไหม?”

“มันจะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ! เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นแค่ผู้เล่นเองนะ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม! เขาจะไปเป็นแม่ทัพใหญ่ของทัพ NPC ได้ยังไงกัน!?”

“แต่พวกเราก็ได้ยินกันหมดนี่ ไม่ผิดแน่ ๆ ”

“พระเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ !”

เหล่าหัวหน้ากิลด์ทั้งหมด ณ ตอนนี้โดยเฉพาะกิลด์ที่อยู่ทางตอนเหนือซึ่งมีสกายเป็นหัวหอก พวกเขาหันไปมองหลิวเฉียงเหว่ยอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยแววตายกย่องสรรเสริญ เพราะรู้ดีว่าท่ามกลางกิลด์ทั้งหมด มิดซัมเมอร์คือกิลด์ที่อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์มากที่สุดแล้ว

“เอ่อ ท่านหัวหน้าเฉียงเหว่ย ในเมื่อเจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นแม่ทัพใหญ่ของทัพสัมพันธมิตรในครั้งนี้ คุณพอจะช่วยถามเขาหน่อยได้ไหมว่ามีลู่ทางไหนบ้างหรือเปล่าที่จะทำให้เราได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้?”

หัวหน้ากิลด์ไฟโลกันตร์กล่าวถามหลิวเฉียงเหว่ยด้วยเสียงเบา ซึ่งสายตาของหัวหน้ากิลด์คนอื่น ๆ เองก็มองไปยังเธอด้วยความคาดหวังด้วย

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน”

หลิวเฉียงเหว่ยพูดด้วยความห่างเหิน เธอทำเสมือนว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับใครทุกคนบนโลกนี้ก่อนจะหันหน้าไปมองรอบ ๆ แล้วตัดสินใจเดินกลับไปยังทัพของมิดซัมเมอร์โดยไม่พูดอะไรต่อ

“พวกเราต้องคอยตามมิดซัมเมอร์อย่าให้คลาดสายตาเชียวนะ! ยังไงซะกิลด์นี้ก็เป็นเพียงกิลด์เดียวที่ใกล้ชิดกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์มากที่สุด พวกเราจะต้องได้ประโยชน์อะไรบ้างแน่ ๆ!”

กิลด์อื่น ๆ ต่างยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หลังจากที่ส่งสายตากันเองแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็กลับไปยังทัพของตนเมื่อทัพของสัมพันธมิตรเริ่มเคลื่อนที่

หมอกแห่งสงครามปกคลุมไปทั่วทุกแห่งหนของดินแดนแห่งความมืดอันเป็นสถานที่ที่ภารกิจสมรภูมิกำลังดำเนินการอยู่

ผู้เล่นมากมายทั้งเดี่ยวและปาร์ตี้เล็ก ๆ ต่างมุ่งหน้าเข้าไปภายในดินแดนแห่งความมืดนี้กันก่อนไม่ว่าจะจากทางไหนก็ตาม เพราะงั้นตลอดทางที่เดินทัพ จึงพบเห็นมอนสเตอร์ได้น้อยมาก ๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคนที่เข้ามาก่อนหน้านั้นคงได้จัดการมอนสเตอร์พวกนี้ไปเป็นจำนวนมากแล้วเพื่อแต้มความสำเร็จสมรภูมิของพวกเขา

เหล่าทัพของบิชอปที่นำโดยบิชอปเรนัลด์ประกอบด้วยบิชอปกว่ายี่สิบคนและผู้ประกอบพิธีกรรมอีกกลุ่มหนึ่ง หมอกแห่งสงครามในตอนนี้มันยังเบาบางอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะใช้เวทมนตร์ปัดเป่าหมอกเหล่านี้ออกไปเพื่อไม่ทำให้ทัพหลักต้องเสียพลังชีวิตตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้

“ท่านอาร์คบิชอปนี่ฉลาดจริง ๆ ด้วยความช่วยเหลือของเหล่านักผจญภัยมากมายขนาดนี้ มันทำให้พวกมอนสเตอร์ที่ถ้าหากเป็นตอนปกติคงจะบุกเข้าโจมตีไปแล้วหายไปหมดเลย เพราะแบบนี้ทัพสัมพันธมิตรของพวกเราจึงสามารถมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองแห่งความโศกเศร้าได้โดยปราศจากอุปสรรคและการสูญเสียใด ๆ ทั้งสิ้น”

บิชอปเรนัลด์ไม่ได้คอยคุมแท่นวาร์ปเหมือนอย่างที่เคยทำในวันนี้ เขากำลังวิ่งดูแลเหล่าทัพบิชอปของตนและคอยไล่ตามเซียวเฟิงอยู่ไม่ห่าง

แม่ทัพเหลาหู่และหัวหน้ากิโลเองต่างก็ตามอยู่ด้านหลังเซียวเฟิงเงียบ ๆ ทว่าทั้งสองก็ต้องยอมรับในความคิดอันชาญฉลาดนี้ด้วย ตามปกติแล้วทัพของเผ่าพันธุ์แห่งความมืดนั้นจะเป็นฝ่ายบุกเข้าหาทัพจักรวรรดิก่อน พวกมันมีกองทัพอันเดดมากมายมหาศาลราวกับเกิดขึ้นใหม่เรื่อย ๆ มันทำให้การพยายามเข้าโจมตีครั้งก่อน ๆ ไม่ว่าจะจากทัพจักรวรรดิหรือทัพของวิหารแห่งแสงต่างต้องพบกับความพ่ายแพ้และการสูญเสียอยู่ร่ำไป แต่ในคราวนี้พวกเขากลับสามารถเดินหน้าเข้าสู่ศูนย์กลางของดินแดนแห่งความมืดได้ง่าย ๆ เสียอย่างนั้น…

เซียวเฟิงมองการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยการที่ทัพสัมพันธมิตรถูกห้อมล้อมด้วยกิลด์มากมาย ต่อให้มีมอนสเตอร์เกิดใหม่มาอีกนับไม่ถ้วน มันก็จะถูกกำจัดโดยผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการที่ทัพสัมพันธมิตรจะได้รับความเสียหายก่อนจะถึงสนามรบจริง…

“ท่านอาร์คบิชอปผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเคยได้สำรวจเมืองแห่งความโศกเศร้ามาก่อนหน้าแล้ว มันต้องใช้เวลาเดินทางอีกนานไหม?”

แม่ทัพเหลาหู่รู้มาจากหัวหน้ากิโลว่าเซียวเฟิงสำเร็จเควสต์สำรวจเมืองแห่งนี้ก่อนหน้าแล้ว เพราะงั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความใคร่รู้

“ถ้านับเอาจากความเร็วในการเดินทัพของพวกเราในตอนนี้ก็น่าจะราว ๆ 2 ชั่วโมงได้” เซียวเฟิงหันไปมองและคาดคะเนจากความเร็วทัพสัมพันธมิตรที่ไม่ช้าและไม่เร่งรีบเกินไป แม้ว่า NPC ที่อยู่ในทัพนั้นจะเป็น NPC ระดับสูงที่แต่ละคนล้วนแต่เป็นทหารชั้นสูง ที่มีเลเวลมากกว่า 30 กันทั้งนั้น แต่ดินแดงแห่งความมืดเองก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ดังนั้นมันจึงยังต้องใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่าชั่วโมงอยู่ดี

“ตั้งแต่ที่ทัพสัมพันธมิตรเข้ามายังเขตแดนนี้ พวกมันก็น่าจะรู้ตัวกันแล้ว…ข้าคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเตรียมการรับมือพวกเราได้ทันใน 2 ชั่วโมง” แม่ทัพเหลาหู่กล่าว

“ท่านกำลังจะบอกว่าพวกเราควรเร่งความเร็วงั้นเหรอ?” หัวหน้ากิโลหันไปถาม

“บางทีถ้าเราใช้การวาร์ปขนาดใหญ่ เทเลพอร์ตฝ่ายเราไปทั้งหมดด้วยบิชอปจากวิหารแห่งแสงจำนวนมาก มันไม่น่าจะหนักหน่วงเกินไปใช่ไหม?” แม่ทัพเหลาหู่หันไปถามทางบิชอปเรนัลด์

“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่การเทเลพอร์ตผู้คนกว่าสองแสนคนในคราวเดียวมันก็หนักอยู่สำหรับพวกเรา มันจะทำให้ความสามารถในการช่วยเหลือคนอื่นในสนามรบถดถอยไปในช่วงเวลาหนึ่งเลยนะ” บิชอปเรนัลด์ที่ได้ยินก็พูดขึ้นด้วยความลังเล

“ท่านอาร์คบิชอป ท่านคิดว่าอย่างไร?” หัวหน้ากิโลหันไปมองทางเซียวเฟิง ซึ่งแม่ทัพเหลาหู่และบิชอปเรนัลด์เองก็หันไปมองที่เซียวเฟิงด้วยเช่นกัน เพราะเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ ดังนั้นความเห็นของชายหนุ่มจึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก

“ไม่ต้องกังวลไป เดินทัพปกติต่อไป ตามเหล่านักผจญภัยที่ล่วงหน้าแล้วไปก่อน พวกเขาจะเป็นกำลังหลักให้พวกเราเอง” เซียวเฟิงพูดอย่างไม่คิดมาก

แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดเล่น แม้ว่าทัพสัมพันธมิตรจะมีจำนวนมากและแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรกับบอสระดับสูง ทว่าเพราะศัตรูของพวกเขาก็เป็นบอสระดับสูงที่อยู่ในเมืองแห่งความโศกเศร้าเหมือนกัน ดังนั้นจะให้ใช้พลังไปโดยสิ้นเปลืองไม่ได้

การที่เขาบอกว่ากำลังรบหลักจะเป็นผู้เล่นนั้น เซียวเฟิงประมาณเอาจากจำนวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมภารกิจสมรภูมิในครั้งนี้ ซึ่งอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะ 1 ใน 10 ของจำนวนผู้เล่นทั้งหมดในเขตฮัวเซียแล้ว นั่นหมายถึงเขาจะมีทัพผู้เล่นอยู่ร่วมหลายสิบล้านคนในสงครามครั้งนี้ ด้วยจำนวนระดับนี้ หากเป็นคลื่นก็คงจะท่วมเมืองแห่งความโศกเศร้าได้ไม่ยาก

ถึงแม้ว่าผู้เล่นเหล่านี้จะไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องมาเผชิญกับบอสระดับสูง แต่อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ทัพหลักไม่จำเป็นต้องกังวลกับบอสระดับทั่วไปที่มีค่าเท่ากับแต้มความสำเร็จหากผู้เล่นกำจัดได้ ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะไม่ได้เห็นแม้แต่รอยเท้าของบอสเดินป้วนเปี้ยนไปมาเลยก็ได้

ด้วยเหตุนี้เซียวเฟิงจึงไม่ทำอะไรจนกว่าเหล่าผู้เล่นที่อยู่ทั่วดินแดนแห่งความมืดมิดจะเข้าไปถึงเมืองแห่งความโศกเศร้าก่อน ผู้เล่นเหล่านี้จะช่วยจัดการมอนสเตอร์ตัวเล็กและบอสระดับทั่วไปใน ขณะเดียวกันก็จะเหลือบอสระดับสูงเอาไว้ให้กับสัมพันธมิตร และเมื่อเป็นเช่นนี้ด้วยพลังโจมตีที่ทำได้ของเซียวเฟิง เขาจะสามารถจัดการบอสระดับสูงพวกนี้ลงได้ง่าย ๆ และมันจะทำให้ภารกิจเปลี่ยนคลาสขั้นที่ 2 ของเขาผ่านไปได้ในที่สุด เพอร์เฟกต์!

จริง ๆ ทุกสิ่งมันก็เป็นไปตามที่เซียวเฟิงคาดคะเนไว้ทุกอย่าง ภารกิจสมรภูมิเริ่มมาได้กว่าสองชั่วโมงแล้ว และผู้เล่นที่เข้าร่วมภารกิจนี้ก็ช่วยจัดการมอนสเตอร์ระดับยิยย่อยไปจนหมดแล้วด้วยเช่นกัน ไม่มีมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาให้เห็นตลอดทาง ที่เห็นได้ก็จะมีแต่ในส่วนของเมืองแห่งความโศกเศร้าเท่านั้นที่จะยังมีผู้เล่นพากันถอยออกมาเพราะด้านในมีบอสระดับสูงอยู่

“อะไรน่ะ? บอสเลเวล 30 ระดับเงินอีกตัวงั้นเหรอ? อะไรจะบังเอิญขนาดนี้เนี่ย? ฉันจะไปจัดการเองพร้อมกับคนของฉัน!!”

“บอสเลเวล 25 เหรอ? ถ้าพวกนายรับมือไหวก็จัดการเลย หรือไม่ก็ปล่อยมันไป เดี๋ยวทัพที่ 3 และทัพที่ 4 ที่อยู่ด้านหลังจะจัดการมันให้เอง!”

รอบ ๆ ทัพสัมพันธมิตรในตอนนี้ยังคงมีกิลด์มากมายห้อมล้อมไว้อยู่แต่ไม่ใช่ทั้งหมด บางกิลด์เริ่มจะกระจัดกระจายกันออกไปตามทิศทางต่าง ๆ บ้างแล้ว

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ดักแย่งมอนสเตอร์ของผู้เล่นทั่ว ๆ ไปที่เข้าร่วมเลย ใจหนึ่งก็เพราะต้องการทำให้เหล่าผู้เล่นจำนวนมากเหล่านี้รู้สึกสบายใจ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มค่าความน่านับถือให้กับกิลด์มากขึ้นหากพวกเขาไม่ยื่นมือเข้าไปแทรกเช่นนี้ ส่วนอีกใจหนึ่งก็เพราะว่าแต้มความสำเร็จสมรภูมินั้นมีจำนวนจำกัด มันจะไม่คุ้มค่าหากยกกิลด์ไปถล่มมอนสเตอร์ตัวเล็ก ๆ เพียงไม่กี่ตัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเข้าลึกไปในสมรภูมิมากขึ้นเรื่อย ๆ บอสจำนวนมากก็เริ่มทยอยกันออกมาต้อนรับ บอสเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นทั่วไปต้องวางมือและถอยกลับกันอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะโค่นพวกมันเหล่านี้ ดังนั้นแล้ว…บอสระดับสูงทั้งหลายจึงตกมาเป็นหน้าที่ของกิลด์ที่มาด้วยจัดการแทน

ด้วยอัตราการดร็อปไอเทมที่สูงขึ้นถึงสิบเท่าระหว่างที่สมรภูมิยังดำเนินอยู่นี้ มันทำให้ไอเทมระดับสูงมากมายพากันดร็อปลงมาสร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่ากิลด์ที่กำจัดบอสตัวนั้น ๆ ได้กันถ้วนหน้า ไหนจะแต้มความสำเร็จปริมาณมหาศาลที่ได้รับอีก

เพราะฉะนั้นแล้ว ระหว่างที่เหล่าผู้เล่นระดับสูงของกิลด์กำลังเข้าห้ำหั่นกับบอสที่ปรากฏตัวขึ้นมา เหล่าผู้เล่นทั่วไปที่เคยได้เฉิดฉายก่อนหน้าก็ได้แต่ยืนมอง พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากจะมีคนไม่พอแล้ว ความสามารถหรือกลยุทธ์ก็ไม่สามารถเทียบเท่ากิลด์ได้ด้วย ดังนั้นขืนเข้าไปก็มีแต่จะตีกันเองแล้วถูกบอสฆ่าตายเสียเปล่า ๆ

ทว่าการปราบบอสก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกิลด์ขนาดใหญ่เช่นกัน เพราะยังไงเสียบอสเหล่านี้ก็เป็นบอสเลเวล 30 ซึ่งหมายถึงมันจะต้องเก่งในระดับหนึ่งเลย บางทีอาจจะต้องใช้คนถึงหมื่นคนเพื่อจะโค่นมันก็เป็นได้

แต่ถึงจะบอกว่าไม่ง่าย ด้วยความฮึดสู้หมายจะได้มาซึ่งไอเทมดี ๆ ก็ทำให้เซียวเฟิงต้องพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิดจนต้องอ้าปากค้าง บอสเลเวล 30 ระดับเงินที่ถูกกิลด์ไดนัสตี้กำจัดไปเมื่อครู่นี้ได้ดร็อปรองเท้าระดับเทพเจ้าลงมาคู่หนึ่งด้วย! และรองเท้าคู่นั้นก็ปรากฏขึ้นในรายการไอเทมทันที!

อัตตราดร็อปที่สูงเช่นนี้มันน่ากลัวจริง เนื่องจากทั่วทั้งเขตฮัวเซียนั้นมีเพียงเซียวเฟิงที่ถือครองไอเทมระดับอาร์ติแฟกต์อยู่ เพราะงั้นไอเทมระดับเทพเจ้าที่ดร็อปมานั้นจึงถือว่าเป็นระดับสูงมากหากไม่นับกับของเซียวเฟิง!

ในตอนท้าย รองเท้าคู่นั้นตกเป็นของ นักธนูอายุ 17 บางทีอาจจะเป็นเพราะไอเทมชิ้นนี้เหมาะกับเขามากที่สุดภายในกิลด์ไดนัสตี้ก็ได้ ซึ่งเซียวเฟิงก็เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นดูจะดีใจสุด ๆ เช่นกัน

อัตราการดร็อปไอเทมที่เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่านี้นับว่าสูงมาก หลังจากที่ไดนัสตี้เปิดประเดิมไปก่อนแล้ว ไม่ถึงยี่สิบนาทีมิดซัมเมอร์เองก็ได้มีดสั้นระดับเทพเจ้ามาอีกหนึ่งเล่มด้วยเช่นกัน หลังจากที่ฆ่าบอสเลเวล 25 ระดับทองได้ มีดเล่มนั้นถูกส่งให้ซือเยี่ยจิ๋ง ส่วนคนอื่น ๆ ที่ได้เข้าร่วมต่อสู้จะได้รับเป็นเหรียญทองจากหลิวเฉียงเหว่ยแทน

มันคงจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าภารกิจสมรภูมินี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเขตฮัวเซียเป็นอย่างมาก ไอเทมระดับเทพเจ้าสองชิ้นถูกดร็อปก่อนที่การต่อสู้จริง ๆ จะเริ่มต้นขึ้นเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นแต้มความสำเร็จสมรภูมิที่ได้รับกันนั้นก็สามารถเอาไปแลกไอเทมระดับสูงได้อีกด้วย เขาเริ่มเห็นภาพลาง ๆ แล้วว่าหลังจบภารกิจนี้ ทั่วทั้งเขตฮัวเซียจะต้องมีไอเทมระดับสูงปรากฏให้เห็นมากกว่าเดิมแน่ ๆ

“เร่งฝีเท้า!”

เซียวเฟิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว ด้วยอัตราการดร็อปสูงเช่นนี้ หากเขาไม่ได้อาร์ติแฟกต์มาจากเมืองแห่งความโศกเศร้าสักชิ้น เรื่องในวันนี้คงต้องเสียเปล่ามากแน่ ๆ เพราะฉะนั้น ชายหนุ่มจึงออกคำสั่งโดยตรงให้กับทัพสัมพันธมิตรและทำให้ทัพขนาดใหญ่นี้เคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วทันที

“ทัพของ NPC เร่งความเร็วแล้ว หยุดสู้! แล้วกลับมา!”

“สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ทุกหน่วย จัดการบอสให้เร็วที่สุดแล้วกลับมารวมตัวกันซะ!”

ในตอนที่ทัพสัมพันธมิตรเริ่มเร่งความเร็ว เหล่ากิลด์ที่อยู่รอบข้างก็ตระหนักได้ในทันที พวกเขารีบส่งข้อมูลและเรียกสมาชิกที่ปลีกตัวออกไปกลับมาผ่านช่องแชตของกิลด์

ผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้จากการปราบบอสของสมาชิกกิลด์ไม่ว่าจะเป็นค่าประสบการณ์หรือแต้มความสำเร็จสมรภูมิจะถูกแบ่งกันไปอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ค่าประสบการณ์และแต้มความสำเร็จที่เหล่าผู้เล่นทีมระดับสูงทำได้ จะถูกแบ่งให้กับสมาชิกทุกคนในกิลด์ที่เข้าร่วมสมรภูมินี้ด้วย ไม่งั้นแล้วมันจะไม่ยุติธรรมกับผู้เล่นที่ทำได้แค่ป้องกันทัพเท่านั้น

“เอ่อ…ท่านหัวหน้าเฉียงเหว่ย คุณพอจะติดต่อเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้หรือเปล่า? พวกเราอยากจะพบเขาหน่อยน่ะ”

หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้ออกจากทัพของมิดซัมเมอร์ไปด้วย เพราะงั้นสกายจึงเข้ามาหาเธอพร้อมกับกลุ่มของสมาชิกของพวกเขาเองนิดหน่อยและพูดกับเจ้าหล่อนด้วยความจริงใจ

“เพื่ออะไร?”

จริง ๆ แล้วหลิวเฉียงเหว่ยก็ไม่ได้อยากจะตอบรับอะไรนัก มันเป็นเรื่องไร้สาระเอาการที่จะมาให้เธอติดต่อเซียวเฟิงให้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาจะติดต่อไปเองก็ยังได้

ทว่าเมื่อมองตามไปด้านหลังของสกายและพบว่าคนที่ตามหลังเขามานั้นล้วนแต่เป็นผู้เล่นที่มีสัมพันธไมตรีอันดีกับเซียวเฟิงรวมถึงมิดซัมเมอร์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิลด์เดอะวูล์ฟ ทัฟแมนอาลิแอนซ์หรือแม้แต่กิลด์ไฟโลกันตร์ มันเลยทำให้เธอต้องคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามกลับไป

“คืองี้นะครับ ในเมื่อตอนนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นแม่ทัพใหญ่ของทัพสัมพันธมิตร พวกเราเลยคิดว่าบางทีพวกเราอาจจะได้ผลประโยชน์จากเขามากขึ้นกว่านี้ เพราะงั้นพวกเราจึงอยากจะใช้ช่องทางนี้ในการสร้างผลประโยชน์กันสักหน่อย…”

สกายพูดพร้อมกับฝืนยิ้ม ซึ่งด้านหลังเขา จืออี้ก็ได้แต่ระงับความโกรธไว้ด้วยใบหน้าเยือกเย็น เธอทำได้เพียงมองไปทางหลิวเฉียงเหว่ยเพื่อรอฟังคำตอบเท่านั้น

จริง ๆ แล้วมันก็ใช่ ที่ว่ากิลด์วอร์สปิริตนั้นมีสัมพันธไมตรีอันดีกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ พวกเขาจะติดต่อไปยังอีกฝ่ายด้วยตนเองก็ได้ แต่ถึงอย่างไรวิธีนี้มันก็น่าจะย่อมได้ผลดีกว่า นั่นคือการเลือกที่จะเข้าหาใครสักคนที่ใกล้ชิดกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาทั้งหมดในที่นี้ต่างเชื่อกันว่าหลิวเฉียงเหว่ยนั้นเคยนอนกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอคนนี้น่าจะเป็นตัวช่วยที่เหมาะสมที่สุดแล้วตอนนี้!