ตอนที่ 215 หม้อเทพนิรันดร์

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีออกคําสั่ง “มู่อี ระดมกำลังองครักษ์เงาทั้งหมดไปช่วยกันจับตัวจวินโม่ซีกลับมา”

“ขอรับ”

เวลานี้มู่เฉียนซีจ้องไปที่เนื้อหาบนม้วนไม้ไผ่นั้น มันเป็นเนื้อหาที่บันทึกเกี่ยวกับหม้อเทพนิรันดร์

หม้อเทพนิรันดร์และหม้อวิญญาณนิรันดร์เป็นหม้อสูงส่งซึ่งถือเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งแห่งเทพนิรันดร์ หากได้มาจะสามารถฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ ปลุกคนตายให้ฟื้นคืน ผงกระดูกเนื้อขาว…

นอกจากบันทึกเหล่านี้แล้ว ยังมีแผนที่ที่ซับซ้อนอยู่ด้วย มู่เฉียนซีไม่สามารถอ่านแผนที่นี้ได้อย่างเข้าใจ  ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจ จวินโม่ซีต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน

ในเมื่อเขามีของเช่นนี้อยู่ เขาคงรู้จักหม้อเทพนิรันดร์เป็นอย่างดี มิน่า… เขามักจะพูดถึงหม้อเทพนิรันดร์อยู่เสมอ

ไม่แปลกใจเลยที่เขามักจะพูดถึงหม้อเทพนิรันดร์ต่อหน้านางนัก อีกทั้งยังบอกนางไว้ว่าการจะได้หม้อเทพนิรันดร์มานั้น ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขามีเบาะแสแต่แรกอยู่แล้ว

เจ้าจวินโม่ซีจอมตะกละทิ้งปริศนาใหญ่ ๆ และแผนที่อันเป็นปริศนาเอาไว้แล้วจากไป ช่างน่าเกลียดเสียจริง  หึ! ต้องจับกลับมาให้ได้ คิดที่จะไปง่าย ๆ เช่นนี้รึ ? ไม่มีทาง!

อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป พวกมู่อีก็กลับมา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลับมามือเปล่า หนึ่งในพวกเขากล่าว “ท่านผู้นำตระกูล พวกเราหาตัวราชาโอสถไม่พบขอรับ เขาหนีไปแล้ว แตได้ทิ้งสิ่งนี้ไว้ขอรับ” มันเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง

“ไล่ตามต่อไป!” มู่เฉียนซีกล่าวขณะรับจดหมายมา จากนั้นเปิดจดหมายอ่านเนื้อหาด้านใน

‘สาวน้อย เจ้าต้องการหม้อเทพนิรันดร์ ข้อมูลทั้งหมดนั้นอยู่ในม้วนกระดาษในกระบอกไม้ไผ่นั่น ข้าอ่านมันไม่เข้าใจ เจ้าจงค่อย ๆ ศึกษาทำความเข้าใจด้วยตนเองเถิด  แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ… หม้อเทพนิรันดร์นั่นอยู่ในทวีปเซี่ยโจวอันกว้างใหญ่นี้ จงอย่าได้ถามว่าเหตุใดข้าจึงรู้ อย่างไรข้าก็ไม่บอกเจ้า!…

จวินโม่ซี…’

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วครุ่นคิด ‘หืม ? อย่าบอกนะว่า…’

มู่เฉียนซีนางโกรธมาก เหตุใดจึงไม่บอกกันดี ๆ มาทิ้งปริศนาทำเป็นลึกลึบแล้วหนีไปเช่นนี้เพื่อจุดประสงค์อันใดกัน ? จวินโม่ซีเป็นถึงยอดฝีมือระดับจักรพรรดิวิญญาณ ดูเหมือนว่าความสามารถในการหลบลี้ของเขาจะยอดเยี่ยมมิใช่น้อย องครักษ์เงาตระกูลมู่ตามหาตัวเขาอยู่นานมาก กลับไม่เจอแม้แต่เงา

มู่เฉียนซีหงุดหงิดงุ่นง่านใจ นางกล่าวว่า “ไม่ต้องหาแล้ว เขานั้นตั้งใจจะจากไป เห็นทีคงตามกลับมาไม่ได้ พวกเราเก็บแรงเอาไว้เสียดีกว่า”

“ขอรับ”

มู่เฉียนซีพยายามทุกวิถีทางเพื่อถอดปริศนาบนแผนที่ในม้วนไม้ไผ่นั้น

แผนที่นี้คงจะอยู่กับตัวจวินโม่ซีมานานแล้ว แต่เขาเองก็ไม่สามารถที่จะถอดรหัสมันได้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยุ่งยากเรื่องหนึ่ง

มู่เฉียนซียังคงเป็นกังวล จวบจนป่านนี้แล้วยังไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเลย

มู่อวู่ซวงเห็นหลานสาวเป็นกังวลจึงกล่าวปลอบโยน “ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้รีบร้อนเลย ไม่เป็นไรหรอก อาของเจ้าหาใช่ผู้อ่อนแอ ข้าไม่ใช่ว่าจะทนไม่ไหวง่ายดายเช่นนั้น”

แคว้นจื่อเยี่ยเพิ่งคืนสู่ความสงบ แต่ทางด้านแคว้นชิงเพิ่งจะเกิดเรื่องขึ้น

ทางด้านไป๋กั๋วกงมาขอความช่วยเหลือจากหอหมอปีศาจในแคว้นชิง ไป๋กั๋วกงมาบอกว่าคุณชายน้อยของจวนกั๋วกงถูกคนลอบทำร้ายได้รับบาดเจ็บหนักถึงขั้นเส้นลมปราณขาด เวลานี้ยังสลบหลับใหลไม่ได้สติ

เหล่านักปรุงยาของหอหมอปีศาจแห่งแคว้นชิง ไม่สามารถที่จะรักษาอาการของคุณชายน้อยไป๋มู่เฟิงได้ พวกเขาจึงจำต้องเชิญท่านหมอปีศาจออกโรงเอง จวนไป๋กั๋วกงนั้นเคยช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่หอหมอปีศาจของพวกเขามาไม่น้อยเลย ครานี้มู่เฉียนซีจึงมิอาจจะเห็นความตายเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ช่วยเหลือพวกเขาได้

สำหรับสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี แคว้นจื่อเยี่ยไม่สามารถหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีได้ นางจึงจะถือโอกาสนี้ไปหาดูที่แคว้นชิง  หากที่แคว้นชิงก็หาไม่พบ เช่นนั้นหาให้ทั่วทั้งภาคตะวันตกของเซี่ยโจวหรือไม่ก็ทั้งเซี่ยโจวนางน่าจะหาเจอ

หลังจากที่นางกล่าวอำลากับมู่อวู่ซวงแล้ว ก็รีบรุดไปที่แคว้นชิงไปจนถึงหอหมอปีศาจ “ผู้นำตระกูลมู่มาแล้ว ท่านหมอปีศาจล่ะ ? คุณชายน้อยจะทนไม่ไหวแล้ว” เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมา เหล่าบรรดานักปรุงยาหอหมอปีศาจเริ่มร้อนใจ

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงราบเรียบ “แน่นอนว่าเขานั้นมากับข้า”

มู่เฉียนซีขึ้นไปที่ด้านบนหอหมอปีศาจ จากนั้นนางได้แปลงกายเป็นอาถิงเพื่อเป็นมู่ซีอีกครั้ง

มู่เฉียนซีมองใบหน้าเรียบเนียนสง่านั้นก่อนจะกล่าวกับตนเองด้วยเสียงต่ำ “วันนั้นอาถิงจะพูดอะไรกันแน่ ? บนร่างของจิ่วเยี่ยมีอะไรที่ทำให้เขาไม่สนสิ่งใดและจะเอาทุกสิ่งอย่างไปอย่างบ้าคลั่ง ? หม้อเทพนิรันดร์ที่มีค่ามากในตอนนี้ หรือว่าเป็นสิ่งของมีค่าใดที่คุ้มค่าแก่การที่เขาจะทำตัวบ้าคลั่ง ?”

นางคิดไม่ออกจริง ๆ เจ้าหมอนั่นหลับไปเร็วมาก ดูเหมือนว่าคงได้แต่ต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมาจึงค่อยไปสอบปากคำเพิ่มได้

ไม่นานนัก เด็กหนุ่มรูปงามเกินมนุษย์ก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าบรรดานักปรุงยาหอหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีในร่าง ‘มู่ซี’ รีบเดินทางไปที่จวนกั๋วกงที่ซึ่งเวลานี้โกลาหลวุ่นวาย จวบจนเมื่อพวกเขาได้เห็นร่างหมอปีศาจปรากฏขึ้น จิตใจของพวกเขาจึงสงบลงได้บ้าง

พวกเขาโห่ร้อง “ท่านหมอปีศาจมาแล้ว ท่านหมอปีศาจมาแล้ว!”

“เยี่ยมมาก เช่นนี้แล้วเราก็มีหนทางช่วยเหลือคุณชายน้อย”

“โอ้!…”

ชื่อของหมอปีศาจแห่งหอหมอปีศาจนั้นโด่งดังยิ่งนัก หมอปีศาจเป็นที่รู้จักอย่างมากทั้งในแคว้นจื่อเยี่ยและแคว้นชิง

ไป๋กั๋วกงรีบออกมาต้อนรับ เขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “หมอปีศาจ ขอแค่เจ้าสามารถรักษาหลานที่ไม่เอาไหนของข้าได้ ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรก็ขอให้บอกข้ามาเลย”

มู่เฉียนซี “ไปดูสถานการณ์ของไป่มู่เฟิงก่อนเถิด”

“อืม”

สถานการณ์ของไป๋มู่เฟิงนั้นไม่ดีเป็นอย่างมาก  ถ้าหากไม่ใช่เพราะไป๋กั๋วกงมียาวิเศษที่เก็บเอาไว้มากมายและใช้ยาเหล่านั้นยื้ออาการไว้ เกรงว่าป่านนี้ชีวิตของเขาคงจะดับสูญไปแล้ว

มู่เฉียนซีในร่างมู่ซีขยับมือฉีดยาให้เขาอยู่หลายแห่ง ชั่วพริบตาก็สามารถควบคุมสถานการณ์ของเขาเอาไว้ได้

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม “ข้าต้องการปรุงยา พาข้าไปที่ห้องปรุงยาของจวนที”

อาการของไป๋มู่เฟิงนั้นหนักกว่าที่นางคิดไว้มาก นางไม่ได้พกยาวิเศษพร้อมใช้ติดตัวมาด้วย

ไป๋กั๋วกงกล่าวอย่างรีบเร่ง “เชิญท่านหมอปีศาจทางนี้” จากนั้นเขาถามขึ้นว่า “ต้องเตรียมสมุนไพรวิญญาณอะไรหรือไม่ ?”

“ที่ตัวข้านี้มีสมุนไพรวิญญาณนำมาอยู่ ท่านไป๋กั๋วกงให้คนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือข้าจัดการเอง”

ตระกูลมู่และหอหมอปีศาจมีสำนักตานจี้คอยส่งสมุนไพรวิญญาณให้พวกเขาไม่ขาด สมุนไพรวิญญาณทั่ว ๆ ไปก็เช่นกัน

และจื่อโยวเอง เขาก็ส่งสมุนไพรวิญญาณระดับสูงให้อยู่ไม่น้อย ตัวยาบางชนิด แน่นอนว่าจะให้นางไปขอเอากับไป๋กั๋วกง คนที่จวนไป๋กั๋วกงคงไม่สามารถที่จะหามาได้ภายในเวลาอันสั้น

หลังจากที่มู่เฉียนซีปรุงยาน้ำสำหรับฉีดเสร็จเรียบร้อย นางก็ได้ทำการหลอมยาเม็ดต่อ หลังจากที่นางทำสำเร็จแล้วจึงได้ออกมาจากห้องปรุงยา

หลังจากฉีดยาเสร็จเรียบร้อย มู่เฉียนซีก็ให้ไป๋กั๋วกงนำเอาเม็ดยาให้ไป๋มู่เฟิงกิน

มู่เฉียนซี “ต่อจากนี้ เราแค่ต้องรอให้ไป๋มู่เฟิงฟื้นขึ้นมา”

“ขอบคุณหมอปีศาจ เอ่อ… ข้าได้เตรียมชาและของรับประทานเล่นเอาไว้แล้ว หมอปีศาจเชิญทางนี้”

“ได้  หลังจากนี้กว่าไป๋มู่เฟิงจะตื่นขึ้นมาคงใช้เวลาสักพัก และเมื่อหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วคงต้องใช้เวลาเพื่อดูอาการอีกสักหน่อย  ข้าถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะใช้วิธีใดในการรักษาขั้นต่อไป”

ไป๋กั๋วกงดื่มชาเป็นเพื่อนมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นว่า “ไป๋กั๋วกง เป็นผู้ใดที่มาลอบทำร้ายไป๋มู่เฟิงรึ ? ท่านสืบได้เรื่องแล้วหรือยัง ?”

ไป๋กั๋วกงกล่าวอย่างจนใจ “คนพวกนั้นเป็นนักรบเดนตาย พวกมันฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว ไม่เหลือร่องรอยเบาะแสอะไรไว้” ในตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามา เขาคือลุงรองของไป๋มู่เฟิง—ไป๋จื้อหลิน

ไป๋จื้อหลินเดินเข้ามา กล่าวว่า “ท่านพ่อ หมอปีศาจ  อาการของมู่เฟิงนั้นเป็นเช่นไรบ้าง ?”

มู่เฉียนซีกล่าวพลางขมวดคิ้ว “เจ้าไม่เชื่อในความสามารถของข้าหมอปีศาจเช่นนั้นรึ ? ไป๋มู่เฟิงในเวลานี้อาการดีขึ้นและนิ่งสงบแล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”

ไป๋จื้อหลินตะลึงงัน เขายิ้มก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นก็… ยอดเยี่ยม”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกได้อย่างประหลาดว่าลึก ๆ ในดวงตาของไป๋จื้อหลินส่งสัญญาณของความเป็นศัตรูออกมาแวบหนึ่ง

……

ในที่สุดไป๋มู่เฟิงก็ฟื้นตื่นขึ้นมา

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นทันที “ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าได้ถูกช่วยไว้แล้ว แต่ทว่า…”

ไป๋มู่เฟิงกล่าวแทรกขึ้นมา “แต่ทว่าข้ารวบรวมพลังวิญญาณไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ ?”

ใบหน้าของเขาซีดเผือด  ในโลกนี้การที่ไม่สามารถฝึกฝนได้นั้นหมายความว่าอย่างไร เขารู้ดี…

มู่เฉียนซีกล่าวปลอบประโลม “เจ้าอย่าเพิ่งท้อแท้ใจไปเลย ยังมีหนทางอยู่อีกมาก”

แววตาของไป๋มู่เฟิงเป็นประกาย เขาเอ่ยถามขึ้นในทันใด “จริงรึ ?” มู่เฉียนซี “จริง แต่ตอนนี้ข้าต้องขอตัวกลับไปดูที่หอหมอปีศาจเสียหน่อย อย่างไรเจ้าคอยรอข่าวจากข้าเถอะ”

“ดี  ข้าเชื่อเจ้า” ไป๋มู่เฟิงไม่สิ้นหวังอีกต่อไป เขาเชื่อหมอปีศาจอย่างหมดใจ อย่างไรเสียหมอปีศาจจะต้องรักษาเขาได้แน่

……

ระหว่างทางกลับ มู่เฉียนซีกลับเป็นร่างของนางดังเดิม  เมื่อนางเดินเข้าไปในหอหมอปีศาจ พลันได้กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นลอยมา

นักปรุงยาของหอหมอปีศาจผู้หนึ่งวิ่งออกมาอย่างรีบร้อนก่อนจะกล่าวขึ้น “ท่านผู้นำ มีผู้ป่วยมาคนหนึ่ง เขาได้รับบาดเจ็บหนักมากเสียจนแม้จะให้ยาวิเศษไปแล้วก็ยังไมมีผลอันใด ขอให้ท่านช่วยเขาด้วยเถิด ตำแหน่งของเขานั้นไม่ธรรมดาเลย”

มู่เฉียนซีมองผู้ป่วยที่ถูกนำตัวเข้ามาผู้นั้นก็ถึงกับตะลึง

เป็นเขา…

.