ตอนที่ 214 การอำลาของจวินโม่ซี

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จิ่วเยี่ยกอดนางไว้แน่นเช่นเคย ในวันถัดไปมู่เฉียนซีถูกปลุกให้ตื่นด้วยจุมพิตอันแผ่วเบา

กลิ่นอายที่บ้าคลั่งนั่นทำให้มู่เฉียนซีนึกว่าคำสาปของจิ่วเยี่ยกำเริบอีกแล้ว แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมามองอย่างชัด ๆ ก็กลับไม่พบเขา

จนถึงเมื่อจุมพิตนั้นจบลง จิ่วเยี่ยก็ได้มอบจุมพิตที่หน้าผากนางเบา ๆ เป็นการปิดท้าย

มู่เฉียนรู้สึกเย็นอยู่วาบหนึ่งที่บนหน้าผาก  นางรอจนเมื่อจิ่วเยี่ยผละออกไป หน้าผากของนางก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ นางลืมตาขึ้นมองอีกครา

“รอข้ากลับมา” เงาสีดำนั้นได้หายวับไปต่อหน้ามู่เฉียนซี

“สาวน้อย สาวน้อย…” เช้าตรู่ จวินโม่ซีรีบวิ่งเข้ามาหานาง “สาวน้อย เจ้าทำเป็ดย่างให้ข้าสักร้อยตัว ไก่ย่างร้อยตัว แกะย่างร้อยตัว หมู่ย่าง…”

“เอ้า! ยังไม่พออีก เจ้าจะเอาสักพันตัวเลยไหมเล่า ?” ใบหน้าของมู่เฉียนซีที่เต็มไปด้วยเส้นสีดำเดินออกมาจากห้อง “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นหมูรึ ? เหตุใดจะกินมากเช่นนั้น ?”

จวินโม่ซี “แม่สาวน้อย เจ้าไม่ทำให้ข้ากิน ข้าคงไม่ได้กินของที่เจ้าทำไปนานช่วงหนึ่งเลยเชียว! เจ้าทำหน่อยเถอะนะ สางสารข้าหน่อยแล้วกัน”

มู่เฉียนซีตะลึง “หืม ? จวินโม่ซีเจ้าจะไปแล้วรึ ?” จวินโม่ซี “ข้าเองก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว หอหมอปีศาจของเจ้าไม่มีข้านั่งอยู่ก็สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ตามปกติ ข้าเองก็ควรไปแล้ว”

ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววตกตะลึง ที่ของนางตรงนี้อยากกินอะไรก็มีให้กิน อยากดื่มอะไรก็มีให้ดื่ม จวินโม่ซีไม่มีทางจากไปด้วยเหตุผลที่แย่ ๆ เพียงเท่านี้แน่นอน

นางกล่าวถาม “จวินโม่ซี เกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ?”

“ไม่มี ข้าแค่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวไปสักหน่อย เจ้ารีบทำของอร่อย ๆ ให้ข้ากินเถอะ”

“หากเจ้านึกอยากกิน เจ้าก็ไปเอาเงินที่หอหมอปีศาจสักหน่อย ทีนี้เจ้าอยากกินอะไรก็ไปซื้อกินก็ได้แล้ว”

“แต่ว่าข้าอยากกินของอร่อยที่เจ้าทำ สาวน้อย  มู่เฉียนซีสาวน้อย… เจ้าสงสารข้าเถอะนะ…” จวินโม่ซีในเวลานี้เสมือนดั่งเด็กน้อยที่น่าสงสารคนหนึ่ง

มู่เฉียนซีถอนหายใจพลางกล่าว “เอาล่ะ ๆ เห็นแก่ที่เจ้าจะไป วันนี้ข้าจะทำเลี้ยงส่งโดยเฉพาะ แต่อะไรร้อยตัวพันตัวแบบนั้นเจ้าอย่าได้คิดเชียว ทำมากเช่นนั้นข้าคงเหนื่อยตาย”

จวินโม่ซี “แค่มื้อเดียวก็มื้อเดียว แต่ข้าจะกินให้มาก ๆ”

ท่านราชาโอสถกินดื่มจนอิ่มเหลือล้น เมื่อนายท่านสามแห่งตระกูลมู่รู้เข้า นายท่านสามแห่งตระกูลมู่จึงกล่าวขึ้น “ซีเอ๋อร์ทำของอร่อย เหตุใดถึงไม่บอกอาเสียหน่อย ?”

จวินโม่ซีรีบกล่าว “นี่ของข้า นายท่านสามจะมาแย่งของข้าไม่ได้”

เมื่อเห็นเขาลืมตัวเช่นนั้น มู่เฉียนซีแทบอยากจะตบเขาด้วยพลังทั้งหมดที่มีให้เขาตายไปเลย

“ของที่ข้าทำในวันนี้ ให้เจ้ายัดเข้าจนท้องแตกก็กินไม่หมด ยังจะต้องทำท่าทางหวนแหนเช่นนั้นอีกรึ ?” มู่เฉียนซีกล่าวพลางขมวดคิ้ว จวินโม่ซี “ข้าโศกเศร้าที่จะจากลา ข้าจึง…”

มู่เฉียนซีแสยะยิ้ม กล่าวประชดประชัน “อาการแบบนี้น่ะรึโศกเศร้าที่จะจากลา ?” จากนั้นนางหันไปกล่าว “ท่านอา ในเมื่อท่านมาแล้ว เช่นนั้นก็มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของข้าดูสักหน่อยเถอะ”

มู่อวู่ซวงพยังหน้า “ได้”

ปรากฏว่าเมื่อเริ่มกิน จวินโม่ซีก็ได้บ่นขึ้นมาเพราะมู่เฉียนซีนั้นเอาแต่คีบอาหารให้นายท่านสามมู่อวู่ซวง แต่ว่าเขานั้นต้องคอยแก่งแย่งเอาเอง

จวินโม่ซีกล่าวขึ้น “นี่แม่สาวน้อย ข้าจะไปอยู่แล้ว เจ้าทำดี ๆ กับข้าสักหน่อยมิได้หรือ ?”

มู่เฉียนซี “ข้าได้ทำอาหารชุดใหญ่ให้เจ้าแล้ว ยังไม่นับว่าดีอีกรึ ?”

มู่อวู่ซวง “ราชาโอสถจะไปแล้วรึ ?”

จวินโม่ซีกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ใช่แล้วนายท่านสาม กินเสร็จแล้วข้าจะไปเลย อย่างไรเสียแม่สาวน้อยก็ไม่ได้สนใจข้าสักนิด”

มู่อวู่ซวงกลับยินดี อย่างไรจวินโม่ซีก็จัดว่าเป็นบุรุษ ไปเสียห่างจากหลานสาวเขาสิถึงจะดี

แม้ว่าจวินโม่ซีจะไม่พอใจกับความลำเอียงของมู่เฉียนซี แต่ว่าเขานั้นก็ได้กินอิ่มอย่างพอใจ

“ข้าไปแล้วนะ…”

มู่เฉียนซี “สวนสมุนไพรของเจ้า เจ้าอยากให้ข้าคืนให้เจ้าหรือไม่ ?”

จวินโม่ซีกล่าวอย่างตระหนกตกใจ “โอ้แม่สาวน้อย! ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วว่าเจ้าย้ายทุ่งสมุนไพรของข้าออกไปจนเกลี้ยง”

มู่เฉียนซี “แน่นอนว่าตอนนี้ข้าสามารถยอมรับได้ อย่างไรเสียเจ้าก็สู้ข้าไม่ได้”

แม้ว่าพลังของนางจะไม่แข็งแกร่งเท่าเขา ทว่านางก็มีเสี่ยวหงและอู๋ตี้อยู่ จะอย่างไรเสียก็เข้าไปลุยไปสู้ด้วยกันได้

จวินโม่ซีปรับเปลี่ยนท่าทีก่อนจะกล่าวอย่างดุดัน “สาวน้อย ข้าอยากจะตบเจ้าแรง ๆ สักครั้งจริง ๆ  ข้าไม่เคยพบเจอสตรีใดใจดำน่ารังเกียจเช่นเจ้ามาก่อน”

“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ถ้าหากตบข้าเจ้าก็อดได้สวนสมุนไพรคืน สรุปเจ้าจะเอาหรือว่าไม่เอา ?”

จวินโม่ซี “ข้าไม่ได้กลับไปที่หุบเขาราชาโอสถเสียหน่อย เจ้าจะให้ข้าพกสวนสมุนไพรไปทำไมเล่า ? เจ้าย้ายมันออกเสียจนเกลี้ยงแล้วใส่ของของเจ้าเข้าไป ข้าไม่ได้มีที่ที่จะให้ใช้ได้”

มู่เฉียนซียิ้ม “นั่นก็หมายความว่าจะยกสวนสมุนไพรให้ข้ารึ ? ขอบคุณมาก”

“การขอบคุณของเจ้า ช้ามากไปกระมัง ?!”

ในที่สุดจวินโม่ซีก็ออกไปอย่างกะทันหัน เขาบอกว่าจะไปในวันนี้ แต่ว่ามู่เฉียนซีกลับไม่ได้ข่าวการออกจากเมืองของเขาเลย  นางพึมพํา “เจ้าคนเห็นแก่กินนี่คงไม่ได้มาหลอกข้าว่าจะไปเพื่อที่จะได้กินดื่มมื้อใหญ่หรอกใช่หรือไม่ ?  หากเป็นเช่นนั้นละก็ ต่อไปอย่าได้หวังว่าจะได้ข้าวกินสักคำจากที่นี่”

ในคืนนั้น  เงาสีขาวพุ่งเข้าไปในลานกว้างที่เรือนของมู่เฉียนซี เงานั้นลอบเข้าไปในเรือนของนาง

ด้วยการที่จิ่วเยี่ยลอบเข้ามาทุกคืน มู่เฉียนซีจึงกลายเป็นผู้มีประสาทสัมผัสไว แต่กลิ่นอายที่เข้ามาที่นี่คืนนี้ มิใช่จิ่วเยี่ยอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีลืมตาทั้งสองขึ้นมองไปรอบ ๆ พลันเห็นจวินโม่ซียืนยิ้มเจื่อน ๆ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“จวินโม่ซีเจ้ามาทำอะไร ?”

ภายใต้แสงจันทร์ ชายหนุ่มผู้หนึ่งมีใบหน้าราวกับเทพบนเมฆามองดูมู่เฉียนซี

จวินโม่ซีคาดไม่ถึงว่าแม้เขาจะระวังแล้วระวังอีก สุดท้ายเขาก็ถูกจับได้  เขายิ้มอย่างเขินอายก่อนจะกล่าวว่า “มู่เฉียนซีสาวน้อย สวัสดีตอนกลางคืน”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วงุนงง “ไม่สวัสดีอะไรทั้งนั้น ตอนกลางคืนข้าหลับ  ดึก ๆ ดื่น ๆ มีคนบุกเข้ามาเช่นนี้ข้าก็ต้องตื่น  เจ้าบอกมาเถอะ เหตุใดจึงมาที่นี่ ?”

จวินโม่ซี “ข้ามานี่เพื่อบอกเจ้า”

“แล้วในมือเจ้าถืออะไรไว้ ?”

จวินโม่ซีเดินไปหามู่เฉียนซี และมอบของในมือให้นาง มันเป็นกระบอกไม้ไผ่กระบอกหนึ่ง

“สาวน้อย ก่อนที่ข้าจะกลับมา เจ้าช่วยข้าเก็บรักษาม้วนไม้ไผ่นี้ไว้ให้ดี”

“ถ้าเจ้าอยากให้ข้าช่วย อย่างน้อยข้าก็ขอดูหน่อยเถอะว่ามันคืออะไร” มู่เฉียนซีกล่าวไปเช่นนั้น ทว่านางถูกจวินโม่ซีหยุดไว้

“เดี๋ยวค่อยดู ให้ข้าไปก่อนแล้วเจ้าค่อยดู”

จวินโม่ซีมีสีหน้าจริงจังอย่างเห็นได้ชัด มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ได้ ม้วนไม้ไผ่นี้ข้าจะช่วยเจ้าเก็บดูแลเอาไว้เอง  ข้ายังไม่ได้ดูตอนนี้วางใจเถอะ  เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่ ?”

จวินโม่ซีหันหลังโบกมือ กล่าวว่า “ไม่เป็นไร แล้วเจอกัน ข้าหวังว่าเมื่อเราพบกันอีกครั้ง ระดับการปรุงยาของเจ้าจะสามารถตามข้าทัน”

มู่เฉียนซียิ้ม “อืม นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

ยาของมู่เฉียนซีนั้นทรงพลังมาก แต่เป็นเพราะระดับพลังวิญญาณของนางยังไม่เพียงพอ นางจึงยังคงเป็นได้เพียงนักปรุงยาระดับล่างเช่นเดิม ไม่เหมือนกับจวินโม่ซีที่เป็นปรมาจารย์การปรุงยาขั้นสูง ยาระดับเจ็ดระดับแปด เขาสามารถหลอมปรุงออกมาได้อย่างสบาย ๆ

แต่ทว่าขอแค่ระดับของพลังวิญญาณของนางนั้นเพิ่มระดับขึ้น ระดับการปรุงยาของนางก็จะสามารถตามทันจวินโม่ซีได้ นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน

ร่างสีขาวนั้นได้หายไปจากด้านหน้าของมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีบ่นอุบอิบ “เจ้าคนตะกละนี่เอาของมาฝาก ทำท่าทางพิลึกประหลาดแล้วก็บอกว่าจะไป สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

ม้วนไม้ไผ่ในมือของนางนั้นหนักมาก ในเมื่อจวินโม่ซีจากไปแล้ว แน่นอนว่านางสามารถดูได้ว่านี่คืออะไร

มู่เฉียนซีค่อย ๆ กางม้วนไม้ไผ่นั่นออกช้า ๆ เมื่อนางได้เห็นเนื้อหาเพียงด้านบนก็ถึงกับตะลึงตาค้าง

.